ตอนที่ 39 ทำตัวอิสระ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ไป๋ชิงเหยียนลอบสังเกตการณ์สื่อสารเจรจาระหว่างเฉินชิ่งเซิงและผู้ดูแล นางยิ่งพอใจในตัวเฉินชิ่งเซิงมาก ภายหน้าเมื่อน้องสามทำการค้า…เฉินชิ่งเซิงจะกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของน้องสามแน่ๆ

หญิงสาวหันไปกล่าวกับหลูผิงและองครักษ์ติดตาม “ลุงผิง พวกท่านรออยู่ที่ด้านล่าง อย่าเพิ่งลงมือทำสิ่งใด รอคำสั่งจากข้า”

หลูผิงยกมือกำหมัดรับคำ

“คุณหนูใหญ่ ผู้ดูแลใหญ่เตรียมห้องพิเศษไว้แล้วขอรับ! หอหม่านเจียงเพิ่งเปิดได้ไม่นาน แม้ไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าหอเยี่ยนเชวี่ยที่อยู่ข้างๆ แต่สะอาดกว่ามากขอรับ” เฉินชิ่งเซิงเดินนำไป๋ชิงเหยียนขึ้นไปด้านบน “คุณหนูใหญ่ระวังเท้านะขอรับ”

“ใช่ๆ ขอรับ วันนี้ข้าทำความสะอาดห้องพิเศษที่ใหญ่ที่สุดไว้เตรียมรับรองคุณหนูใหญ่เลยขอรับ! เมื่อตะวันลับฟ้า หากคุณหนูใหญ่เปิดหน้าต่างออกไป พิงระเบียงมองดูถนนสองข้างทางท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนจะเห็นภาพที่งดงามมากขอรับ! งามไม่แพ้วิวทิวทัศน์จากห้องพิเศษของหอเยี่ยนเชวี่ยแน่นอนขอรับ!” ผู้ดูแลใหญ่เดินตามหลังพลางกล่าวอย่างอารมณ์ดี

“ผู้ดูแลช่างใส่ใจมากเจ้าค่ะ! ท่านไปทำงานต่อเถิด…พวกข้าดูแลคุณหนูใหญ่เองแล้วเจ้าค่ะ” ชุนเถากล่าวยิ้มๆ

“ขอรับๆ” ผู้ดูแลซึ่งยืนอยู่ด้านล่างรีบพยักหน้ารัวๆ

เฉินชิ่งเซิงผลักประตูห้องพิเศษให้ไป๋ชิงเหยียน รู้ว่าหญิงสาวทนหนาวไม่ได้จึงรีบเข้าไปปิดหน้าต่างในห้องให้ก่อน กล่าวขึ้น “คุณหนูใหญ่ แม้ว่าห้องพิเศษนี้จะดี แต่หน้าต่างติดกับหน้าต่างห้องพิเศษของหอเยี่ยนเชวี่ยมากเกินไป ข้าปิดให้คุณหนูแล้วขอรับ”

เฉินชิ่งเซิงเตรียมการได้ละเอียดรอบคอบมาก คงกลัวว่าไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่ในห้องอย่างเดียวแล้วจะเบื่อ ตรงข้างหน้าต่างไม้แกะสลักจึงมีกระดานหมากล้อมวางอยู่ บนโต๊ะตัวเล็กก็มีตำราหมากล้อมวางเตรียมไว้เช่นกัน

ไป๋ชิงเหยียนถอดเสื้อคลุมตัวใหญ่ออก เดินตรงไปที่กระดานหมากล้อม สายตากวาดมองไปที่กระดาน ไม่รู้ว่าเฉินชิ่งเซิงไปหากลยุทธ์การวางหมากเช่นนี้มาจากที่ใด นางเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจึงเริ่มสนใจขึ้นมาทันที

ไฟในห้องพิเศษสว่างจ้า เตาผิงห้าเตาในห้องไฟคุกรุ่น แม้ว่าเมื่อครู่หน้าต่างจะเปิดอยู่แต่พอเดินเข้ามากลับรู้สึกอบอุ่นมาก

เห็นว่าเด็กรับใช้ที่นำชามาให้ยืนอยู่ที่ประตู เฉินชิ่งเซิงรีบเดินเข้าไปรับมา ตบเงินรางวัลให้เด็กรับใช้เล็กน้อย

ชายหนุ่มรินชาให้ไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “ผู้ดูแลหอหม่านเจียงซื้อร้านนี้ไว้เมื่อครึ่งเดือนก่อนขอรับ เมื่อครึ่งปีก่อน เจ้าของหอเยี่ยนเชวี่ยเป็นดองกับขุนนางผู้ดูแลเรื่องการซ่อมแซมถนนอาคารต่างๆ ใน สังกัดหยาเหมิน[1] ต่อมาหอเยี่ยนเชวี่ยขยายพื้นที่จนกินพื้นที่ถนนของหอหม่านเจี่ยงซึ่งอยู่ติดกันไปเกือบครึ่ง วิวของหอหม่านเจี่ยงจึงโดนบังหมด! ต่อมาเจ้าของคนก่อนของหอหม่านเจียงฟ้องร้องคดีกับเจ้าของหอเยี่ยนเชวี่ย แต่ฟ้องจนหมดตัวก็ยังไม่ชนะ เขาจึงย้ายกลับบ้านเกิดไปด้วยความโมโหขอรับ”

