ถ้าเป็นในเกมล่ะก็ การตื่นขึ้นของพลังเซนต์ของเอเทอร์น่าจะต่างไปจากนี้นิดหน่อย

พลังของเอเทอร์น่าจะถูกปลุกขึ้นมาเป็นครั้งแรกในอีเวนต์ฟาร่า แต่จะตื่นขึ้นอย่างแท้จริงในระหว่างสงครามปกป้องสถาบัน

มหามาร ‘ลิงยักษ์’ จะนำทัพปีศาจจำนวนมากเข้าโจมตีสถาบัน มีนักเรียนและอาจารย์มากมายเสียชีวิตในสงครามนั้น และแล้วพลังเซนต์ของเอเทอร์น่าก็จะตื่นขึ้นท่ามกลางสนามรบ ก็นะ ในเมื่อชั้นทำลายกองทัพปีศาจหายไปแล้ว อีเวนต์แบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นอยู่แล้วล่ะ

แต่ดูเหมือนว่าในโลกนี้เธอก็ยังจะโดนปลุกพลังขึ้นมาอยู่ดีทั้งที่ไม่มีอีเวนต์พวกนั้น

เธอที่พลังตื่นขึ้นมาจะหมดสติไป สงสัยจะทนการตื่นของพลังไม่ไหวล่ะมั้ง

พอพลังของเซนต์ตื่นขึ้นมา ร่างกายมันก็ยังจะขยับไปเองตามสัญชาตญาน

เธอจะได้สติคืนมาก็ตอนที่เวอร์เนลและพวกพ้องมาหยุดเธอไว้ได้ พวกปีศาจที่อยู่รอบๆโดนทำลายล้างหายไปหมดเลย

แต่ต่อให้เธอขาดสติไปก็เถอะ ก็คงไม่โจมตีคนรอบๆตัวแบบไม่มีเหตุผลนี่นา

“อย่านะ…อย่าเอา…เวอร์เนลไป…ห้ามตายนะ…ไม่เอาแล้ว…ไม่…ไม่…ปีศาจพวกนั้น…ต้องทำลายให้หมด…”

เธอพูดพึมพำอะไรซักอย่างด้วยแวววตาที่ว่างเปล่า

งี้นี่เอง ดูเหมือนว่าเธอจะหลอนเห็นพวกเราเป็นปีศาจสินะ

เพราะอย่างนั้นก็เลยโจมตี

เหตุผลที่เป็นอย่างนั้น…น่าจะมาจากเจ้าดอกไม้นั่น

ดอกลูซิเฟอโรที่เคยปักอยู่บนผมของสาวตัวประกอบ ตอนนี้ไปตกอยู่ข้างๆเท้าของเอเทอร์น่า

เกสรของมันมีพิษหลอนประสาทอยู่ ถึงจะไม่มีผลข้างเคียงอื่น แต่ก็นับได้ว่าเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง

สงสสัยตอนที่สาวตัวประกอบโดนเลย์ล่าเขวี้ยงไป ดอกไม้นั่นคงจะหลุดจากผมของเธอไปตกอยู่ข้างๆเอเทเอร์น่า

จริงๆพิษธรรมดาๆแบบนั้นไม่น่าจะมีผลอะไรกับเซนต์อย่างเอเทอร์น่านะ…แต่ครั้งนี้น่ะเป็นกรธีพิเศษ

ดอกไม้นี้ถูกสวมไว้โดยสาวตัวประกอบที่โดนเจ้าหมึกควบคุมด้วยพลังความมืด คิดว่าพลังความมืดที่ว่าน่าจะส่งผลอะไรบางอย่างกับลูซิเฟอโรทำให้พิษของมันรุนแรงขึ้นไปอีก

ยิ่งกว่านั้นเอเทอร์น่ายังสลบอยู่จนถึงเมื่อกี๊นี้

ทำให้ลูซิเฟอโรที่ไม่น่าจะมีผลกับเซนต์มีผลขึ้นมาได้

ระหว่างที่อธิบายเรื่องนี้กับเลย์ล่า ชั้นก็ปัดเวทมนตร์จากปลายคฑาของเอเทอร์น่าไปด้วย

เป็นแค่เซนต์ที่พลังเพิ่งจะตื่นแท้ๆ คิดว่าจะเอาชนะชั้นได้รึ?

