ตอนที่ 57 งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพ (2)
หลายปีมานี้ ในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์รัชทายาท จวนหลินอ๋องมีเพียงจวินเสี่ยนเท่านั้นที่เข้าร่วม แต่ในปีนี้จวนหลินอ๋องกลับเพิ่มแขกขึ้นอีกสองคน นี่ทำให้จวินเสี่ยนเป็นกังวลเล็กน้อย
ในกรณีของจวินอู๋เสีย ยังเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะ ‘ฮ่องเต้ทรงต้องการแสดงน้ำพระทัย’ จึงกล่าวเชื้อเชิญนางพอเป็นพิธี
แต่จวินชิงเป็นข้อยกเว้น เพราะตั้งแต่จวินชิงพิษกำเริบขึ้นมาจนถึงตอนนี้ นี่ก็ผ่านมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว หากดูจากอาการของจวินชิงในตอนนั้น ทุกคนต่างลงความเห็นเป็นหนึ่งเดียวกันว่าเขาจะต้องเสียชีวิตลงภายในช่วงเวลาสั้นๆ นี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเมื่อข่าวการเสียชีวิตที่คาดไว้ก็ไม่ถูกประกาศออกมาเสียที นี่จึงทำให้คนบางคนเริ่มนั่งไม่ติด
พรุ่งนี้จวินชิงเข้าวัง เกรงว่าคงไม่ใช่แค่เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพธรรมดาๆ เท่านั้น
คนบางคนคงอยากใช้โอกาสนี้หยั่งเชิงสภาพอาการที่แท้จริงของจวินชิงด้วย
“ช่วงนี้การฟื้นตัวของท่านอาเล็กเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” จวินอู๋เสียไม่รีบร้อนตอบคำถามของจวินเสี่ยน แต่หันกลับมาสอบถามความก้าวหน้าในการฟื้นตัวของจวินชิงแทน
พิษที่เหลืออยู่ในร่างกายของจวินชิงถูกขับออกมาหมดแล้ว ภายใต้การบำรุงอย่างดีของจวินอู๋เสีย ขาทั้งสองของเขาได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์จนสามารถรู้สึกได้อีกครั้ง ไม่กี่วันก่อน เขาเริ่มเดินด้วยไม้ค้ำยันได้แล้ว
แม้ว่าการเดินจะยังลำบากอยู่บ้าง แต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแล้วถือว่าดีขึ้นมาก
“อาการดีขึ้นมากแล้ว ข้าคิดว่าอีกครึ่งปีก็สามารถกลับมาเดินอย่างคนปกติได้แล้ว” รอยยิ้มอันอบอุ่นแสดงขึ้นบนใบหน้าของจวินชิง ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในรอบสิบปีที่ผ่านมาของเขาเลยทีเดียว
“ทุกอย่างต้องอย่าร้อนใจ แม้ว่าจะฟื้นตัวได้ดีแล้ว แต่ท่านก็ต้องใจเย็นเข้าไว้นะเจ้าคะ” จวินอู๋เสียกล่าวกำชับเขา จวินชิงเป็นคนที่จริงจังมาก อย่ามองว่าปกติเขาเป็นคนเรียบร้อยอ่อนโยน แต่เมื่อเขาต้องทำอะไรขึ้นมาจริงๆ เขาก็มักจะหักโหมทำมันจนถึงที่สุด สิ่งนี้สามารถพิสูจน์เห็นได้จากการทำกายภาพบำบัดของเขาในทุกวัน จวินชิงมักจะฝึกเดินจนร่างกายหมดแรงถึงยอมหยุด มีหลายครั้งที่เขาลุกไม่ขึ้นจนเดือดร้อนให้หลงฉีต้องมาอุ้มเขากลับห้องไป จวินอู๋เสียถูกเรียกให้มาดูเขาเพราะเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง
ความกระตือรือร้นที่มากเกินไปของจวินชิง ทำให้จวินอู๋เสียต้องตักเตือนเขาอย่างเคร่งเครียดจริงจัง เพราะหลังจากการโหมฝึกอย่างหนัก จวินอู๋เสียเริ่มกังวลว่ามันจะเกิดผลร้ายขึ้นมาบ้างแล้ว
จวินชิงไม่รู้สึกเขินอายหลังจากที่ถูกหลานสาวดุว่า เขาหัวเราะออกมาเบาๆ วางมือทั้งสองข้างลงบนขาคู่นั้น ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “อู๋เสีย อาเข้าใจในสิ่งที่เจ้าพูดทุกอย่าง แต่ว่า สิบปีแล้ว…เป็นเวลาถึงสิบปีเต็มที่ข้ากลายเป็นคนพิการไร้ค่า และในที่สุดวันนี้ข้าก็สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง อารมณ์ของข้าในตอนนี้ ความรู้สึกเช่นนี้ เป็นสิ่งที่คนทั่วไปยากจะเข้าใจมันได้จริงๆ”
เมื่อสิบปีที่แล้วเขาร่วงหล่นจากก้อนเมฆลงสู่ขุมนรก จากรองแม่ทัพแห่งกองทัพรุ่ยหลินผู้ยิ่งใหญ่กลายเป็นเพียงคนพิการบนรถเข็นที่เดินไม่ได้
ตลอดช่วงระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา ทั้งคำเยาะเย้ยถามถาง คำประชดประชัน สายตาดูถูก ความอัปยศทั้งหมดที่ได้รับมา มีมากมายขนาดไหนกระทั่งตัวจวินชิงเองก็ยังจำไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตามท่ามกลางความสิ้นหวังที่ไร้หนทาง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นจวินอู๋เสียที่เข้ามามอบความหวังใหม่ให้แก่เขา
ตอนนี้เขาอาจถูกเยาะเย้ย ถูกปรามาส แต่วันหนึ่งเมื่อเขาโผทะยานบินกลับขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง เขาจะทวงคืนความเจ็บปวดทั้งหมดนั้นที่ได้รับมาตลอดสิบปี! ไอ้พวกที่เคยเหยียบย่ำบนศีรษะของเขาผู้นี้ เขาจะให้พวกมันต้องชดใช้อย่างสาสม!
