ตอนที่ 66 จุดจบของรักแรก

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

เหตุการณ์เอเทอร์น่าเกิดคุ้มคลั่งกับเจ้าหมึกจับตัวประกันได้จบลงโดยที่ไม่มีความเสียหายใดๆเกิดขึ้น

เออ ถ้าจะให้พูดก็คงถือว่ามีผู้เสียหายอยู่คนนึงอ่ะนะ ถึงจะไม่มีใครสนก็เถอะ

สาวตัวประกอบที่จะต้องย้ายออกจากโรงเรียนปลายเดือนนี้ก็โดนไล่ออกภายในวันนี้เลย

จริงๆเห็นเป็นแฟนนี่ชั้นก็เลยไม่อยากจะไล่เธอหรอกนะ แต่บอกตรงๆคือน่าขยะแขยงอ่ะ ก็เลยไม่ได้ต่อต้านอะไร

แทนที่จะมาเลียนแบบคนอย่างชั้น ไปหาข้อดีในแบบของตัวเองแล้วใช้ชีวิตอยู่กับมันน่าจะดีกว่านะ

แน่นอนว่าก็ต้องมีผู้เห็นเหตุการณ์คนอื่นๆอยู่บ้าง แต่ก็พอแถไปได้ว่านี่เป็นการฝึกซ้อม

พอตกกลางคืน ชั้นก็ขึ้นไปบนดาดฟ้า

ถ้าโดนฟ้องเรียกค่าเสียหายเข้าล่ะยุ่งเลย เอาเป็นว่าทำให้กลับเป็นเหมือนเดิมแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ดีกว่า

ไอ้นี่ไง ดาดฟ้านี่ก็เป็นเหมือนสวงสวรรค์ของพวกโดดเดี่ยวใช่มั้ยล่ะ

เพราะไม่มีเพื่อนจะกินด้วย แต่ก็ไม่อยากไปนั่งโง่อยู่คนเดียวในโรงอาหาร เลยหาสถานที่เงียบๆที่ไม่มีคนเพื่อกินข้าวกลางวัน

ถ้าอยู่ๆสวงสวรรค์แบบนั้นหายไปล่ะก็ จะทำให้คนบางกลุ่มสิ้นหวังได้เลยนะ

เพราะชั้นเองก็เป็นพวกโดดเดี่ยวไม่ได้เรื่องเหมือนกัน เลยมีความเห็นใจอยู่เต็มที่ไงล่ะ

แต่ในตอนที่ชั้นกำลังเดินขึ้นดาดฟ้า ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่บนนั้น

ดึกดื่นอย่างนี้ยังจะมีคนอยู่บนดาดฟ้าอีกเหรอ…ใครหว่า?

หรือเป็นพวกคู่รักงี่เง่าที่คิดแบบว่า “เอ๋ มาทำกันตรงนี้จะดีเหรอ?” “แหะ แหะ ถ้าไม่อยากโดนจับได้ก็อย่าส่งเสียงดังล่ะ” อะไรแบบนั้น

ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ขอรบกวนล่ะเด้อ

เพื่อเป็นการตอบแทน ก็ขอแอบส่องหน่อยละกันเนอะ

“ไม่อยากจะเชื่อเลย…ที่ความเสียหายขนาดนี้เป็นฝีมือของชั้น…”

ชั้นจำเสียงนี้ได้

ชั้นเปิดประตูดาดฟ้าแง้มๆแล้วส่องเข้าไป เห็นเวอร์เนลและเอเทอร์น่ายืนคุยกันอยู่

อ๊ะ คู่รักงี่เง่าก็คือสองคนนี้เองสินะ

บุปผานิรันดร์ร่วงโรยเป็นเกมสำหรับทุกวัย เพราะไม่ใช่เกมเรท ฉากจำพวกนั้นเลยเกิดขึ้นได้แค่นอกจอเท่านั้น

….เยี่ยมเลย จัดกันเลยทั้งสองคน

เอาเลยสิ….ปีนบันไดขึ้นสู่การเป็นผู้ใหญ่มันตรงนี้เลย!

