บทที่ 38 ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ ตรวจพบสายสืบ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 38 ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ ตรวจพบสายสืบ
หานเจวี๋ยที่แสดงวิชาค้ำฟ้าเสมือนพสุธาอยู่มองลงมาด้านล่าง เมฆหมอกบดบังทัศนวิสัยส่วนใหญ่ของเขา แต่ยังคงทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก

พลังวิเศษนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ!

ยามนี้หานเจวี๋ยสูงอย่างน้อยพันจั้ง และไม่ใช่ภาพลวงตา กายเนื้อของเขามีขนาดใหญ่เช่นนี้จริงๆ แต่ชุดที่สวมใส่อยู่ก็ขยายใหญ่ตามไปด้วย มหัศจรรย์ยิ่งนัก ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่พลังของกายเนื้อก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

พลังวิเศษลึกล้ำจนยากจะคาดเดาได้จริงๆ!

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าตนเองสามารถเหยียบภูเขาให้จมมิดได้ด้วยเท้าเดียว ความรู้สึกทรงพลังนี้ทำให้เขาลำพองใจ

สถานที่นี้ห่างจากสำนักหยกพิสุทธิ์อยู่ช่วงหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดความโกลาหล หานเจวี๋ยจึงเลือกมายังสถานที่แห่งนี้โดยเฉพาะ

ค้ำฟ้าเสมือนพสุธาร้ายกาจจริงๆ!

ร่างที่สูงพันจั้ง ระดับปราณก่อกำเนิดคงไม่สามารถฟันเขาได้กระมัง!

หานเจวี๋ยแอบลำพองใจ

ขณะที่เขากำลังจะจากไป ก็พลันได้ยินเสียงคนต่อสู้กัน

เมื่อหันไปมอง ถึงเห็นว่ากลางเขาที่ห่างออกไปไม่ไกลมีฝูงมดอยู่กลุ่มหนึ่ง

อ้อ ไม่ใช่มด แต่เป็นคน!

ตอนแรกหานเจวี๋ยไม่ได้ใส่ใจ แต่ต่อมารู้สึกว่ามีกลิ่นอายที่คุ้นเคยอยู่ในนั้นด้วย

นี่โม่ฟู่โฉวไม่ใช่หรอกหรือ

เขาเพ่งสายตามองไป และเห็นโม่ฟู่โฉวถูกดาบแทงอยู่พอดี

บัดซบ ผู้ใดกัน ช่างหาญกล้าสังหารศิษย์แกนหลักของสำนักข้าตรงทางเข้าสำนักหยกพิสุทธิ์

ในฐานะผู้อาวุโสสังหารเทพ หานเจวี๋ยจะนั่งนิ่งดูดายได้อย่างไร

เขาพลิกตัวเพียงครั้งเดียว ร่างก็หายวับไปในอากาศ

เวลาเดียวกันนั้น

คนในชุดคลุมกันฝนได้สติกลับมา หนึ่งในนั้นพึมพำว่า “เมื่อครู่ข้าตาฝาดไปหรือ”

อีกคนเอ่ย “บางทีอาจเป็นภาพลวงตา”

ทางด้านคนของสำนักหยกพิสุทธิ์ก็อยู่ในอาการตกตะลึงไม่ต่างกัน

ไม่รู้เพราะเหตุใด โม่ฟู่โฉวถึงได้รู้สึกว่าร่างนั้นคุ้นตาเล็กน้อย

ฟู่…

พายุหอบหนึ่งพัดปะทะเข้ามาทันใด

โม่ฟู่โฉวรู้สึกเพียงว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวตรงหน้า จากนั้นคนในชุดคลุมกันฝนสองคนที่อยู่ด้านข้างก็กระอักเลือดแล้วกระเด็นออกไป

ขณะตกอยู่ในภวังค์ โม่ฟู่โฉวมองเห็นคนผู้หนึ่ง

เขาเบิกตากว้าง

เป็นเขาจริงๆ ด้วย!