ไม่ใช่แค่นั้นหรอก บนคฑานั่นที่ชั้นให้ไป ชั้นได้ลงเวทมนตร์ที่ทำให้มันไม่สามารถใช้ในการฆ่าอีกฝ่ายได้เอาไว้

ถ้าจะพูดก็คือ ถ้าอีกฝ่ายกำลังจะถูกคฑานี้ฆ่า เวทย์รักษาด้านในก็จะทำงานโดยอัตโนมัติทำให้อีกฝ่ายรอดตายมาได้แบบหวุดหวิด

ตราบเท่าที่เอเทอร์น่าใช้คฑานั้นอยู่ เธอก็จะไม่สามารถสังหารใครได้เลย

ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย? ง่ายๆ ก็เพื่อไม่ให้เอเทอร์น่าฆ่าอเล็กเซียตายโดยอุบัติเหตุไงล่ะ

เอเทอร์น่าจะเป็นกำลังในศึกต่อสู้กับอเล็กเซียได้มาก แต่ถ้าเธอเผลอพลั้งมือฆ่าแม่มดตายไปล่ะก็ ทุกอย่างที่ทำมาจนถึงตอนนี้ก็จะสูญเปล่า

แถมในฐานะที่ติดแปดอันดับของทัวร์นาเมนต์ จะให้ไม่พาเธอไปด้วยก็คงแปลก และเธอก็น่าจะเป็นห่วงเวอร์เนลจนไม่น่าปฏิเสธคำขอ

ถ้าอย่างนั้น ก็นับเธอเข้าทีมไปด้วยจะดีกว่า

ยิ่งกว่านั้นการที่เอเทอร์น่าอยู่ด้วยทำให้โอกาสรอดชีวิตของพวกเวอร์เนลสูงขึ้นกว่าเดิมมาก

เพราะอย่างนี้จึงต้องให้เอเทอร์น่ามาด้วยกันในการปราบแม่มด แต่ตัวเธอต้องห้ามเป็นคนปราบแม่มดเด็ดขาด

นี่คือตัวตนที่แท้จริงของคฑานั้น เป็นตัวหยุดไม่ให้เอเทอร์น่าสามารถฆ่าใครได้

แต่…เจ้าหมึกก็ยังจะตายแฮะ การโจมตีที่ไม่ได้ผ่านจากคฑาก็ยังมีผลสินะ

“ท่านเอลริสคะ…พลังนี้ของเอเทอร์น่าซังคืออะไรกัน…หรือว่านี่จะเป็นพลังของเซนต์กันคะ?”

อา ว่าแล้วว่าเธอคงรู้สึกตัว

ถ้ารอให้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก่อน พอจบเรื่องแล้วชั้นโดนประหารหรือเนรเทศ ส่วนตำแหน่งเซนต์ก็โดนเอเทอร์น่าเอากลับคืนไป ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ

แต่แม่มดยังมีชีวิตอยู่

ไอ้เรื่องโดนจับได้ว่าเป็นตัวปลอมแล้วโดนลงโทษน่ะว่าไปอย่าง ปัญหาอยู่ที่ช่วงเวลา

ถ้าชั้นโดนตัดบทก่อนจะได้จัดการแม่มดล่ะก็ มันก็จะเป็นตามเนื้อเรื่องเกมน่ะสิ

ขอโทษนะเอเทอร์น่า แต่ชั้นคงต้อโกหกต่ออีกหน่อย

“นี่เป็นพลังของเธอเองจ้ะ…เหมือนกับตอนที่เธอเข้าใจผิดไปว่าตัวเธอเป็นแม่มด เช่นเดียวกับที่เวอร์เนลคุงมีพลังที่คล้ายคลึงกับแม่มด เอเทอร์น่าซังเองก็มีพลังที่คล้ายคลึงกับเซนต์”