รออยู่เลยเนี่ย….ได้เวลาสนุกกันแล้วสิพวกเอ๋ย

“ตอนนั้น…ที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ มีเรื่องอะไรหรือ?”

พอได้ยินที่ทั้งสองคนคุยกัน ชั้นก็จำได้ขึ้นมา

ตอนที่ชายหนุ่มและหญิงสาวมาอยู่ด้วยกันสองต่อสองน่ะ ก็มีแต่ฉากแบบบนั้นสินะ

ทำเอาตื่นเต้นเลยเนี่ย ต้องทำให้มั่นใจว่าทั้งสองคนจะสัมผัสถึงชั้นไม่ได้ เดี๋ยวเสียบรรยากาศหมด

อย่าห่วงไปเลย ชั้นจะไม่ให้ใครมาขัดจังหวะได้หรอกนะ

ถ้าใครคิดจะมาขวางล่ะก็ ตูนี่แหละจะส่งพวกมันไปลงนรกเอง

“เรื่องนั้นน่ะ…ชั้นรู้อยู่แล้วล่ะว่าเวอร์กำลังมองใครอยู่น่ะ…แต่ชั้นเองก็ต้องเดินหน้าไปต่อเหมือนกัน….ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ ชั้นก็อาจจะต้องแบกความรู้สึกนี้ต่อไปอีกชั่วชีวิต…”

เอเทอร์น่าหันมาพูดกับเวอร์เนลด้วยสีหน้าจริงจัง

ใบหน้าของเธอเป็นสีแดง บรรยากาศก็กำลังเป็นใจ

ท้องฟ้ายามค่ำคืนประดับด้วยดวงดาวราวกับกำลังอวยพรทั้งสองคน….ไม่หรอก มันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ

ก็อยากจะทำให้บรรยากาศมันดียิ่งกว่านี้อีกน่ะนะ แต่กลัวโดนจับได้อ่ะ เพราะงั้นไม่เอาดีกว่า

“ชั้น…เคยรักเธอนะ”

พูดไปแล้วววว!!

มาแล้วเว้ย! วิ่งรอบสนาม โฮมรันไปแล้วครับท่านผู้ชม!

ไปตายซะไอ้รูทขยะ(เอลริส)ที่ไม่มีใครอยากเล่น หลีกทางให้รูทหลีักหน่อยเว้ยยย

นางเอกหลักนี่มันคนละระดับจริงๆว่ะ!

เค ชนะละ ไปอาบน้ำนอนล่ะ บาย

ขึ้นอยู่กับค่าความชอบ ในเกมบุปผานิรันดร์นี่มีระบบที่ทำให้อีเวนต์สารภาพรักพลาดได้ด้วยนะ

มีอยู่สองรูปแบบก็คือ

เวอร์เนลสารภาพรักกับนางเอก ซึ่งจะมีทั้งโอกาสสำเร็จและโอกาสถูกปฏิเสธ

กับอีกรูปแบบก็คือทางนางเอกเป็นฝั่งที่มาสารภาพรักเอง ถ้าเป็นรูปแบบนี้ล่ะก็ จะไม่มีวันพลาดแน่นอน แต่โอกาสที่จะเกิดอีเวนต์แบบนี้ขึ้นจะต่ำกว่ามาก

หรือก็คือ นี่เป็นรูปแบบที่จะสำเร็จแน่นอนไงล่ะ! สำเร็จ…สำเร็จแล้วโว้ยย!!

ถูกหวยแล้วครับผม….! สำเร็จเสร็จสิ้น…! ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง…! โคตรโหดกระโดดเยี่ยว…!

โอเมเดโตะ เวอร์เนล โอเมเดโต…! โอเมเดโต…![ล้อฉากปรบมือจากอีวานเกเลี่ยน]

คอนแกรตทูเลชั่น! คอนแกรตทูเลชั่น!