“เช่นนั้นถือเสียว่าข้าไม่เคยพูด ข้าจะเพิ่มยาบำรุงให้ท่านอาเล็กก็แล้วกันเจ้าค่ะ” จวินอู๋เสียไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นผู้ป่วยทำนองนี้มาก่อน แต่ในอดีตไม่ว่าคนเหล่านั้นจะทำเรื่องที่รุนแรงแค่ไหนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย นางก็ไม่เคยสนใจ นางมีหน้าที่แค่รักษาเท่านั้น ชีวิตและความตายหลังการรักษาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับนาง
แต่จวินชิงแตกต่างจากคนเหล่านั้นในอดีต นางจะไม่ยอมให้ร่างกายของเขาเกิดความผิดพลาดขึ้นมาแม้แต่เล็กน้อย แม้แต่ความผิดปกตินิดเดียวนางก็ไม่ยินยอม
“ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ” จวินชิงมองจวินอู๋เสียอย่างชื่นใจ หากพูดถึงเมื่อก่อน ความรักที่เขามีต่อจวินอู๋เสียนั้นเป็นเพราะสายเลือดสกุลจวินที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนางเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาโปรดปรานและเอ็นดูหลานสาวคนนี้อย่างหมดหัวใจจริงๆ
เขาต้องการที่จะหายเร็วๆ จะได้ปกป้องท่านพ่อและอู๋เสียได้ ปกป้องสกุลจวินที่สำคัญยิ่งสำหรับเขาแห่งนี้
………….
ตอนที่ 58 งานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพ (3)
“เรื่องที่ท่านปู่พูด ท่านอาจารย์ได้คิดไว้ล่วงหน้าแล้วเหมือนกันเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะให้ยาชนิดหนึ่งกับท่านอาเล็ก หลังจากที่ท่านอาเล็กได้กินมันลงไปแล้ว ไม่ว่าดูจากอาการภายนอกหรือว่าจับชีพจร ท่านอาเล็กก็จะเหมือนกับคนที่มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว เพียงแต่ขอท่านปู่อย่าได้เป็นกังวลไป ยาชนิดนี้ไม่มีอันตราย และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ต่อสุขภาพของท่านอาเล็กแม้แต่น้อย” จวินอู๋เสียตอบคำถามของจวินเสี่ยน
สิ่งที่จวินเสี่ยนคาดไม่ถึงก็คือ จวินอู๋เสียได้เตรียมการสำหรับเรื่องนี้มานานมากแล้วเช่นกัน ไม่ใช่แค่เฉพาะกับวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์รัชทายาท แต่ในวันธรรมดาทั่วไป จวินอู๋เสียก็เตรียมมันไว้เผื่อจะมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้เกิดขึ้น
จวินเสี่ยนและจวินชิงยิ่งสงสัยในตัวท่านอาจารย์ของจวินอู๋เสียหนักเข้าไปอีก เขาต้องมีความสามารถและมองการณ์ไกลมากแค่ไหนถึงตระเตรียมทุกอย่างได้พร้อมสรรพขนาดนี้!
