บทที่ 55 ลาก่อนนายน้อยข่ง

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 55 ลาก่อนนายน้อยข่ง

บทที่ 55 ลาก่อนนายน้อยข่ง

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์มองยังอู๋ฝาน ก่อนจะก้าวเดินไปต่อ เมินเฉยการกระทำของผู้จัดการหวง เรื่องราวจึงถึงกับทำผู้จัดการหวงอับอายไปชั่วครู่

เพียงแค่สายตามองของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ กลับทำอู๋ฝานใจสั่นได้

“สายตาที่เธอมองเมื่อครู่หมายความว่ายังไง?” อู๋ฝานครุ่นคิดกับตัวเองอยู่ในใจ

เพียงแต่ เห็นได้ชัดว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่มีเจตนาจะอธิบายใด ๆ ให้อู๋ฝานได้ทราบ

อู๋ฝานก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากตามหลังหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ตรงไปยังห้องส่วนตัว

“เหยียนเอ๋อร์มาแล้วหรือ? รีบเข้ามาเร็ว” ประตูห้องส่วนตัวเปิดออก อู๋ฝานได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

เขาหรือ?

อู๋ฝานที่ติดตามหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เข้าห้องส่วนตัว เพียงมองก็ตระหนักทราบ ว่าบุคคลใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตรงหน้า เป็นบุคคลที่รอคอยหลิ่วเหยียนเอ๋อร์อยู่ และเมื่อครั้งการแข่งทำอาหารรอบที่สาม คนคนนี้คือ “นายน้อยข่ง” จากปากคำของนายน้อยหวัง

อู๋ฝานไม่คิดมาก่อน ว่าจะได้พบเจออีกฝ่ายเร็วถึงเพียงนี้ ทั้งยังเป็นในสถานการณ์เช่นตอนนี้

นายน้อยข่งราวกับมีความประทับในใจตัวอู๋ฝาน ยามพบเห็นอู๋ฝานมาพร้อมกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เขาจึงชะงักงันไปครู่

“เหยียนเอ๋อร์ คนนี้ใครกัน?” นายน้อยข่งเอ่ยถาม

เมื่อคืนก่อน แม้ว่ามีคนเรียกชื่ออู๋ฝานตรงหน้านายน้อยข่งคนนี้ แต่ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว นายน้อยข่งย่อมไม่คิดเก็บอู๋ฝานมาใส่ใจ เพราะความเห็นของเขา อู๋ฝานก็เพียงทำอาหารเก่งอยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงอาจารย์พละศึกษา ไม่ได้มีคุณสมบัติมากพอให้ตัวเขาจดจำชื่อ ดังนั้นพบเจอครั้งนี้เขาจึงไม่ทราบชื่อ ของอู๋ฝาน

อย่างไรแล้ว ปัจจุบันเขาได้พบว่าตนเองประเมินอาจารย์คนนี้น้อยจนเกินไป อีกฝ่ายมาพร้อมกับ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ได้ ย่อมหมายถึงไม่ใช่คนธรรมดา หรือคนทั้งสองมีสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาต่อกันกันแน่?

นายน้อยข่งไม่คิดอยากเชื่อว่าจะเป็นกรณีหลัง

“อู๋ฝาน เพื่อนฉันค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์กล่าวตอบ

อู๋ฝานไม่ทราบแม้แต่น้อย ว่าตนเองได้กลายเป็นเพื่อนของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไปเสียแล้ว

“สวัสดีครับ” อู๋ฝานยื่นมือออกไปทักทายด้วยความสุภาพ

“สวัสดีครับ” แม้ว่านายน้อยข่งจะยื่นมือไปจับมือของอู๋ฝานตอบรับ แต่สีหน้าไม่มีความสุภาพใดแม้แต่น้อย กระทั่งว่าคิ้วขมวด ทั้งยังไม่เอ่ยชื่อแนะนำตัว

มันเป็นการไม่ให้เกียรติกันอย่างเด่นชัด หรือก็คือ นายน้อยข่งไม่คิดทำความรู้จักกับอู๋ฝาน

“เขาชื่อข่งไห่หลิน” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่ยืนด้านข้างเอ่ยคำขึ้น เห็นได้ชัดว่าเธอบอกกับอู๋ฝาน