หืม? เดี๋ยวดิ

เคยรัก?

“ไม่สิ ถ้าจะให้พูดล่ะก็ ถึงตอนนี้ก็ยังรักอยู่นะ ไม่ใช่ในฐานะของเพศตรงข้าม แต่ในฐานะสมาชิกครอบครัว”

หา? ฮะ หาา?

เห้ย เดี๋ยวดิ เหมือนจะเคยได้ยินประโยคแบบนี้ที่ไหนมาก่อน

ไอ้นี่มันประโยคที่เอเทอร์น่าจะตอบกลับมาถ้าค่าความชอบไม่ถึงนี่หว่า!

…เฮ้ย! เวอร์เนลลลล! แก! ว่าแล้วเชียว นี่แกไม่ได้เพิ่มค่าความชอบให้เธอเลยใช่มั้ยเนี่ย!

เพราะว่าเอ็งเอาแต่เล่นกล้ามอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ!

“ชั้นกลัวมากเลยนะ กลัวว่าเธอจะหายไปสักวันหนึ่ง เพราะอย่างนั้นชั้นเลยคอยไล่ตามเธออยู่ตลอด ไล่ตามแผ่นหลังของเธอ…คิดกับเธอเหมือนเป็นเพศตรงข้ามคนหนึ่ง แต่ว่านะ…”

ในขณะที่พูดอย่างนั้น แสงก็เปล่งออกจากมือของเอเทอร์น่าแบบจางๆ

ต่างจากพลังเก๊แบบชั้น นั่นน่ะเป็นพลังของเซนต์ตัวจริง

ดูเหมือนว่าเธอจะพอควบคุมมันได้แล้วสินะ

“ตั้งแต่ที่ชั้นได้พลังนี้มา….ชั้นก็คิดว่า ในที่สุดก็ไล่ตามเธอทันแล้ว ไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว…พอรู้ตัวอีกที่ สิ่งที่ชั้นเคยคิดว่าเป็นความรักของผู้หญิงก็จางหายไป ทำให้ชั้นรู้สึกตัวได้น่ะ…ที่ชั้นต้องการ ก็แค่ไม่อยากจะโดนครอบครัวอย่างเธอทิ้งไว้ด้านหลังเท่านั้นเอง”

ฉิบหายล่ะ ไอ้นี่มันบทพูดปฏิเสธชัดๆเลย

ถ้าค่าความชอบพอล่ะก็ บทพูดก็จะประมาณว่า “…ในระหว่างที่ไล่ตามเธออยู่ ก็ทำให้รู้ตัวว่าชั้นน่ะรักเธอมากแค่ไหน” ถ้าค่าความชอบไม่พอก็จะออกมาตามนี้เลย

ก็เป็นเกมจีบสาวนี่นะ จะให้ค่าความชอบเต็มแต่เริ่มก็ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ

ถึงค่าความชอบเริ่มต้นของเอเทอร์น่าจะเยอะกว่าคนอื่นๆ แต่ก็ไม่พอที่จะจีบเธอติดด้วยค่าความชอบแค่นั้นได้หรอก

ถ้าค่าความชอบไม่ได้เพิ่มจากตอนต้นเลย เธอก็จะเริ่มคิดว่าความชอบที่มีมาแต่เริ่มนี่ก็เป็นแค่จินตนาการของเธอเอง

เหมือนตอนนี้ไงล่ะ

“ฮะฮะ อะไรล่ะน่ะ? เหมือนผมโดนปฏิเสธสารภาพรักเลยนะเนี่ย”

“ใช่แล้วล่ะ ชั้นกำลังปฏิเสธเธออยู่ไงล่ะ”

เอเทอร์น่ายิ้มเล็กๆให้กับคำตอบปนหัวเราะของเวอร์เนล

ระยะห่างของทั้งสองคนหดสั้นลง แต่ไม่มีบรรยากาศโรแมนติกเหลืออยู่แล้ว มีแต่บรรยากาศของพี่น้อง