เฉินชิ่งเซิงรู้เรื่องราวทุกเรื่องในเมืองหลวงอย่างละเอียดจริงๆ

“คุณหนูใหญ่เชิญนั่งพักเถิดขอรับ ข้าจะจับตาดูอยู่ด้านล่างเอง…รถม้าเข้าเมืองมาเมื่อใด ข้าจะรีบมารายงานให้คุณหนูทราบทันทีขอรับ” เฉินชิ่งเซิงโค้งกายให้ไป๋ชิงเหยียน

“ชุนเถา เมื่อครู่ข้าเห็นว่าที่ถนนมีคนขายตุ๊กตาดินปั้น เจ้ากับเฉินชิ่งเซิงไปซื้อให้พวกคุณหนูที่จวนเสียหน่อย เดี๋ยวข้าจะนำไปฝากพวกนาง” ไป๋ชิงเหยียนจิบน้ำชาอึกหนึ่งแล้วกล่าวออกมายิ้มๆ

ยามปกติ เฉินชิ่งเซิงอยู่เรือนหน้า ชุนเถาอยู่เรือนหลัง แทบไม่มีโอกาสเจอหน้ากันเลย ไป๋ชิงเหยียนรู้ดีจึงอยากสร้างโอกาสให้ทั้งสองคนได้อยู่กันตามลำพัง หวังเพียงว่าในชาตินี้ทั้งสองคนจะได้ครองคู่กันอย่างมีความสุข อย่าได้พลัดพรากจากกันเพราะนางเป็นเหตุจนต้องเสียใจไปตลอดชีวิตอีก

เฉินชิ่งเซิงและชุนเถาต่างหน้าแดงเถือก รีบก้มหน้างุดเดินออกจากห้องไป

ภายในห้องกว้างเหลือแค่ไป๋ชิงเหยียนและชุนเหยียน หญิงสาวไม่มองชุนเหยียนที่ทำท่าทีราวกับตนไม่ได้รับความเป็นธรรมแม้แต่น้อย เอ่ยเพียง “เจ้าออกไปเฝ้าด้านนอกไว้”

ชุนเหยียนตาแดงขึ้นมาทันที ย่อกายคำนับ เดินสะอึกสะอื้นออกไปด้านนอก

ไฟในเตาผิงร้อนเกินไป ไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่เพียงครู่เดียวเหงื่อก็เริ่มซึม หญิงสาวผลักหน้าต่างออก พอเงยหน้าขึ้นก็ประสานกับดวงตาลึกล้ำราวกับบ่อน้ำของบุรุษจากห้องฝั่งตรงข้าม

หญิงสาวตะลึงงัน

เซียวหรงเหยี่ยนซึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่างฝั่งตรงข้ามก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน มือที่ลูบคลำหยกจักจั่นหยุดชะงักอย่างไม่รู้ตัว

ร่างสูงสง่าในชุดสีขาวของเซียวหรงเหยี่ยนยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางแสงแดด ดวงตาสงบนิ่งราวสายน้ำ ทั้งๆ ที่ดูอบอุ่นและสูงศักดิ์ แต่เมื่อสองสายตาประสานกัน หญิงสาวกลับมองเห็นความนิ่งลึก เจ้าเล่ห์ ฉลาดล้ำลึกจากสายตาของเซียวหรงเหยี่ยน

พริบตาเดียว แววตาของเซียวหรงเหยี่ยนแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนเข้ามาแทนที่ พยักหน้าให้ไป๋ชิงเหยียนน้อยๆ ราวกับเป็นคนละคนกับผู้กุมอำนาจที่ทรงพลังและเยือกเย็นเมื่อครู่นี้ลิบลับ

หน้าต่างสองบาน ห่างกันไม่ถึงสามนิ้ว ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติที่แล้ว หญิงสาวก็ไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกับเซียวหรงเหยี่ยนมากเท่านี้มาก่อน

หากรีบปิดหน้าต่างอาจดูเสียมารยาทและเก็บอาการไม่อยู่เกินไป หญิงสาวยืดตัวตรง ย่อกายทำความเคารพเล็กน้อย

ภายในห้องพิเศษของหอเยี่ยนเชวี่ย มีเสียงโต้เถียงอย่างเอาเป็นเอาตายของหลู่หยวนเผิงดังแว่วออกมา “ข้าพูดเรื่องจริง! ไม่เชื่อพวกเจ้าลองถามสหายเซียวดูสิว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋งดงามยากจะหาผู้ใดเปรียบจริงหรือไม่ คุณหนูไป๋งดงามกว่าหนานตูจวิ้นจู่[2] หลิวรั่วฝูที่ได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งเสียอีก จริงหรือไม่สหายเซียว!”

เซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้หันกลับไปมอง เขาจ้องไปยังใบหน้างดงามเกลี้ยงเกลาราวกับภาพวาดของไป๋ชิงเหยียนนิ่งๆ รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นในแววตาของชายหนุ่ม เขารับคำ “เป็นเช่นนั้นจริงๆ …งดงามยากจะหาผู้ใดเทียบเทียม”

น้ำเสียงอบอุ่นนุ่มนวลราวกระซิบของชายหนุ่ม ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำ

คนผู้นี้…เหตุใดจึงทำตัวอิสระเสรีเช่นนี้

“เห็นหรือไม่! เห็นหรือไม่!” หลู่หยวนเผิงตบโต๊ะอย่างตื่นเต้น “หาว่าข้ากล่าวเกินจริง! แต่พวกเจ้าคงเชื่อคำกล่าวของสหายเซียวใช่หรือไม่ พวกเจ้ารู้หรือไม่ วันนั้น คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟและหิมะสีขาว ช่างราวกับภาพวาด…”

หญิงสาวรีบปิดหน้าต่างทั้งสองฝั่ง ชายเสื้อกวาดไปโดนกล่องหมากล้อมจนตกระเนระนาดลงบนพื้น เสียงดังไปทั่วทั้งห้อง

ชุนเหยียนรีบผลักประตูเข้ามา เห็นไปชิงเหยียนก้มเก็บหมากล้อมด้วยใบหน้าที่แดงก่ำจึงรีบเข้าไปทันที “คุณหนู บ่าวเก็บเองเจ้าค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือที่เต็มไปด้วยเหงื่อ หันไปมองทางหน้าต่างที่ปิดสนิทแล้วอย่างไม่รู้ตัว นอกหน้าต่างยังเห็นเงารางๆ ของเซียวหรงเหยี่ยน หญิงสาวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

ชุนเหยียนเก็บหมากล้อมขึ้นมา เห็นไป๋ชิงเหยียนนั่งหน้าแดงอยู่บนเก้าอี้ นางนำหมากล้อมใส่ไว้ในกล่อง กล่าวยิ้มๆ “คุณหนูหน้าแดงเพราะร้อนหรือเจ้าคะ บ่าวเปิดหน้าต่างระบายอากาศให้นะเจ้าคะ”

หญิงสาวใจเต้นรัว จับมือที่จะเอื้อมไปเปิดหน้าต่างของชุนเหยียน น้ำเสียงเข้มงวด “ไม่ต้อง!”

“คุณหนู?!” ชุนเหยียนเพิ่งเคยเห็นคุณหนูใหญ่ของนางควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เช่นนี้เป็นครั้งแรก ตกใจจนสะดุ้ง

ไป๋ชิงเหยียนจุกแน่นในลำคอ ชักมือที่จับแขนของชุนเหยียนกลับ ซ่อนความไม่สงบในใจไว้ ดึงสีหน้าพลางกล่าว “ไปเฝ้าด้านนอกเถิด!”

นึกถึงคำพูดที่โหดร้ายและการกระทำที่ห่างเหินของไป๋ชิงเหยียนในสองสามวันมานี้ ชุนเหยียนยิ่งรู้สึกน้อยใจ นางทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนพลางสะอื้นน้อยๆ ถอยไปยืนอยู่หน้าห้อง

เมื่อในห้องเหลือแค่ไป๋ชิงเหยียนคนเดียว หญิงสาวจึงหันกลับไปมองที่หน้าต่างอีกครั้ง เมื่อสังเกตเห็นว่าคนฝั่งตรงข้ามไม่ได้อยู่ตรงหน้าต่างแล้ว นางจึงค่อยสงบลง

แต่หน้าต่างฝั่งตรงข้ามยังเปิดอยู่ เสียงเฮฮาครื้นเครงของหลู่หยวนเผิงและบรรดาคุณชายเจ้าสำราญยังดังแว่วเข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะ พอได้ยินคำว่า “สหายเซียว…” ดังแว่วมาในหู ไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงว้าวุ่นใจเช่นนี้

[1] หยาเหมิน ที่ว่าการท้องถิ่นว่าการโดยขุนนางสูงสุดผู้ดูแลพื้นที่

[2] จวิ้นจู่ ตำแหน่งองค์หญิงหรือท่านหญิงขึ้นอยู่กับการสืบสายเลือดทางบิดากับจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นบรรดาศักดิ์ที่จักรพรรดิแต่งตั้งให้แก่สตรีที่ทำความดีความชอบแก่บ้านเมืองอีกด้วย