“นั่นเป็นไปได้ด้วยหรือคะ….? การที่ใครสักคนจะมีพลังเช่นนี้ทั้งที่ไม่ใช่เซนต์ ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนเลยนะคะ”

“ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เองก็’ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน’จนกระทั่งมันเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกนั่นล่ะจ้ะ ในตอนที่เซนต์คนแรก ท่านอัลเฟรียได้รับพลังของเซนต์มา นั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นกันจ้ะ…เป็นไปได้ว่าในยุคสมัยนี้ ระบบของโลกที่หมุนเวียนระหว่างเซนต์และแม่มดจะเกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้นมาแล้วล่ะจ้ะ”

ชั้นแถๆตอบคำถามของเลย์ล่าไป

เป็นความสามารถที่สุดยอดจริงๆ การที่ตูมั่วถั่วเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ในพริบตาเนี่ย ขนาดชั้นยังกลัวตัวเองเลยนะเนี่ย

น่าไปเป้นนักต้มตุ๋นนะเรานี่

ฮัลโหลฮะแม่ จำไม่ได้เหรอ? ผมเอง ผมเอง

เผอิญโชคร้ายประสบอุบัติเหตุเข้าอ่ะคับ ต้องจ่ายเงินคู่กรณีภายในพรุ่งนี้เลย ช่วยโอนเงินมาให้หน่อยได้มั้ยคับ

…เอ๊ะ? คนที่รับสายนี่ไม่ใช่แม่ แต่เป็นพ่อที่ชอบแต่งหญิงเรอะ…?

อะไรแบบนั้น

“อย่างไรก็ตาม…เราต้องทำให้เธอสงบลงก่อนค่ะ”

ชั้นปล่อยให้บาเรียคลุมเลย์ล่าและสาวตัวประกอบไว้อย่างนั้น ส่วนชั้นก็ออกมานอกบาเรีย

เอเทอร์น่ายิงเวทมนตร์ออกมาจากฝ่ามือด้วยสีหน้าว่างเปล่า

ชั้นหยุดกระสุนสีเงินนั้นเอาไว้ด้วยมือเปล่าและขยี้มันจนแหละ

พลังเซนต์ของเธอแข็งแกร่งก็จริง แต่โชคร้ายหน่อยนะ ที่ตัวชั้นแข็งแกร่งกว่านั้นมาก

“…อย่าเข้ามานะ”

เธอเริ่มโจมตีรัวขึ้น กระสุนเจ็ดนัดถูกยิงออกมาพร้อมๆกัน

พลังเซนต์พุ่งโจมตีชั้นจากทุกทิศทาง

เป็นลำแสงที่เหมือนกับ…ว่าไงดีล่ะ ที่ตีไข่ไรงี้

จะมาตีให้ชั้นกลายเป็นครีมสดรึไง

แต่ว่านะ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เวทย์แสงที่ชั้นปล่อยออกมาจากตัวลบกระสุนพวกนั้นหายไปกลางอากาศเลย

ถึงจะเป็นเซนต์ตัวจริง แต่ก็ไม่ต่างจากลูกเจี๊ยบเพิ่งเกิดหรอก

เทียบกับชั้นที่กระทืบปีศาจเป็นงานอดิเรกอยู่บ่อยๆไม่ได้หรอกนะเออ

ไม่ต่างจากผู้เล่นใหม่ที่สวมของบัฟดีๆมาตีกับผู้เล่นเวลตัน ของครบ จุติแล้วสามรอบหรอก

“ไม่นะ….ไม่!!”