พบเห็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์มีท่าทีเป็นห่วงอู๋ฝานเพียงนี้ นายน้อยข่งยิ่งไม่ยินดี เพียงแต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า โดยใบหน้ายังคงยิ้มแย้มเหมือนเช่นเคย “เหยียนเอ๋อร์ มานั่งกันก่อน รอบนี้ฉันบังเอิญมาเจียงโจวพอดี ก็เลยมาพบเธอที่นี่ สบายดีไหม ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”

ข่งไห่หลินเอาแต่พูดจาทักทายหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เมินเฉยอู๋ฝานอย่างสิ้นเชิง เพียงแต่อู๋ฝานก็หาได้สนใจไม่ อย่างไรแล้วก่อนหน้านี้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็แจ้งชัด ว่ามาที่นี่วันนี้ ที่เขาต้องทำก็เพียงทานอาหารไปโดยไม่ต้องสนใจเรื่องอื่นใด

“อู๋ฝาน นั่งข้างฉัน” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ตอบคำของข่งไห่หลิน แต่มองยังอู๋ฝานให้การดูแล

แท้จริงแล้ว อู๋ฝานอยากรักษาและทำตามคำพูดของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ว่าเพียงแค่ทาน ไม่ต้องสนเรื่องอื่นใด จึงคิดไปหาที่นั่งซึ่งห่างจากคนทั้งสอง ทำตัวเป็นมนุษย์ประดิษฐ์นั่งไป แต่หาได้คิดไม่ ว่าทันทีที่กำลังจะนั่ง คำของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กลับบอกให้ย้ายที่

“อา ครับ” อู๋ฝานไม่อาจปฏิเสธ อย่างไรแล้วนั่งตรงใดเขาก็ทานอาหารได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่สาระ

ข่งไห่หลินมองอู๋ฝานที่นั่งลงข้างหลิ่วเหยียนเอ๋อ มุมปากถึงกับกระตุกเบา ทว่าก็ยังคงปั้นรอยยิ้มประดับใบหน้าอย่างเต็มที่

เพียงไม่นานบริกรก็นำอาหารมาเสิร์ฟ โต๊ะใหญ่ถึงกับเต็มแน่นด้วยอาหาร ขณะที่ทั้งห้องส่วนตัวมีเพียงแค่สามคน มันเป็นปริมาณที่ต่อให้มีอีกสามคนมาร่วมโต๊ะ ก็ยากที่จะทานได้หมด

“เหยียนเอ๋อร์ มาลองรสชาติอาหารก่อนก็แล้วกัน แม้ว่ารสชาติอาหารของที่นี่ไม่ได้ดีเท่าที่เมืองหลวง แต่ก็ไม่ได้แย่เลย” ข่งไห่หลินกล่าวบอกพลางมองยังอู๋ฝาน “แน่นอนว่าหากเทียบเปรียบด้านการทำอาหารกับคนข้างกายเธอ เชฟของที่นี่ถือว่าไม่ได้ดีเด่นอะไร”

เดิมหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้คิดสนทนาอะไรกับข่งไห่หลิน เธอเพียงแค่ต้องการมาทานอย่างเรียบง่าย ก็เพียงพอแล้วสำหรับการตอบรับมื้อเย็นในวันนี้ แต่คำของข่งไห่หลินกลับกระตุ้นความสนใจของเธอเข้า

ทำอาหาร?

อู๋ฝานเป็นเชฟ?

พบเห็นท่าทีงุนงงของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ อู๋ฝานจึงยิ้มและตอบรับ “ผมก็แค่เคยเรียนรู้วิธีทำอาหารอยู่บ้าง”

เพียงแต่การที่ทำให้ข่งไห่หลินพูดถึงได้ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงเชื่อ ว่าฝีมือของอู๋ฝานจะไม่ใช่แค่เรียนรู้วิธีทำอาหารอยู่บ้างอย่างที่ว่าแน่นอน”

“คุณอู๋เป็นเชฟอยู่ที่ภัตตาคารไหนกันครับ?” ข่งไห่หลินเผยยิ้มเอ่ยคำถาม “สนใจมาที่บ้านของผมไหม ตระกูลของผมมีแผนจะเปลี่ยนเชฟอยู่พอดี และวางใจได้ครับ เห็นแก่เหยียนเอ๋อร์แล้วย่อมดูแลคุณเป็นอย่างดีแน่นอน”