เขาเพิ่งจะกะพริบตา หานเจวี๋ยกับคนในชุดคลุมกันฝนทั้งสองคนก็หายไปแล้ว

ส่วนคนอื่นๆ อึ้งตะลึงอยู่กับที่ ผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่ได้สติกลับมา

หลังผ่านไปนานมาก

โม่ฟู่โฉวกล่าวขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ยังไม่รีบมาช่วยข้าอีก!”

บนหน้าอกของเขายังมีดาบเสียบอยู่

คนอื่นๆ พากันเข้ามาห้อมล้อม

“ศิษย์พี่โม่ ท่านไม่เป็นไรนะ”

“คนเมื่อครู่นี้คือใคร”

“ยังถามอีก แน่นอนว่าเป็นผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์!”

“สามารถทำอันตรายศิษย์พี่โม่ได้ สองคนนั้นต้องเป็นยอดฝีมือระดับรวมแก่นปราณแน่ ผู้ที่โจมตียอดฝีมือระดับรวมแก่นปราณสองคนให้พ่ายแพ้ได้ภายในพริบตา มีเพียงผู้อาวุโสสังหารเทพเท่านั้น”

“ผู้อาวุโสสังหารเทพ? ผู้แข็งแกร่งระดับเปลี่ยนวิญญาณของสำนักหยกพิสุทธิ์ที่มีชื่อเสียงสะเทือนไปทั่วแดนบำเพ็ญพรตน่ะหรือ”

……

ณ ยอดเขาหลัก ตำหนักเจ้าสำนัก

หานเจวี๋ยบุกเข้าประตูใหญ่ทันที ทำให้หลี่ชิงจื่อตื่นตกใจ

ไม่รอให้หลี่ชิงจื่อเอ่ยปาก เขาสะบัดมือโยนคนในชุดดำสองคนที่หมดสติลงบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ

เขาใช้พลังจิตโจมตีวิญญาณของคนทั้งสอง พวกเขาจึงไม่อาจคืนสติขึ้นมาในระยะเวลาสั้นๆ

“สองคนนี้คิดจะจับตัวโม่ฟู่โฉว มอบให้ท่านจัดการแล้วกัน”

หานเจวี๋ยพูดไว้เพียงเท่านั้น ก็จากไปอย่างรวดเร็ว

หลี่ชิงจื่ออึ้งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นสายตาถึงค่อยๆ มองไปยังคนทั้งสองในตำหนัก

อีกด้านหนึ่ง

หานเจวี๋ยกลับมาถึงถ้ำเทวาฟ้าประทาน

เขานั่งลงบนเตียงไม้ ก่อนยืดตัวบิดขี้เกียจ

‘กล้ามาจับตัวคนในสำนักหยกพิสุทธิ์ คาดว่าคงจะเป็นศัตรูสักฝ่าย หลังจากสำนักหยกพิสุทธิ์ทำลายลัทธิมารฟ้ามืดลงแล้ว จะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมแน่’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

เฮ้อ! มีปัญหาไม่จบไม่สิ้นเสียที นี่หรือชีวิต

ต้องรีบทะลวงระดับเปลี่ยนวิญญาณแล้ว!

หานเจวี๋ยพลันรู้สึกว่าระดับปราณก่อกำเนิดก็ยังไม่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก

เช้าวันรุ่งขึ้น

หลี่ชิงจื่อและผู้อาวุโสสูงสุดเดินทางมาหา

หานเจวี๋ยเปิดถ้ำเทวา ให้พวกเขาเข้ามาด้านใน

“จิ๊ๆ พลังวิญญาณของที่นี่เกือบจะเท่าสวนสมุนไพรบนยอดเขาหลักแล้ว” ผู้อาวุโสสูงสุดเอ่ยด้วยความประหลาดใจ

ได้มาเจอหานเจวี๋ยอีกครั้ง เขายังรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง

อย่างไรเสียหลายสิบปีก่อน เขาก็ถูกหานเจวี๋ยโจมตีมรรคจิตจนแหลกละเอียด ยามนี้เขาฟื้นฟูพลังวิเศษขึ้นมาใหม่ ยามเผชิญหน้ากับหานเจวี๋ยจึงยังรู้สึกไม่เป็นตัวเองอยู่บ้าง

