เมืองหลุนฮุย สนามค่ายทหาร

เย่เฉินพาเตียนฮุยมาถึงประตูค่ายทหารของกองทัพหลุนฮุยที่กำลังทำการฝึกซ้อมทุกวัน

เมื่อเย่เฉินเดินเข้าไปในบริเวณค่าย ทหารก็หยุดฝึกซ้อมทีละคนอย่างรวดเร็ว

มีเสียง “พรึบ” ดังขึ้น

ทหารของกองทัพหลุนฮุยทั้งหมดคุกเข่าเข่าข้างหนึ่งและตะโกนเสียงดัง:

“ คาระวะท่านลอร์ด!”

เย่เฉินพยักหน้า จากนั้นก็ก้าวไปยังแท่นสูง

เตียนอุยก็ยืนอยู่ใต้แท่นสูงด้านหน้ากองทัพหลุนฮุย

“ วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อแจ้งสองเรื่อง” เย่เฉินมองดูทหารที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจจากนั้นจึงพูด

ทหารทั้งหมดไม่มีใครพูดอะไรออกมาและรอให้เย่เฉินพูดต่ออย่างเงียบ ๆ

เย่เฉินไม่ได้หยุดนานนัก เขายกนิ้วขึ้นแล้วกล่าวว่า:

“ประการแรกก็คือกองทัพหลุนฮุยจะกลายเป็นกององครักษ์ของข้าอย่างเป็นทางการนับแต่วันนี้ไป!”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเย่เฉิน ทหารของกองทัพหลุนฮุยก็เบิกตากว้าง

ความตื่นเต้นความยินดีปรากฏขึ้นในสายตาของทหารทุกคน พวกเขาชอบต่อสู้ไปพร้อมกับเย่เฉินท่านลอร์ดของพวกเขา

เพราะเย่เฉินเป็นท่านลอร์ดของพวกเขาและเป็นผู้ก่อตั้งกองทหารหลุนฮุย ในขณะเดียวกันเย่เฉินก็ยังเป็นต้นแบบของพวกเขา

รูปแบบการต่อสู้ที่เยือกเย็นและดุดันของเย่เฉินได้ตราตรึงอยู่ในใจเหล่าทหารของกองทหารหลุนฮุยมาช้านาน

ตอนนี้พวกเขาได้ยินเย่เฉินพูดว่ากองทัพหลุนฮุยจะเป็นกองกำลังส่วนตัวและกลายเป็นกองทัพองครักษ์อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้ไป เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะมีความสุขมาก

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถติดตามท่านลอร์ดของพวกเขาไปยังสนามรบต่อไปได้!

เพื่อสร้างตำนานและความรุ่งโรจน์!

และนี่คือสิ่งที่ทหารทุกคนในกองทัพหลุนฮุยคิดอยู่ในใจ

เหล่าทหารต่างตื่นเต้นกันเป็นอย่างมาก แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาและได้ยินเพียงเสียงหายใจที่หนักหน่วงทั่วบริเวณสนามเท่านั้น

เมื่อเห็นดังนั้นเย่เฉินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นยกนิ้วที่สองขึ้นและกล่าวว่า:

“ประการที่สองคือ ตันลิวเตียนอุยจะเป็นผู้บัญชาการกองทหารหลุนฮุย!”

ทหารของหลุนฮุยต่างตกตะลึงเมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าคนที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการของกองทัพหลุนฮุยจะเป็นคนที่พวกเขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อน

ในไม่ช้าทหารทุกคนก็มองไปยังเตีนอุยที่ยืนอยู่ด้านหน้ากองทัพ

เนื่องจากเตียนอุยมาที่ค่ายพร้อมกับเย่เฉิน

“เตียนอุย!” เย่เฉินมองไปที่เตียนอุยและตะโกนออกมา

“ข้าอยู่ที่นี้แล้ว!” Dian Wei คุกเข่าเข่าข้างหนึ่งเกิดเสียงดีง “ปัง” จากนั้นตอบกลับเสียงดังลั่น

ทันทีที่คำพูดของเตียนอุยปล่อยยออกมา ทหารของกองทัพหลุนฮุยต่างก็ตกตะลึงทันที

เพราะเสียงของเตียนอุยนั้นดังมากมันเกือบจะเหมือนกับเสียงฟ้าร้อง

“นับจากวันนี้กองทัพหลุนฮุยจะอยู่ภายใต้การนำของเจ้า เจ้าสามารถมั่นใจได้หรือไม่ว่าเจ้าจะสามารถเปลี่ยนกองทัพหลุนฮุยให้กลายเป็นกองทัพที่เกรียงไกรได้!” ดวงตาของเย่เฉินหนักแน่น จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมา

หมัดขวาของเตียนอุยกระแทกเข้าที่หน้าอกของเขาเสียง”ปัง” ดังก้องไปทั่วสนามค่ายในทันที

“ข้าจะไม่ทำให้ท่านลอร์ดผิดหวัง!” เตียนอุยตะโกนออกมาโดยไม่ลังเล

“ดี! กองทหารหลุนฮุยจะถูกส่งมอบให้กับเจ้า งานของเจ้าคือฝึกฝนพวกเขาให้หนัก หากขาดเหลือสิ่งใดให้แจ้งรองนายกเทศมนตรีเตียวเหิง ฉันมีเพียงคำขอเดียวเท่านั้น!”

เมื่อเย่เฉินพูดเช่นนี้เขาก็หยุดมองไปที่ทหารของกองทัพหลุนฮุย จากนั้นก็พูดว่า:

“ตราบเท่าที่พวกเจ้ายังไม่ตายพวกเจ้าไม่สามารถหลบหนีได้! แต่หากมีใครยอมแพ้มันผู้นั้นก็จะถูกขับไล่ออกจากกองทัพหลุนฮุย!”