อู๋ฝานลอบบ่นพึมพำอยู่ในใจ

ก่อนหน้านี้เขานึกคิดมาบ้างแล้ว ว่าอาหารมื้อนี้ต้องไม่ใช่ธรรมดา แต่ตอนนี้ย่อมได้เห็นเค้าลาง ตอนที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์แนะนำตัวให้ เธอกล่าวชัดแล้วว่าเป็นเพื่อน แต่คำว่า ‘เพื่อน’ นั้นจะจริงหรือเท็จล้วนไม่สำเร็จ ในเมื่อหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กล่าวเช่นนั้น นายน้อยข่งคนนี้ก็ควรคิดว่าเป็นเช่นนั้นจนกระทั่งมอบ ‘น้ำใจ’ เช่นนี้ออกมา แน่นอนว่ามันเป็นปัญหา

แน่นอนว่า ภายหลังได้ฟังคำของข่งไห่หลิน สีหน้าของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงเปลี่ยนไป เธอเอ่ยคำถามขึ้น “ข่งไห่หลิน หมายความว่ายังไง?”

“ผมมีเจตนาที่ดีนะ” ข่งไห่หลินตอบรับหน้าใสซื่อ “ผมก็คิดอยากจะช่วยเพื่อนของเธอไง อย่างน้อย เงินเดือนและสวัสดิการย่อมดีกว่าอยู่ที่นี่”

“ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องมากังวลนะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อตอบรับเสียงเย็น

จบคำพูด หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ถึงขั้นช่วยตักอาหารให้แก่อู๋ฝาน พร้อมกับวางลงบนจานตรงหน้าอู๋ฝาน “ลองเมนูนี้ รสชาติดีเลยทีเดียว”

เปลือกตาอู๋ฝานและข่งไห่หลินถึงกับกระตุกพร้อมกันหลายครั้งโดยไม่ได้นัดหมาย

“ขอบคุณครับ” อู๋ฝานพยายามปั้นรอยยิ้มตอบรับ เพียงแต่ในใจเกิดนึกเสียใจขึ้นมาแล้ว ว่าเขาไม่ควรตอบรับคำเชิญอาหารมื้อนี้

หากคิดให้ดี หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่ทักปฏิบัติกับเพศตรงข้ามอย่างเย็นชา กลับเป็นฝ่ายเชิญชวนเขาไปทานอาหารมื้อหนึ่ง เรื่องราวย่อมไม่ใช่ธรรมดา เพราะตอนนี้เหมือนว่าเธอกำลังใช้เขาเป็นโล่

“เหยียนเอ๋อร์ หมายความว่ายังไง?” ข่งไห่หลินผู้พยายามรักษาภาพลักษณ์อย่างยากลำบาก คล้ายว่าจะไม่อาจรักษาภาพลักษณ์นั้นต่อไปได้ สีหน้าเริ่มกลับกลายเป็นดำมืด

ข่งไห่หลินรู้จักหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เป็นอย่างดี มีหรือเขาจะไม่เคยเห็นว่าปกติแล้วเธอปฏิบัติกับเพศตรงข้ามอย่างไร? เกรงว่าทั่วทั้งเมืองหลวงจะเชื่อว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตก แทนที่จะเชื่อว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์มีท่าทีเช่นนี้เสียด้วยซ้ำ

เพียงแต่เรื่องราวก็เกิดขึ้นแล้วตรงหน้า แม้ข่งไห่หลินไม่คิดเชื่อก็ต้องเชื่อ

“ไม่มีอะไรต้องใส่ใจ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบรับเฉยชา ก่อนจะหันไปกล่าวคำอ่อนหวานกับอู๋ฝาน “ค่อย ๆ ทานนะ อยากลองซุปไหม?”

นับตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ สายตาของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังคงมองแต่อู๋ฝาน เป็นสายตาอ่อนโยนเป็นมิตร ถึงขนาดทำอู๋ฝานต้องตะโกนดังขึ้นในใจ

สาวผู้สูงศักดิ์เย็นชาเช่นเธอ ที่มักมีภาพลักษณ์เป็นสตรีผู้น่าหลงใหล กลับแสดงท่าทีแตกต่างจากปกติจนเกินเชื่อได้ ขณะเดียวกันมันก็เป็นการกระทำแปลกใหม่ที่ชวนให้ผู้คนต้องรู้สึกฉงนใจ

แน่นอนว่า ระหว่างที่อู๋ฝานได้ดื่มด่ำรับชมสายตาอันอ่อนโยนนี้ สายตาของข่งไห่หลินที่มองมาก็ราวกับพร้อมจะกลืนคนทั้งเป็นได้