อ๊าาาา….เวรเอ๊ย เวรเอ๊ย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารูทเอเทอร์น่าได้พังครืนลงมาแล้ว…

ทั้งเวอร์เนลทั้งเอเทอร์น่าไม่ได้มองอีกฝ่ายในแง่โรแมนติกอีกต่อไปแล้ว

“ก็เท่านี้ล่ะ อาา รู้สึกสดชื่นจังเลย”

“โหดร้ายจังนะ อุตส่าห์เรียกผมมาเพื่อจะปฏิเสธเนี่ย”

สีหน้าของเอเทอร์น่าผ่อนคลายลงหลังการสารภาพนั้น ทำให้เวอร์เนลพลอยโล่งใจไปด้วย

เฮ้ย อย่าทำหน้าโล่งใจอย่างนั้นสิวะ! แกเพิ่งโดนนางเอกหักอกมานะเว้ย!

“แค่ถามเป็นพิธีน่ะนะ แต่คนที่เธอชอบนี่ก็คือ…”

“แน่นอนอยู่แล้ว ก็ต้องเป็นท่านเอลริสน่ะสิ”

ห๊าา!

เป็นโฮโมรึไงแก!?

“…ขอบคุณที่ตอบกันตรงๆนะ แต่ก็ว่าแล้ว ท่านเอลริสน่ะอยู่คนละชั้นกับเธอเลยนะ รู้ตัวใช่มั้ย? เธอเป็นที่รักของทุกคน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รักชอบใครเป็นพิเศษเหมือนกัน…ชั้นไม่คิดว่าเธอจะสนใจความสัมพันธ์แบบนั้นหรอกนะ”

“เรื่องนั้นน่ะรู้อยู่แล้วล่ะ แต่ถึงความรู้สึกของผมจะส่งไปไม่ถึงเธอก็ไม่เป็นไร ยังไงซะนั่นก็เป็นแค่ความรู้สึกของทางนี้ใช่มั้ยล่ะ”

ไม่ดีนาเหวย

เปลี่ยนไปจีบนางเอกคนอื่นจริงๆจังๆตอนนี้ยังทันนะเออ

ถ้าตอนนี้อาจจะยังพอกู้ความสัมพันธ์กับเอเทอร์น่าทันได้นะ

“ฮ่าา…เธอนี่ซื่อตรงจนถึงขั้นงี่เง่าเลยนะเนี่ย นี่ชั้นเคยหลงคิดว่าตัวเองชอบคนแบบนี้ไปได้ยังไงนะ”

“โทษทีละกัน”

“ไม่เป็นไรหรอก ชั้นจะคอยเป็นกำลังใจให้แล้วกันนะ ก็สร้างปัญหาให้ไว้ตั้งขนาดนั้นนี่นา”

เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่สมกับเป็นนางเอกหลัก ร่างกายของเธออาบภายใต้แสงจันทร์เรืองรอง

เอเทอร์น่านี่เป็นเซนต์แบบแท้ๆเลย

ตกลงธงรักนี่คือแหลกละเอียดไม่เหลือซากแล้วสินะ

มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกันเนี่ย…

ใครวะ! อีหอกหักเอลริสที่เข้ามาขวางทางความรักของทั้งคู่น่ะ!?

…ก็ตูเองนี่หว่า สารเลวเอ๊ย!

“ถ้าอย่างนั้น…ก็เจอกันพรุ่งนี้นะ”

“อืม ไว้เจอกันพรุ่งนี้”

เอเทอร์น่าจากไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้า

ชั้นเอาตัวนาบกับกำแพงเลี่ยงเอเทอร์น่าที่เดินผ่านไป

ชั้นได้ยินเสีบงเบาๆลอยไปกับสายลม

“ลาก่อนนะ…รักแรกของชั้น”

เวอะ เวอร์เนลโว้ยยยย! ยังทันนะเว้ย! รีบตามไปกอดเธอซะ!