หลี่ชิงจื่อยิ้มกล่าว “ถ้ำเทวาก็ดูจะเล็กไปสักหน่อย ต้องการให้คนมาช่วยขยายให้ใหญ่ขึ้นหรือไม่”

หานเจวี๋ยส่ายหน้า “เช่นนี้ก็ดีมากแล้ว ใหญ่เกินไปจะเงียบเหงา”

เมื่อเจ้าสำนักคนปัจจุบันและเจ้าสำนักคนก่อนมาพร้อมหน้า คาดว่าจะต้องมีเรื่องอะไรแน่

“เอ่ยมาตามตรงเถิด สำนักหยกพิสุทธิ์ก็พบเรื่องลำบากอีกแล้วใช่หรือไม่” หานเจวี๋ยถาม

สองคนที่จับตัวมาเมื่อวานคงมีสถานะไม่ธรรมดาสินะ

หลี่ชิงจื่อทอดถอนใจกล่าว “สองคนนั้นเป็นคนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ สำนักหยกพิสุทธิ์ก่อตั้งมาเกือบพันปี แต่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมีมาหลายพันปีแล้ว การเคลื่อนไหวของพวกเขาลึกลับ เมื่อพันปีก่อนเคยรวบรวมแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยน ต่อมาถูกสำนักสายหลักร่วมมือกันโจมตีจนแตกกระเจิง ก่อนจะแฝงตัวอยู่ในเงามืด ยามนี้พวกเขากลับมารวมตัวอีกครั้ง จับศิษย์ผู้มีพรสวรรค์ของเราไปไม่น้อย ดูเหมือนพวกเขาจะยึดกุมข่าวกรองของพวกเราไว้จำนวนมาก ศิษย์ที่จับไปเป็นล้วนแต่เป็นศิษย์ผู้มีพรสวรรค์”

ผู้อาวุโสสูงสุดแค่นเสียงหยัน “จะต้องมีจารชนเป็นแน่ ก่อนหน้านี้ไม่ได้จัดการพวกจารชนของลัทธิมารฟ้ามืดให้สิ้นซาก โดยเฉพาะจารชนที่แฝงตัวอยู่ในระดับผู้อาวุโส ข้าสงสัยว่าพวกเขาจงใจเข้าหาลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณเพื่อแก้แค้น”

ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ?

ชื่อนี้น่าสนใจดีนี่

หานเจวี๋ยถามว่า “ในลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมีระดับเปลี่ยนวิญญาณหรือไม่ แล้วระดับสุญตาเล่า”

หลี่ชิงจื่อตอบ “ระดับเปลี่ยนวิญญาณย่อมมีแน่ แต่ระดับสุญตานั้นไม่แน่ชัด”

“อ้อ”

จู่ๆ หันเจวี๋ยก็อยากหนีขึ้นมา

แน่นอนว่าเขาทำได้เพียงคิด ถึงหนีจะหนีไปที่ใดได้เล่า

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “พวกเราวางแผนจะไปเยี่ยมเยียนสำนักต่างๆ ทำให้สำนักสายหลักต่างๆ รวมเป็นหนึ่ง หวังว่าในช่วงนี้เจ้าจะช่วยปกป้องสำนักไว้”

[ท่านเผชิญกับคำร้องขอของเจ้าสำนักหยกพิสุทธิ์และผู้อาวุโสสูงสุด ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ปฏิเสธคำร้องขอ ทรยศสำนักหยกพิสุทธิ์ จะได้รับโอสถชะลอวัยหนึ่งเม็ด]

[สอง ตอบรับคำร้องขอ ฝึกบำเพ็ญต่อไป ปกป้องสำนักหยกพิสุทธิ์ให้ปลอดภัยก่อนเจ้าสำนักจะกลับมา จะได้รับเคล็ดวิชาเวทหนึ่งเล่ม โอสถฝึกบำเพ็ญระดับเปลี่ยนวิญญาณหนึ่งขวด]

ตัวเลือกที่หายไปนานปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ยอีกครั้ง

รางวัลของเงื่อนไขที่สองมากมายยิ่งนัก!