ที่หาได้ยากยิ่งไปกว่านั้นคืออาจารย์ของหลานสาวเขาผู้นี้ ดูเหมือนจะตั้งใจช่วยเหลือสกุลจวินของพวกเขาจริงๆ
ช่วงระหว่างการพักฟื้นในจวนหลินอ๋อง ไม่เพียงแต่จวินชิงเท่านั้นที่เหมือนได้รับชีวิตใหม่ ร่างกายของจวินเสี่ยนเองก็กระปรี้กระเปร่าแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมมาก จวินเสี่ยนในยามนี้มีร่างกายบึกบึนกำยำ แผงอกองอาจผึ่งผาย สติปัญญาเองหรือก็เฉียบแหลมและปลอดโปร่งขึ้นยิ่งนัก ราวกับได้ย้อนกลับไปในวันวาน เป็นวีรบุรุษบนหลังม้าเข่นฆ่าศัตรูนับไม่ถ้วน
“ท่านอาจารย์ของเจ้ามีพระคุณต่อสกุลจวินของพวกเราอย่างใหญ่หลวงเหลือเกิน” จวินเสี่ยนถอนหายใจ ท่านช่วยเหลือสกุลจวินมากมาย แต่ไม่เคยยอมปรากฏตัวหรือเรียกร้องสิ่งใดสักครั้ง ช่างน่านับถือและยิ่งใหญ่จริงๆ
“ท่านอาจารย์เขาไม่สนใจหรอกเจ้าค่ะ” จวินอู๋เสียหลับตาลง ยกมือขึ้นลูบหลังเจ้าแมวดำที่นอนอยู่ในอ้อมแขน
สิ่งที่นางทำได้ในตอนนี้คือทำให้จวินเสี่ยนและจวินชิงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทว่านี่ยังไม่เพียงพอ ตัวนางเองก็จำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นด้วย เพื่อกำจัดศัตรูทั้งหมดของสกุลจวินให้หายไปจากโลกใบนี้
เวลาหนึ่งวันผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงเย็นของวันถัดมา เมื่อพระอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้า รถม้าที่หรูหราที่สุดในเมืองหลวงหลายคันต่างก็มุ่งหน้าสู่ประตูวังหลวงขนาดใหญ่ บรรดาผู้มีอำนาจในรัฐชีล้วนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่หมดแล้ว ในมือของพวกเขาถือของล้ำค่ามากมายเพื่อนำมามอบให้องค์รัชทายาทเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ในปีนี้
รถม้าของสกุลจวินได้พบกับรถม้าของอู๋อ๋องที่หน้าประตูเมือง
หลงฉีนั่งอยู่ด้านนอกรถม้า จ้องมองไปที่รถม้าหรูหราที่เคลื่อนที่ขนาบข้างกันอย่างเย็นชา
รถม้าของอู๋อ๋องนั้นหรูหรามาก อัญมณีที่ห้อยอยู่บนหลังคาของรถม้าเกิดเสียงดังกังวานขณะที่รถม้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
“โอ้ หลินอ๋อง ช่างบังเอิญจริงๆ” อู๋อ๋องยื่นศีรษะออกมานอกรถม้า แสดงรอยยิ้มเสแสร้งบนใบหน้าที่อวบอิ่มของเขา
จวินชิงเลิกผ้าม่านรถม้าขึ้น พยักหน้าให้อู๋อ๋องเล็กน้อย
เมื่ออู๋อ๋องเห็นอีกสองคนในรถม้า รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ยิ่งกว้างขึ้นไปอีก
“อ๋องน้อยและอู๋เสียก็มาเหมือนกันหรือนี่ ดีจริง แต่ไม่รู้ว่าร่างกายของอ๋องน้อยจะทนรับการเคลื่อนตัวของรถม้าไหวหรือไม่ แต่หลินอ๋องวางใจได้ จากความสัมพันธ์ของพวกเราข้าได้สั่งคนในวังไว้แล้ว เมื่ออ๋องน้อยไปถึงงานเลี้ยงจะมีคนมาดูแลทันที ไม่ให้ร่างกายของอ๋องน้อยทนไม่ไหว”
“รบกวนจริงๆ” จวินเสี่ยนตอบด้วยรอยยิ้ม และปิดผ้าม่านเพื่อกั้นใบหน้าที่น่าขยะแขยงนั้น
“เหอะ” อู๋อ๋องหันศีรษะไปอย่างพึงพอใจ
ภายในรถม้า จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วถามว่า “คนผู้นี้เพิ่งกินสิ่งสกปรกใดมาหรือไม่” ปากของเขาไม่สะอาดจริงๆ
สองพ่อลูกสกุลจวินเข้าใจคำด่าที่มีความหมายแอบแฝงของจวินอู๋เสียดี ทั้งคู่ยิ้มแห้งส่งให้นาง “เขาคืออู๋อ๋อง ไม่ใช่ตัวดีอะไรนักหรอก ปกติก็ใช้ประโยชน์จากฐานะความเป็นพระเชษฐาฮ่องเต้เกาะกินไปเรื่อย พูดจาไม่ค่อยใช้สมองนัก ไม่จำเป็นต้องสนใจ อู๋เสีย เจ้าต้องจำไว้ว่าคนที่อันตรายที่แท้จริง คือคนที่ภายนอกปฏิบัติต่อเจ้าด้วยความเอาใจใส่ คนประเภทนี้คือคนที่โหดเหี้ยมที่สุด เพราะพวกเขาคอยแต่จะหยิบมีดแทงข้างหลังเจ้า” จวินชิงกล่าว เขาเป็นห่วงจวินอู๋เสียเล็กน้อย เพราะนางอายุยังน้อยยังสัมผัสกับนิสัยใจคอของมนุษย์ได้ไม่ลึกพอ
…………….