เอเทอร์น่าเริ่มจะคลั่งขึ้นมา เธอโยนคฑาทิ้งไปแล้วยกแขนขึ้น…เฮ้ย อย่าทิ้งคฑาสิ

บอลแสงขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นเหนือหัวของเธอ เป็นพลังเวทย์มหาศาล

โอ้–…ชักจะอันตรายนิดหน่อยแล้วนะเนี่ย

เป็นการโจมตีสมกับเป็นคนที่เพิ่งพลังตื่นและไม่เข้าใจวิธีการควบคุมพลังจริงๆ อัดพลังเวทย์ทั้งหมดลงไปในบอลเลยนะเนี่ย

เพราะเลเวลน้อยด้วย คิดว่าพลังเวทย์ของเอเทอร์น่านี่น่าจะอยู่แถวๆพันนึงล่ะมั้ง

เพราะอัดรวมทั้งหมดมาใช้ในรวดเดียวเลย บวกกับพลังเซนต์เข้าไปอีก พลังทำลายน่าจะไม่ใช่เล่นๆเลยล่ะ

…ก็คงพอที่จะเป่าทั้งโรงเรียนหายวับไปกับตา พร้อมกับฆ่าบุคลากรทุกคนในบริเวณไปด้วย

ตัวชั้นน่ะไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ถ้าปล่อยไว้เฉยๆ ทั้งโรงเรียนจะโดนลูกหลงเอาได้

“ไม่ได้นะคะ! ท่านเอลริส!”

เลย์ล่าเหมือนจะพูดอะไรซักอย่าง แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาสนใจ ชั้นเลยเหาะขึ้นไปบนฟ้า

ถ้าแค่ยิงมาทางชั้นล่ะก็ เท่านี้ก็หมดเรื่องแล้ว

เอเทอร์น่าเปลี่ยนเป้าหมายมาทางที่ชั้นอยู่แทน

ดีมาก เด็กดี ทีนี้ก็ยิงมาเลย

“หยุดนะเอเทอร์น่า!”

ทันใดนั้นเอง ประตูดาดฟ้าก็เปิดออกแล้วเวอร์เนลก็พุ่งพรวดเข้ามา

เฮ้ย เฮ้ย จังหวะไม่ดีอีกแล้วนะแก

การปรากฏตัวของเวอร์เนลทำให้เอเทอร์น่าชะงักไป

“เวอะ…เวอร์ เนล…”

“หยุดเถอะเอเทอร์น่า จะยิงของแบบนั้นใส่ผู้คนไม่ได้นะ ขอร้องล่ะ! ตั้งสติให้ได้ทีเถอะ!”

คำพูดของเวอร์เนลทำให้สติของเอเทอร์น่าค่อยๆกลับคืนมา ระดับพลังของเธอค่อยๆลดลง

อุมุ ดูเหมือนจะปิดคดีได้แล้วนะ

ที่เหลือก็แค่ปล่อยให้เวอร์เนลพ่นคำพูดหวานเลี่ยน เอาให้ค่าความชอบของเอเทอร์น่าพุ่งพรวดๆ เลี้ยวเข้ารูทเอเทอร์น่า จากนั้นก็แฮปปี้เอนดิ้…

…ไม่ดิ ฉิบหายล่ะ จะให้เธอจู่ๆก็ได้สติคืนมาไม่ได้!

“เอเทอร์น่า…ช่วยกลับมามีสติทีเถอะ”

“ไม่ได้นะคะเวอร์เนลคุง! จะให้เธอได้สติกลับมาตอนนี้ไม่ได้!”

เวอร์เนลไอ้โง่เอ๊ย! อย่าดึงสติเธอคืนมาตอนที่มีบอลแสงใหญ่ยักษ์ลอยเติ่งอยู่บนหัวสิวะ!

เอเทอร์น่าสามารถควบคุมบอลแสงนี้ได้โดยใช้สัญชาตญาณของเซนต์

ผนวกเข้ากับการที่เธอเห็นภาพหลอนอยู่ในความคิด

การที่ดึงเธอกลับมาในทันทีล่ะก็ จะทำให้เธอต้องพบกับความเป็นจริง

และถ้าเกิดเธอตื่นตระหนกขึ้นมาล่ะก็ เวทมนตร์ที่ร่ายค้างไว้มันก็จะคลั่งขึ้นมาน่ะสิ!

