บทที่38พ่อลูกเหมือนกัน
“ทำไม?” ลี่จุนถิงเลิกคิ้วขึ้นไปมา ราวกับว่าไม่พอใจกับปฏิกิริยาของเจียงหยุนเอ๋อ
เจียงหยุนเอ๋อรีบส่ายหหัวไปมา หลังจากนั่งลงบนรถก็ค่อยๆ เหลือบมองลี่จุนถิงไปชั่วครู่ ท้ายที่สุดแล้วก็ทนไม่ไหว “พรืดด” ขำเสียงดังออกมา
ลี่จุนถิงมองเธอตาขวาง เจียงหยุนเอ๋ออดไม่ไหวที่จะเครียดขึ้นมา ยังดีที่สุดท้ายแล้วลี่จุนถิงเขาไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเธอ
เจียงหยุนเอ๋อถอนหายใจเมื่อครู่ เมื่อได้ยินเสียงถวนจื่อถามขึ้น “หม่ามี๊ หัวเราะอะไรอยู่?”
“ไม่ ไม่มีอะไรนี่” เจียงหยุนเอ๋อรีบปฏิเสธ
ถวนจื่อมองไปทางเธออย่างไม่เชื่อ ถามต่อ “ขำแด๊ดดี้อยู่ใช่หรือเปล่า? มีอะไรน่าขำ? แด๊ดดี้ใส่ชุดนี้ก็ไม่ดูเท่มากๆ เหรอ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ลี่จุนถิงก็ยกมุมปากไปมา พูดออกมาเสียงเบา “อืม ดีมาก ตาถึง”
เมื่อเห็นท่าทางของเก๊กๆ ของลี่จุนถิง เจียงหยุนเอ๋อเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีมุมแบบนี้
ถวนจื่อทำปากจู๋ไปมา “หนูพูดเรื่องจริงนะ”
“ถวนจื่อ อีกสักพักก็จะแข่งแล้วสู้ๆ นะ” ลี่จุนถิงยิ้มอ่อนๆ ให้กำลังใจกับถวนจื่อ
ถวนจื่อรีบพยักหัวทันที ตบหน้าอกตัวเองเบาๆ ราวกับจะมีชัยชนะมาอย่างนั้น “แน่นอนอยู่แล้ว แด๊ดดี้ แด๊ดดี้เคยเห็นหนูเล่นเกมแพ้ตอนไหนไหม? วางใจเถอะ หนูต้องได้ที่หนึ่งแน่นอน!”
คำพูดพวกนี้ของถวนจื่อเมื่อเจียงหยุนเอ๋อได้ฟังก็เหมือนว่าแสดงถึงความกำเริบเสิบสาน เธอรับยกมือขึ้นปิดปากถวนจื่อ แล้วพูดต่อว่า “ถวนจื่อ อย่าพูดอะไรซี้ซั้ว”
ถวนจื่อมองไปที่เจียงหยุนเอ๋ออย่างน้อยใจ พูดต่อว่า “หนู หนูไม่ได้พูดซี้ซั้ว”
ลี่จุนถิงมองไปที่เจียงหยุนเอ๋ออย่างไม่เห็นด้วย ภายใต้สายตาที่จ้องเขม็ง เจียงหยุนเอ๋อค่อยๆ เอามือออกจาก
“ถวนจื่อ ฉันเชื่อว่าหนูมีความสามารถ” ลี่จุนถิงพูดออกมาด้วยความแน่ใจ
ถวนจื่อก็ค่อยผลิยิ้มออกมาใหม่ พูดคุยกับลี่จุนถิง
ทางด้านเจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกน้อยอกน้อยใจ ราวกับว่าตัวเองเป็นส่วนเกินอันนั้น พอ ตัวเองก็แค่ต้องการจะตำหนิติเตียนถวนจื่อ ลี่จุนถิงก็ดันมาหนุนหลังให้เขาแบบนี้ เป็นแบบนี้ต่อไป ถวนจื่อไม่ช้าก็เร็วต้องถูกลี่จุนถิงซื้อตัวไปได้หมดจดแน่ๆ
เจียงหยุนเอ๋อส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย ก็แบบนี้นั่งฟังสองคนนั้นพูดคุยอยู่เงียบๆ