รักแรกของเธอไม่ควรจะจบลงอย่างนี้นะ!

รีบตามไปบอกว่า “ว่าแล้วเชียว คนที่ชั้นรักจริงๆมีแต่เธอเท่านั้น” หรืออะไรก็ได้

เร็วสิวะ! ทำอะไรสักอย่าง!

“…”

แต่เวอร์เนลมันไม่ขยับ

ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

ไอ้สมองปลาตีนเอ๊ย!

ไม่ต้องมามองเธอเดินจากไปด้วยสีหน้าสดชื่นเลยนะแก!

อาาาา—เอาจริงๆก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าคนที่เวอร์เนลชอบก็คือตัวชั้นน่ะ…

ยังไงซะนี่ก็เป็นโลกของรูทเอลริส จะเป็นแบบนี้ก็ไม่ผิดคาดอะไร แต่มาได้ยินเองตรงๆแล้วทำเอาขนลุกเลยว่ะ…

สมัยชาติก่อนนี่ชั้นก็เคยมีแฟนอยู่คนสองคนนะ ถึงจะไปไม่สวยก็เถอะ แต่ก็ใช้แอพหาคู่จนสละซิงมาได้ แต่มารู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์กับตัวผู้ด้วยกันนี่ทำเอาปวดหัวเลย

ถ้าชั้นเป็นแบบว่า “ความคิดถูกปรับให้เข้ากับเพศสภาพทางกาย” หรือ “เพราะเป็นผู้หญิงมานาน เลยทำให้ความคิดเป็นเหมือนผู้หญิงไปด้วย” แต่โทษนะ ในหัวตูนี่ยังเป็นตัวผู้ร้อยเปอร์เซนต์ว่ะ

เพราะชั้นเป็นคนที่มีความทรงจำจากชาติก่อนแบบสมบูรณ์ เลยไม่มีความขัดแย้งใดๆในสมองแบบนั้นหรอก

ต้องเรียกว่าเพราะพื้นฐานมันแน่นไปแล้ว

เค้าว่ากันว่าถ้าจะสอนอะไรเด็กก็ต้องสอนตั้งแต่สามขวบ ซึ่งจะเป็นช่วงอายุที่จะก่อพื้นฐานของคนๆนั้นขึ้นมา ถ้าตั้งแต่สิบขวบขึ้นไปนี่ คนเราก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงยากแล้ว

ถ้าโดนกดดันจากพ่อแม่หรือถูกเพื่อนกีดกันในวัยเด็กมากเกินไป ก็จะโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ขาดความมั่นใจได้

ถ้าจะพูดก็คือ ชั้นน่ะใช้ชีวิตที่โลกก่อนมาตั้งสามสิบปี พื้นฐานอะไรในฐานะของ”ตัวชั้น”น่ะมันแน่นเอี๊ยดจนเปลี่ยนไม่ได้แล้วล่ะ

ถึงร่างกายจะเป็นผู้หญิง แต่สมองยังเป็นผู้ชาย

เพราะว่าด้านในนี้น่ะไม่ใช่เอลริส แต่ยังเป็นฟุโดว นิอิโตะไงล่ะ

ต่อให้ชั้นอายุขึ้นถึงหลักร้อย และใช้ชีวิตในฐานะของเอลริสมานานกว่าช่วงชีวิตของฟุโดว สุดท้ายด้านในนี้ก็ยังจะเป็นฟุโดวอยู่ดี

เพราะว่าสำหรับชั้นแล้ว ตัวเองน่ะไม่ใช่”เอลริสที่มีความทรงจำของฟุโดว”แต่เป็น”ฟุโดวที่กลับชาติมาเกิดใหม่เป็นเอลริส”ไงล่ะ

หรือก็คือ…ความรักของเวอร์เนลจะไม่มีทางสมหวังได้ และก็ไม่มีใครจะแฮปปี้กับฉากจบแบบนั้นไงล่ะ