“เวอร์เนล…นี่ชั้นทำอะไร… เอ๊ะ! ห๊ะ! ดะ เดี๋ยวก่อน นี่มันอะไรน่ะ? เกิดอะไรขึ้น? นี่มันอะไรกัน?! ทำไมชั้นถึงถือเจ้านี่?!”

ทันทีที่เอเทอร์น่าได้สติกลับมา ร่างกายของเธอก็เริ่มโงนเงน ในขณะที่มองไปยังบอลแสงที่เธอเป็นคนสร้างด้วยความตกใจ

ก็บอกแล้วไง

เธอเริ่มจะควบคุมมันไม่อยู่ และเจ้าบอลแสงก็ค่อยๆตกลงพื้นตามแรงโน้มถ่วง ไม่ได้การแล้ว

ชั้นรีบบินดิ่งลงทันที แต่ชั้นบินขึ้นมาสูงเกินกว่าจะกลับได้ทัน

ชั้นเร่งความเร็วถึงขีดสุด จะทันมั้ยเนี่ย…? ไม่ทันก็ต้องทันวะ! ไม่งั้นมันจะกลายเป็นแบดเอนดิ้งไปน่ะสิ

บอลแสงร่วงลงใส่เอเทอร์น่า…ไม่สิ ยังไม่ถึงตัวเธอ

เวอร์เนลใช้พลังความมืดที่ตื่นขึ้นต้านมันไว้อยู่

ทำได้ดีมากเวอร์เนล! สมกับเป็นพระเอก พลังตื่นในยามคับขันได้ด้วยว่ะ

ชั้นรีบลงไปอยู่ข้างๆเวอร์เนลด้านใต้บอลแสงนั้น

“เราจะผลักมันออกไป ให้เข้ากับจังหวะของชั้นนะจ๊ะเวอร์เนลคุง”

“ครับ!”

จริงๆจะทำคนเดียวก็ได้แหละ แต่ไหนๆก็ไหนๆ ให้พระเอกมีโอกาสโชว์เท่หน่อยจะเป็นไรไป

ถือว่าเป็นรางวัลที่อุตส่าห์ปลุกพลังขึ้นมาได้แล้วกัน

เวทมนตร์ของชั้นและเวอร์เนลผลักบอลแสงออกไป กลายเป็นลำแสงสีขาวและดำหมุนวนไปมา

มันพุ่งขึ้นฟ้าไป…และระเบิดออก

เอาล่ะ เท่านี้ก็จบเรื่องได้โดยไม่มีความเสียหายแล้ว

อันตรายนะน่ะเอาจริงๆ

แต่เรื่องก็จบลงโดยที่พลังของเวอร์เนลและเอเทอร์น่าตื่นขึ้น แถมเจ้าปลาหมึกก็โดนเป่ากระจุย ถือว่าเป็นชัยชนะของทางนี้ล่ะ

ไม่เลว ไม่เลว

.

เอเทอร์น่าพบกับเวอร์เนลเป็นครั้งแรกตอนที่เธออายุ 14 ปี

หมู่บ้านเทอราคอตต้า หมู่บ้านของเธอ ว่ากันว่าเป็นบ้านเกิดขิงเอลริส เซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้คนหนุ่มสาวหลายคนในหมู่บ้านตั้งเป้าที่จะเป็นอัศวินกัน พวกคนจากภายนอกที่ถูกเอลริสช่วยเหลือไว้ต่างเดินทางมาที่นี่กันเพื่อแสวงบุญโดยถือว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ที่นี่ก็เป็นแค่บ้านนอกธรรมดาๆนั่นล่ะ

ขุนนางผู้ปกครองที่ดินก็มีความคิดที่จะเปลี่ยนสถานที่ให้กลายเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์อยู่หรอก แต่เพราะว่างบประมาณไม่เพียงพอ เรื่องนั้นจึงต้องรอไว้ก่อน

อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ก่อนการมาถึงของมันฝรั่ง การที่เด็กจะเสียชีวิตในฤดูหนาวนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลย

เพราะว่ามันเป็นหมู่บ้านแบบนั้นเอง ทำให้คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่เลือกที่จะย้ายไปอยู่ในเมือง เหลือไว้เพียงเด็กและคนชรา

เอเทอร์น่าไม่มีเพื่อนที่อายุใกล้เคียงกันอยู่ในหมู่บ้านเลย ทำให้ตัวเธอเองก็อยากที่จะไปอยู่ในเมืองเหมือนกัน

เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันคนแรกของเธอคือเวอร์เนล

เธอยังจำการพบกันครั้งแรกของทั้งสองคนได้อย่างแม่นยำ

ในวันนั้น เอเทอร์น่าพาหมูเข้าไปเดินหาอาหารในป่า

อากาศหนาวเย็น อีกไม่นานก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

ในทุกๆปี คนในหมู่บ้านจะพาหมูเข้าป่าไปหาลูกสนกิน เพื่อให้หมูสะสมไขมันมากขึ้นและสามารถใช้เป็นเสบียงในฤดูหนาวได้

แต่ในวันนั้น โชคของเธอนั้นไม่ดีเลย

เธอไปพบกับหมีที่ออกมาหาอาหารก่อนการจำศีล

สำหรับเจ้าหมีแล้ว เอเทอร์น่าและหมูตัวนั้นคงจะน่าอร่อยไม่หยอกเลย

เจ้าหมีพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง และตะปบเอเทอร์น่าด้วยกงเล็บของมัน

หากเป็นคนธรรมดาคงจะตายไปแล้ว แต่เอเทอร์น่ารอดมาได้ด้วยพลังแฝงในฐานะเซนต์

นี่เป็นครั้งแรกที่เอเทอร์น่าตระหนักถึงคุณลักษณะ”ไม่รับความเสียหาย”ของตัวเธอ

คนที่มาช่วยเธอในวันนั้นก็คือเวอร์เนล

เวอร์เนลคำรามลั่น และกระโจนเข้าใส่หมีพร้อมกับใช้กิ่งไม้แทงตาของมัน

เจ้าหมูที่ไม่รู้ตัวว่ามันจะถูกเปลี่ยนเป็นอาหารในภายหลัง พุ่งเข้าชนหน้าแข้งของหมีเพื่อปกป้องเจ้านายของมัน ส่งผลให้เจ้าหมีเสียหลักล้มลงไป

เวอร์เนลแทงกิ่งไม้ให้ลึกเข้าไปในเบ้าตาของหมี และหยิบหินแถวๆนั้นก่อนจะทุบตีศีรษะของเจ้าหมีครั้งแล้วครั้งเล่า

หลังจากที่เจ้าหมีแน่นิ่งไป….เวอร์เนลเองก็หมดสติตามไปด้วย

เธอมารู้ทีหลังว่าตัวเขาถูกครอบครัวของตัวเองขับไล่ ต้องมาเร่ร่อนในป่า และไม่ได้กินอะไรมาแล้วหลายวัน

หลังจากนั้น ครอบครัวของเอเทอร์น่าก็รับเวอร์เนลผู้มีพระคุณมาอยู่ด้วยกัน และปฏิบัติราวกับเขาเป็นครอบครัวคนหนึ่ง

เอเทอร์น่าหลงใหลเวอร์เนลตั้งแต่นั้นมา แต่ดวงตาของเข้ามักจะจับจ้องไปที่ใครคนอื่นอยู่เสมอ

เธอรู้ดีว่าตัวเข้านั้นหลงใหลในตัวเซนต์เอลริสมากแค่ไหน และพยายามฝึกฝนเพียงใดเพื่อจะกลายเป็นอัศวินของเธอ

เธอต้องการที่จะสนับสนุนความฝันนั้นของเขา แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้ความฝันนั้นเป็นจริง