ผ่านไปไม่นาน รถก็ขับมาถึงด้านนอกของที่จัดการแข่งขัน มองไปยังกลุ่มคนที่เยอะแยะวุ่นวาย เจียงหยุนเอ๋อถึงจะพบว่าเดิมทีแล้วมีคนไม่น้อยที่ใส่ชุดนักรบชุดนี้ ดูแล้วก็น่าจะเป็นออแกไนเซอร์ส่งเสื้อผ้าแบบนี้ออกมา
แต่ว่า เธอมองอย่างละเอียด ยังรู้สึกว่าไม่มีใครใส่ได้ดูดีเท่ากับลี่จุนถิงอีกแล้ว
ตัวเองมาคิดอะไรอยู่แบบนี้เนี้ย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีความคิดอะไรเกิดขึ้นมาจากนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็หน้าแดงมองไปยังลี่จุนถิงด้วยสายตาที่กลัวว่าจะถูกจับได้ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้สนใจก็ถึงถอนหายใจออกมา
แม้ว่าเมื่อก่อนเจียงหยุนเอ๋อจะเคยได้ยินการแข่งขันนี้มาบ้าง แต่ที่จริงก็พูดไม่ได้ว่าเข้าใจมากมาย จากนั้นตอนนี้ก็ถึงสถานที่แข่งขันแล้ว เธอถึงรู้ว่าเดิมที่แล้วการแข่งขันแบ่งออกเป็นหลายๆ กลุ่ม เช่นถวนจื่อเข้าร่วมกลุ่มก็คือกลุ่มเด็กเล็ก คนที่เข้าร่วมทั้งหมดอายุน้อยกว่าหกปี เพื่อความเท่าเทียมกับพวกเขา
หลังจากนั้นเจียงหยุนเอ๋อก็ได้พบว่าตัวเองคิดผิดแล้ว ลี่จุนถิงไม่ได้เลือกเป็นสปอนเซอร์อะไรนั่น แต่คือช่วยดึงสปอนเซอร์เข้ามา นั่นถึงทำให้ถวนจื่อถึงมีสิทธิ์ได้เข้าร่วมการแข่งขัน
“เหม่อลอยอะไรอยู่น่ะ ลี่จุนถิงไม่รู้ว่าเดินมาทางเจียงหยุนเอ๋อตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่งเสียงออกมาเตือน ตามมาติดๆล่ะ อย่าเดินหลงทางล่ะ”
เจียงหยุนเอ๋อมองไปทางเขาด้วยความเขินอาย บ่นอุบว่า “ฉันไม่ใช่เด็กน้อยแล้วนะ”
ในสนามแข่งขันตกแต่งอย่างหรูหรา พิธีการแข่งขันทั้งหมดถูกถ่ายทอดสดไปบนอินเทอร์เน็ต ยังมีผู้เชี่ยวชาญการพากย์พิธีกร มองไปยังผู้คนที่หน้าตางดงาม เจียงหยุนเอ๋อก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
เดิมที่เธอก็เหมือนคนทั่วไป ไม่ได้รู้สึกหลงรักเกมจนกลายเป็นเรื่องดี แต่ว่าตอนนี้มองไปยังคนผู้เข้าแข่งขันที่เข้าร่วม ก็เชื่อได้ว่าพวกเขาหลงรักเกมด้วยความจริงใจ
“ถวนจื่อ หนูจะแข่งตอนไหนเหรอ?” เมื่อเห็นคนพวกนั้นท่าทางดูชำนาญ เจียงหยุนเอ๋อก็อดไม่ได้ที่จะกังวลแทนถวนจื่อขึ้นมา
ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดดูแล้วชำนาญกันทั้งนั้น หากถวนจื่อแพ้อย่างน่าสมเพชล่ะ ร้องไห้ขี้มูกโป่งจะทำอย่างไร?