ชั้นไม่มีความสนใจแม้แต่มิลเดียวที่จะ”หลงรักผู้ชายด้วยกัน”เลยนะ

ถ้าผู้ชายรักผู้ชายก็จะเป็นโฮโม ถ้าผู้หญิงรักผู้หญิงก็จะเป็นยูริ

ชั้นรู้สึกดีที่ถูกชื่นชมว่าเป็นคนสวยอะไรแบบนั้นก็จริง แต่นั่นก็เพราะว่าชั้นเป็นพวกที่โลภมากและต้องการการชื่นชมทั้งหมดเท่าที่จะหาได้ไงล่ะเออ

เพมือนพวก”เนคามะ”ในเน็ตไง รู้สึกดีที่โดนปฏิบัติเหมือนเป็นเจ้าหญิงน่ะ แบบนั้นแหละ[เนคามะ คือพวกผู้ชายที่เล่นตัวละครหญิงและโรลเพลย์เป็นผู้หญิงในเกมออนไลน์]

แค่เป็นที่ยอมรับก็ดีใจแล้ว อะไรอย่างนั้น

คนพวกนั้นน่ะไม่ได้อยากได้แฟนเป็นผู้ชายหรืออยากจะกลายเป็นผู้หญิงจริงๆหรอก น่าจะอย่างนั้นนะ

ไอ้โดนชมน่ะไม่ว่า แต่ตูไม่มีทางมีแฟนเป็นผู้ชายหรอกเฟ้ย

ที่ชั้นเป็นอยู่นี่ก็เหมือนเล่นตัวละครหญิงในเกมนั่นแหละ

เล่นตัวละครหญิง โรลเพลย์เป็นเจ้าหญิง โดนพวกผู้ชายมารุมตอม…เป็นความสุขเล็กๆอย่างนึงน่ะนะ

แต่ก็ใช่ว่าชั้นอยากจะได้ตัวผู้เป็นแฟนจริงๆซะเมื่อไหร่…ยังไงมันก็เป็นแค่เกมนี่นา

เอาเป็นว่า…จากนี้ไปจะเอาไงดีล่ะเนี่ย? ถามจริงๆนะ ชั้นจะทำยังไงต่อดี?

ชั้นอยากจะทำให้เอเทอร์น่ารอดไปพบกับแฮปปี้เอนดิ้งให้ได้ ก็เลยทำตามนั้น

ผลลัพท์นี้ก็ถือว่าใกล้เคียงกับเป้าหมายนั้นอยู่

ชั้นจะไม่ให้เอเทอร์น่าเป็นคนจัดการแม่มดเด็ดขาด ต้องเป็นชั้นเท่านั้น วังวนนี้จะได้จบลง

ชั้นเชื่อว่านี่คือหนทางสู่แฮปปี้เอนดิ้ง จนตอนนี้ก็ยังเชื่ออย่างนั้นอยู่นะ

แต่เป้าหมายอีกอย่างของชั้นก็คือการจับคู่เธอกับเวอร์เนล แล้วพาทั้งสองคนไปสู่แฮปปี้เอนดิ้งแล้วก็ได้กัน…กลายเป็นว่าเป็นชั้นเองนี่แหละที่ทำลายเป้าหมายนี้ซะป่นปี้

อุเออออ๋ แย่เป็นบ้าเลยเว้ย!

เอเทอร์น่าก็ดูเหมือนจะมูฟออนได้แล้ว เพื่อไปหาความสุขของตัวเธอเอง ก็ยังพอจะนับว่าแฮปปี้ได้อ่ะนะ แต่ว่า…

ตั้งแต่แรกแล้ว การจับคู่ทั้งสองคนนี้น่ะ ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรเลย ที่ทำไปก็เพื่อความสุขของตูเองล้วนๆ

เพราะอย่างนั้นแล้ว มีแค่อย่างเดียวที่ชั้นทำได้ในตอนนี้…

ลืมเรื่องนี้ไปซะ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรแล้วไปนอนดีกว่า