ถ้าเขาไม่สามารถทำตามความฝันนั้นได้สำเร็จล่ะก็ เขาก็จะกลายเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา และอาศัยอยู่กับเธอต่อไป…เธอรู้ดีว่านี่เป็นความต้องการที่เห็นแก่ตัวมากแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจหยุดตัวเองได้

ตรงข้ามกับความต้องการของเอเทอร์น่า เวอร์เนลนั้นเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์

เขาเข้าเรียนในสถาบันฝึกฝนอัศวินได้สำเร็จ และตั้งแต่นั้นมา เขาก็มีแต่จะเติบโตขึ้น แข็งแกร่งขึ้น

เขากลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในชั้นปี ไม่สิ ในสถาบัน

ยิ่งเห็นเวอร์เนลก้าวหน้าไปมากแค่ไหน เอเทอร์น่าก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจและโดดเดี่ยว

ความรู้สึกนี้ยิ่งขยายตัวขึ้นในสงครามปกป้องราชอาณาจักรบิลเบอรี่

เวอร์เนลใช้ตัวเองเป็นโล่ปกป้องเซนต์เอลริส…และตายไป

เอลริสก่อปาฏิหาริย์ขึ้นและดึงเขากลับมาได้ก็จริง แต่นั่นก็เป็นความจริงที่ว่าตัวเขาได้ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง

เธอหวาดกลัว ถึงขนาดที่ทำให้ความคิดของเธอขาวโพลน

คนสำคัญของเธอจะไม่สามารถหัวเราะร่วมกับเธอได้อีกแล้ว เขาไม่หายใจ ไม่เคลื่อนไหว…เธอรู้เรื่องนั้นดี ตัวเธอเองก็ได้พบเห็นการปลิดชีวิตปศุสัตว์มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

นี่ไม่ใช่เรื่องตลก

ความเป็นจริงนั้นโหดร้ายจนตัวเธอเองก็ยากที่จะยอมรับ

เธอคงจะยอมรับมันไม่ได้อยู่ดี ต่อให้เอลริสไม่ได้ชุบชีวิตเขากลับมา

ตั้งแต่ตอนนั้นมา เธอก็หวาดกลัวอยู่ตลอด

เธอหวาดกลัวกับความคิดที่เวอร์เนลจะตาย…และหวาดกลัวที่เอลริสจะแย่งเขาไป

และในตอนนั้นเอง เอลริสก็โผล่มาพร้อมกับคำขอที่จะให้เขาเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตราย

อย่านะ อย่าแย่งเขาไปนะ

อย่าแย่งเวอร์เนลไปจากชั้นนะ

อย่าให้เวอร์เนลต้องไปเสี่ยงชีวิตอีกเลยนะ

สิ่งเดียวที่โผล่ขึ้นมาในความคิดของเธอคือปีศาจที่คิดจะทำร้ายเวอร์เนล

พวกมันต้องถูกกำจัด เธอคิดเช่นนั้น

ตัวเธอเองนี่ล่ะ จะกำจัดพวกมันทั้งหมดเอง

เธอผายมือเข้าหาปีศาจพวกนั้น และยิงแสงออกไป

แต่”เจ้าปีศาจ”กลับปัดแสงนั้นออกได้อย่างง่ายดาย และค่อยๆเดินเข้ามาหาเธอ

เอเทอร์น่ารู้สึกกลัว จึงคิดจะไล่มันออกไป

แต่ไม่ว่าจะโจมตีไปมากแค่ไหน “เจ้าปีศาจ”ก็ไม่ได้รับความเสียหายใดๆแม้แต่น้อย

“เจ้าปีศาจ”ตัวนี้ทำให้เธอนึกถึงเอลริส ทำให้เอเทอร์น่ายิ่งหวาดกลัวเข้าไปอีก

เธอนึกถึงช่วงเวลาที่เวอร์เนลตายไป “เจ้าปีศาจ”ตัวนี้เป็นหมือนดั่งยมฑูตที่จะมาคร่าชีวิตของเขา