เมื่อเจอกับเจียงหยุนเอ๋อที่ดูแคลนตัวเอง ถวนจื่อก็ดูเหมือนจะไม่พอใจ เม้มปากพูดต่อ “หม่ามี๊ ทำไมไม่เชื่อหนูขนาดนี้ แด๊ดดี้ แด๊ดดี้พูด หนูเล่นเกมเก่งมากๆ ไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่สิ ถวนจื่อเก่งที่สุด อีกพักก็ได้ที่หนึ่งแน่ๆ” ลี่จุนถิงไม่พูดอะไรอีกก็พูดยืนยันเท่านั้น
สายตาของเจียงหยุนเอ๋อมองไปที่ระหว่างลี่จุนถิงและถวนจื่อไปมา ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดีแล้ว
ลี่จุนถิงคนนี้ก็เชื่อถวนจื่อเกินไปแล้ว? ถึงแม้ว่าจะรู้สึกว่าถวนจื่อเล่นเกมเก่งมากๆ ก็เถอะ แต่ว่าผู้เข้าแข่งขันก็ต้องเป็นพวกชำนาญแน่ๆ ถวนจื่อเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน นอกจากพรสวรรค์ที่เต็มเปี่ยมแล้ว หากไม่อย่างนั้น ก็ยากที่จะเด่นออกมาจากคนเยอะแยะพวกนี้
ไม่นาน การแข่งขันก็เริ่มอย่างเป็นทางการ ในตอนแรกเริ่มนั้นเป็นการแข่งขันของเด็กวัยรุ่น ต่อต้านกันอย่างดุเดือดแวบเดียวก็ดึงดูดสายตาของคนทั้งหมดได้ แม้กระทั่งคนที่เดิมทีไม่ได้สนใจอะไรเกมอย่างเจียงหยุนเอ๋อก็อดไม่ได้ที่จะดูอย่างตั้งใจ
และคนที่อยู่ข้างกายเธอ อย่างลี่จุนถิงและถวนจื่อก็กำลังคุยกันเสียงเบา
“แด๊ดดี้ดู เดินไปแบบนี้ไม่ค่อยดี หากเขาไม่เดินแบบนี้ ผลประโยชน์ของกลุ่มก็จะสูงกว่านี้แน่นอน” ถวนจื่อพูดอย่างมีหลักการ และลี่จุนถิงก็พยักหน้าเห็นด้วย
“เดินแบบนี้ก็ไม่เลว ตอนนี้หนูยังทำแบบนี้ไม่ได้ เรียนรู้จากคนอื่นเยอะๆ ครั้งหน้าหนูจะแสดงให้ดูหลายๆ รอบ หนูรู้สึกว่าเป็นเรื่องสำคัญ อยากจะเล่นเกมนี้ ก็ต้องเรียนรู้พื้นฐานการเดินก่อน”
“แด๊ดดี้ดูท่านี้ ปกติแล้วแด๊ดดี้มักจะใส่ช้าๆ พลาดโอกาสดีๆ ไปแล้ว ก็ต้องฝึกเยอะๆ”
เป็นถวนจื่อที่พูดกับลี่จุนถิงอย่างมีความอดทน และจุนถิงก็เหมือนนักเรียนที่ตั้งใจฟังอย่างไงอย่างนั้น เมื่อเห็นว่าเขาทั้งสองคนให้ความร่วมมือเข้ากันได้อย่างดีแบบนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกออกมาจากใจจริงว่าเขาทั้งสองเหมือนพ่อลูกกันอย่างนั้น
หลังจากที่กลุ่มวัยรุ่นแข่งเสร็จ กลุ่มเด็กเล็กก็จะเริ่มแข่งต่อ
“หม่ามี๊ แด๊ดดี้ หนูไปแล้วนะ” พนักงานที่เดินเข้ามา เตรียมที่จะพาถวนจื่อขึ้นไปที่บนเวที ถวนจื่อโบกมือให้กับเจียงหยุนเอ๋อและลี่จุนถิง แล้วเดินออกไปกับพนักงาน
กลุ่มหนึ่งมีผู้เข้าแข่งสิบหกคนในแต่ล่ะรอบการแข่งขัน ในสิบหกคนนี้ ถวนจื่อแสดงออกมาให้เห็นอย่างโดดเด่นที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย
ถวนจื่อตรงหน้าที่ยิ่งปะทะยิ่งกล้า เจียงหยุนเอ๋อจับมือของลี่จุนถิงด้วยความดีใจ พูดต่อ “ถวนจื่อเก่งสุดๆ ไปเลย”
ในตอนแรก เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรแปลกไป ก็แค่ดึงลี่จุนถิงมาโดยตลอด เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองทำอะไรหลังจากนั้น เธอก็รีบดึงมือออกด้วยใบหน้าแดงๆ นั้น พูดขอโทษ ลี่จุนถิงอย่างติดๆ ขัดๆ “ขอ ขอโทษ เมื่อกี้ฉันตื่นเต้นเกินไป”
ในตาของลี่จุนถิงแฝงไปด้วยรอยยิ้ม แกล้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าที่แดงไปถึงหูของเจียงหยุนเอ๋อ รอยยิ้มก็ยิ่งลึก
เขาหันข้างไปนิดหน่อย ไม่อยากให้เจียงหยุนเอ๋อเห็นรอยยิ้มที่ปิดไม่มิดของเขา พูดอย่างเบาๆ ว่า “ไม่เป็นไร”
ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ถืออะไรถ้าเธอจะจับนานกว่านี้ เขาก็แค่คิดเงียบๆ ในใจ