“ ของรับท่านลอร์ด!” Dianwei ตอบเสียงดัง

เย่เฉินพยักหน้าจากนั้นเดินออกจากบริเวณค่ายทหาร

ในการสร้างทหารขึ้นมานั้นนอกจากการฆ่าแล้วยังต้องมีการฝึก

การฆ่าสามารถเพิ่มระดับของทหารได้อย่างรวดเร็วและยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกเขาได้

แต่การฝึกสามารถวางรากฐานที่มั่นคงให้กับทหารและจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพเมื่อเวลาผ่านไป

เมื่อถึงจุดหนึ่งทหารจะได้รับการยกระดับคุณสมบัติของพวกเขาหรือแม้กระทั่งก้าวข้ามขอบเขต

นี่เป็นเรื่องที่ไม่ได้จากการฆ่า

สำหรับทหารที่จะแข็งแกร่งอย่างแท้จริง สองอย่างนี้จึงขาดไม่ได้

เย่เฉินยังสามารถฝึกทหารเองได้ แต่เขาไม่มีเวลามากนัก

ตอนนี้มีเตียนอุยแล้ว เย่เฉินจึงสามารถปล่อยวางเรื่องนี้ได้

ยิ่งไปกว่านั้นการฝึกกองทัพหลุนฮุยโดยเตียนอุยจะสามารถทำให้ทหารแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

นี่เทียบไม่ได้กับการปล่อยให้ทหารฝึกด้วยตนเอง

เมื่อเขามาถึงถนนในเมืองและมองดูชาวเมืองที่ผ่านไปผ่านมา ในระยะไกลเย่เฉินก็รู้สึกอารมณ์ดี

เนื่องจากมีขุนพลทางประวัติศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมติดตามและเนื่องจากเมืองแห่งหลุนฮุยที่มีชีวิตชีวาแห่งนี้

“ท่านลอร์ดนี่คือหัวไชเท้าขนาดใหญ่ที่ครอบครัวของข้าปลูก ท่านสามารถนำกลับไปกินได้” คำทักทายมาพร้อมกับน้ำเสียงที่อ่อนโยนเล็กน้อย

เย่เฉินผงะไปชั่วขณะ แล้วมองไปยังตรอกข้างๆเขา

เขาเห็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่กลับบ้านพร้อมมีตะกร้าอยู่บนหลัง และตะกร้าของเขาก็เต็มไปด้วยหัวไชเท้าขนาดใหญ่

เห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่งกลับมาจากสวนกำลังจะกลับบ้านและกล่าวทักทายออกมาเมื่อเห็นเย่เฉิน

” เอามาให้ข้าหนึ่งหัวก็เพียงพอสำหรับข้าแล้วล่ะ” เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว

เดิมทีเย่เฉินต้องการที่จะปฏิเสธ แต่เขามองเห็นความคาดหวังบนใบหน้าของเด็กน้อยเขาจึงล้มเลิกความคิดก่อนหน้านี้

“อืม ท่านลอร์ด ข้าจะมอบหัวที่ใหญ่ที่สุดแก่ท่าน” เด็กน้อยพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น หลังจากพูดจบเขาก็หยิบหัวไชเท้าหัวใหญ่ออกมาจากตะกร้าและส่งให้เย่เฉิน

เย่เฉินรับมันมาด้วยรอยยิ้มและแตะศีรษะของเด็กน้อยแล้วพูดว่า “เจ้าให้ของขวัญแก่ข้าแล้ว ข้าจะไม่ให้ของขวัญกับเจ้าได้อย่างไร?”

“จริงๆหรอ?” เด็กน้อยตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็พูดตะกุกตะกักและถาม

“แน่นอนมันเป็นความจริง ของขวัญของข้าคือเจ้าสามารถขอพรจากข้าได้ บอกข้าได้ไหมว่าเจ้าต้องการอะไร” เย่เฉินหัวเราะและถาม

“ นั่น … นั่น … ท่านลอร์ดสอนข้าหัดอ่านได้ไหม?” เด็กน้อยถามอย่างกังวล

เย่เฉินตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เย่เฉินคิดถึงบางสิ่งที่เขามองข้ามไป

มารดาเถอะ! โรงเรียนถูกสร้างขึ้นแล้ว แต่ยังไม่มีการเรียนการสอน …

ไม่เราต้องรับนักวิชาการและผู้มีความสามารถมาโดยเร็วที่สุด!

นักวิชาการและนักปราชญ์ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์และสามารถทำได้เพียงให้ความรู้แก่เด็ก ๆ เท่านั้น

แต่ประเด็นสำคัญคือการให้ความรู้

ผู้ลี้ภัยเป็นแหล่งประชากรที่สำคัญในดินแดนและอีกแหล่งหนึ่งคือลูกหลานของผู้อยู่อาศัย

ทารกแรกเกิดในดินแดนแตกต่างจากผู้ใหญ่ที่มีความสามารถโดยทั่วไปที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่เด็กๆสามารถเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงได้

วิธีการเปลี่ยนแปลงอยู่ที่การเรียนรู้

ยิ่งมีผู้ให้ความรู้ที่เก่งกาจสั่งสอนเด็กๆเหล่านี้ คุณสมบัติของเด็กๆก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ดวงตาของเย่เฉินก็กระพริบ

นักวิชาการธรรมดาไม่ดีเท่าไหร่ ต้องหาบุคคลในประวัติศาสตร์เหล่านั้น!

ลั่วหยาง! หยิงชวน …