ยังมีโอสถฝึกบำเพ็ญระดับเปลี่ยนวิญญาณด้วย!

“ไม่มีปัญหา!”

หานเจวี๋ยตอบรับอย่างไม่อิดออด

เพียงแค่ไม่ต้องออกไป อะไรก็สามารถเจรจาได้

หลี่ชิงจื่อและผู้อาวุโสสูงสุดดีใจมาก ความประทับใจที่มีต่อหานเจวี๋ยถูกยกระดับขึ้นอีกครั้ง ทั้งหมดบรรลุถึงระดับ 4 ดาว

หลังจากคนทั้งสองกลับออกไป หานเจวี๋ยก็เข้าสู่สภาวะฝึกบำเพ็ญทันที

‘อันตรายเกินไปแล้ว! ต้องรีบฉวยโอกาสเพิ่มพูนตบะ!’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

แม้เขาจะสามารถดูดพลังวิญญาณทั้งหกสายพร้อมกันได้ แต่หากจะบรรลุระดับเปลี่ยนวิญญาณ ก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปี

หลายสิบปี? มนุษย์ทั่วไปส่วนมากก็มีเวลาทั้งชีวิตน้อยนิดเช่นนี้เอง

……

พริบตาเดียว เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปหกปี

หานเจวี๋ยทะลวงถึงระดับปราณก่อกำเนิดขั้นห้าแล้ว อายุขัยเพิ่มขึ้นถึง 1,080 ปี!

ความก้าวหน้าเช่นนี้ นับว่าไม่เลว!

หานเจวี๋ยรู้สึกพอใจมาก

เขาพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

เหตุใดศิษย์หยางเทียนตงจึงยังไม่กลับมา

เขาเปิดดูค่าความสัมพันธ์ และสังเกตเห็นว่าจดหมายมีไฟสีแดงกะพริบอยู่

เขารีบเปิดดูทันที

[หลี่ชิงจื่อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ] x14

[ผู้อาวุโสสูงสุดสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ] x26

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ]

[หยางเทียนตงศิษย์ของท่านถูกลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณจับเป็นเชลย]

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ] x8

……

เมื่อเลื่อนอ่านลงมา ทั้งหมดล้วนถูกลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณโจมตี

เทียบกับการเผชิญหน้าลัทธิมารฟ้ามืดก่อนหน้านี้แล้ว ครั้งนี้ร้ายแรงกว่ามาก

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าศิษย์ของเขาถูกจับตัวไปแล้ว

หากกล่าวด้วยเหตุผล ในฐานะอาจารย์เขาควรจะออกจากการปิดด่านฝึกบำเพ็ญ

แต่ว่าไม่ได้!

หานเจวี๋ยรู้สึกว่านี่เป็นหลุมพราง พลังลึกลับบางอย่างท่ามกลางความมืดมิดกำลังควบคุมชีวิตเขา บีบเขาให้ก้าวเข้าสู่มหันตภัย!

เขาจำต้องฝืนโชคชะตา ไม่เสี่ยงอันตรายเด็ดขาด!

หานเจวี๋ยพลันนึกขึ้นได้ ภายในสำนักหยกพิสุทธิ์จะมีคนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณอยู่หรือไม่

เขารีบเปิดใช้ฟังก์ชันจำลองการทดสอบ ตรวจสอบดูคนในสำนักหยกพิสุทธิ์ทันที

เขาค้นหาผู้แข็งแกร่งที่สุดนอกเหนือจากเขาในสำนักหยกพิสุทธิ์เป็นอันดับแรก

[เซียนเฒ่าเต้าเหลย: ระดับปราณก่อกำเนิดขั้นเจ็ด ผู้อาวุโสยอดเขาอัสนีสวรรค์ของสำนักหยกพิสุทธิ์]

หานเจวี๋ยอึ้งไปทันที เพราะว่าเซียนเฒ่าเต้าเหลยไม่เกิดความประทับใจในตัวเขา และก็ไม่มีความแค้นใดๆ เขาจึงไม่เข้าใจเซียนเฒ่าเต้าเหลยมาโดยตลอด

คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนี่จะเป็นคนโหดเหี้ยม!

……………………………………….