ตัวเธอจะต้องทำลายยมฑูตตนนี้ เพื่อปกป้องเวอร์เนล

ด้วยสติที่เลืนลาง เธอรวบรวมพลังเวทย์ทั้งหมดมาไว้ที่มือ

เจ้ายมฑูตพยายามที่จะหนีขึ้นฟ้าไป

ไม่ปล่อยให้หนีไปหรอก แกจะต้องตายที่นี่

จะไม่ยอมให้แกพรากเวอร์เนลไปแน่

“หยุดนะเอเทอร์น่า!”

เสียงของคนที่เธอหลงใหล คนที่เหมือนเป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกัน

เสียงนี้ดึงสติของเธอกลับจากโลกความฝันมาสู่ความเป็นจริง

เมฆหมอกภายในจิตใจของเธอค่อยๆจางลง สายตาของเธอมองเห็นชัดเจนขึ้น

ตัวตนที่แท้จริงของยมฑูตตนนั้นก็คือเอลริสที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ส่วนตัวเธอก็ยืนอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียน

ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่? ทำไมเธอถึงต่อสู้กับเอลริส? เธอไม่เข้าใจสถานการณ์เลยสักนิด

เธอไม่อาจแยกได้ว่าอันไหนคือความฝันและอันไหนคือความจริง…ทำไมเธอถึงสร้างบอลแสงใหญ่ยักษ์นี้ขึ้นมา? เธอไม่เข้าใจเลย

“เวอร์เนล…นี่ชั้นทำอะไร… เอ๊ะ! ห๊ะ! ดะ เดี๋ยวก่อน นี่มันอะไรน่ะ? เกิดอะไรขึ้น? นี่มันอะไรกัน?! ทำไมชั้นถึงถือเจ้านี่?!”

สิ่งที่เธอสามารถควบคุมได้ในขณะที่ไม่มีสติ กลับไม่อาจควบคุมได้อีกเมื่อสติของเธอกลับมา

บอลแสงนั้นร่วงลงมา ใส่เธอที่เป็นผู้ร่าย

เอเทอร์น่าที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นั่งคุกเข่าเอามือกุมหัวตามสัญชาตญาณ

การที่ผู้ร่ายอย่างเอเทอร์น่าไม่สามารถควบคุมมันได้ การที่มันจะคลั่งขึ้นมาก็คงไม่แปลกอะไร แต่ก็คงไม่สามารถต่อว่าเอเทอร์น่าในสถานการณ์นี้ได้

เพราะตัวเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสร้างบอลแสงนี้ขึ้นมาตอนไหน

แต่แล้ว เธอก็ไม่รู้สึกถึงแรงกระแทกของบอลแสงนั้นที่พุ่งลงใส่ตัวเธอ

ในขณะนั้น เธอเปิดตาขึ้น และเห็นเวอร์เนลที่ใช้มือของเขาค้ำยันบอลแสงนั้นเอาไว้ เพื่อปกป้องตัวเธอ

หมอกสีดำปกคลุมมือของเขา เวอร์เนลพยายามที่จะปกป้องเอเทอร์น่าจนถึงที่สุด

นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เส้นเลือดบนแขนปูดโปน เขากัดฟันแน่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

มือของเขากำลังไหม้ และร่างกายก็ค่อยถูกดันถอยกลับทีละน้อย

แต่เวอร์เนลก็สามารถซื้อเวลามากพอที่จะให้เอลริสกลับมาได้ทัน

เอลริสยกแขนขึ้นและส่งพลังเวทย์ออกไป

“เราจะผลักมันออกไป ให้เข้ากับจังหวะของชั้นนะจ๊ะเวอร์เนลคุง”

“ครับ!”

แสงสีขาวนวลจากมือของเอลริส และแสงสีดำทะมึนจากมือของเวอร์เนล ประสานเข้าด้วยกันพร้อมกันยิงบอลแสงนั้นขึ้นฟ้าไป