ตอนที่ 60 ช่วยเหลือ

ตอนที่ 60 ช่วยเหลือ

จวงเหวินกังรู้สึกสับสนเป็นอย่างมากว่าเด็ก ๆ ในบ้านโดนลักพาตัวมาจากที่ไหน

เสี่ยวหลิวหันมองจวงเหวินกังด้วยท่าทีประหม่าก่อนจะเอ่ยพูดว่า “ผู้กองจวง ที่นี่เด็กเยอะมากเลย พวกเราแค่สองคนช่วยกันพาออกมาไม่ไหวหรอก รอให้เสี่ยวเฉียงเรียกคนมาช่วยก่อนดีกว่าไหม”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จวงเหวินกังก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ พวกเราเฝ้าดูกันก่อนเถอะว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร นายเฝ้าตรงนี้เอาไว้ ส่วนฉันจะไปสำรวจรอบบ้าน ว่าพวกค้ามนุษย์มันมีกันกี่คน”

เสี่ยวหลิวพยักหน้าแล้วรีบเอ่ยทันที “ได้ครับผู้กองจวง คุณรีบไปเถอะ”

หลังจากจวงเหวินกังพูดคุยกับเสี่ยวหลิวอยู่ไม่กี่คำ ก็เดินไปสำรวจตรงบริเวณอื่นเพิ่ม

จวงเหวินกังระวังหลบซ่อนตัวเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้คนเห็น ด้วยเกรงว่าจะคนมาเห็นตนเข้า ดูท่าแล้วชายวัยกลางคนที่เรียกตัวเองว่าเสี่ยวฉีมีสายตาท่าทางค่อนข้างเลือดเย็นไร้ความเมตตา เขาจึงทราบดีว่าชีวิตพร้อมตกอยู่ในกำมือของชายคนทุกเมื่อ จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

จวงเหวินกังเดินกลับไปตรงหัวมุมถนนอย่างค่อยเป็นค่อยไป ระหว่างทางเขาก็สังเกตเห็นว่ามีอีกสองคนที่กำลังเดินลาดตระเวนไปมา

ขณะเดียวกันก็มีผู้ชายอีกหนึ่งคนที่มีรอยแผลเป็นอยู่บนใบหน้ากำลังนั่งเฝ้าทางห้องด้านหลัง ดูลักษณะท่าทางค่อนข้างอำมหิต และทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว

จวงเหวินกังอยากเข้าไปให้ใกล้กว่าเดิมเพื่อที่จะมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ไม่นานเขาก็พบสายตาของคนที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้ากำลังกวาดสายตาจ้องมองมาทางนี้ เขาจึงรีบก้มตัวหลบลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะค่อย ๆ สูดหายใจ แล้วซ่อนตัวอยู่ในที่ของตน

“เหล่าเอ้อร์ เหล่าซาน มาทางนี้หน่อย”

“มีอะไรหรือเหล่าต้า”

คนสองคนที่อยู่ในห้องรีบเดินออกมาข้างนอกอย่างรวดเร็ว

“ไปดูตรงนั้นหน่อยสิ เหมือนมีใครแอบเข้ามาเลย

เหล่าเอ้อร์เอ่ยแบบไม่อยากใส่ใจสักเท่าไหร่ “เหล่าต้า ตาฝาดไปหรือเปล่า บ้านหลังเล็กนี่ถูกทิ้งร้างมีแต่ขี้นก แล้วจะมีคนมาได้ยังไง ผมคิดว่า….”

ก่อนที่เหล่าเอ้อร์จะทันเอ่ยจบประโยค ก็โดนสายตาของชายที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้ามองมาดุจมีดเชือดเฉือน

เปล่าเอ้อร์จึงไม่กล้าพูดอะไร พลางรับปากอย่างรวดเร็ว “ได้ครับ ๆๆ ผมจะไปดูเอง”

บริเวณที่จวงเหวินกังซ่อนตัวอยู่นั้นค่อนข้างลับตา เขาอาศัยจังหวะที่เหล่าเอ้อร์เข้ามาใกล้ ขยับพาตัวเองไปหลบซ่อนอยู่ตรงหลังบ่อน้ำ

เขาเพิ่งสังเกตเมื่อตอนมาตรงบนิเวณนี้ ว่าตำแหน่งที่ตั้งของบ่อน้ำที่แห้งเหือดนี้ค่อนข้างอำพรางตา

เหล่าเอ้อร์นั้นเดินสำรวจรอบ ๆ เมื่อไม่พบเจอผู้ใด จึงเดินกลับไปทันที “เหลาต้า ไม่มีใครเลย พี่ตาฝาดแล้วล่ะ”

แต่ชายคนที่มีแผลเป็นบนใบหน้ากลับขอให้เหล่าซานมาตรวจดูอีกรอบ เหล่าซานเองก็ไม่เจอใครเช่นกัน ทั้งสองรายงานว่าไม่พบใคร สุดท้ายชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ต้องยอมจำนน

เมื่อทั้งสามคนเดินตรงไปบ้างหน้า จวงเหวินกังก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากมีใครมาอีก คงต้องโดนจับได้อย่างแน่นอน

เขาไม่ได้คิดจะเฝ้าอยู่ตรงนั้นไปตลอด พลางพาตัวเองเดินไปบริเวณด้านหน้า เขากลัวว่าเสี่ยวหลิวจะโดนจับได้

อีกด้านหนึ่ง ฉินมู่หลานกำลังเฝ้ารออยู่ตรงที่เดิมอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเห็นว่าตอนนี้เสี่ยวเฉียงไปเรียกคนแล้วยังไม่มา ก็รู้สึกแอบกังวลนิดหน่อย

“ทางนี้ครับ”

ขณะที่ฉินมู่หลานกำลังกังวลใจ ในที่สุดเสี่ยวเฉียงก็ไปเรียกคนมาแล้ว แต่แม้ว่าเขาจะไปบอกทุกคนแล้วก็ได้มาเพียงแค่แปดคนเท่านั้น เพราะเขตนี้ค่อนข้างเล็ก จึงมีเจ้าหน้าที่อยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น

“สวัสดีค่ะ ในที่สุดพวกคุณก็มากันแล้ว”

ฉินมู่หลานเห็นคน จึงรีบก้าวเดินไปข้างหน้า

เสี่ยวเฉียงทราบเรื่องของฉินมู่หลาน จึงพยักหน้าให้เธอแล้วพูดขึ้น “สหาย เดี๋ยวผมจะพาคนเข้าไป คุณรออยู่ตรงนี้ดี ๆ นะครับ”

“ค่ะ”

ฉินมู่หลานรับปากอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อคนพวกนั้นเข้าไปแล้ว เธอก็รอจังหวะสักพักพลางแอบเดินตามเข้าไปด้วยเช่นกัน

กว่าเสี่ยวเฉียงจะรู้ตัวก็สายเกินไปแล้ว พวกเขาอยู่ในลานบ้านกันเป็นที่เรียบร้อย

“ใครน่ะ?”

หญิงชราเป็นคนแรกที่สังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อมองออกมาก้เห็นคนมากมาย จึงเอ่ยถามตามตรง “พวกคุณเป็นใคร มาบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลได้ยังไง”

“ยกมือขึ้น นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่าทางของหญิงชราก็เปลี่ยนไปทันที แต่ไม่นานเธอก็กลับมายกยิ้มอีกครั้งก่อนจะพูดขึ้นว่า “เป็นสหายตำรวจนี่เอง ฉันปฏิบัติตามกฏหมายตลอด ไม่เคยทำอะไรผิดกฏหมาย”

“อ๋อ…ตลกดีนะ คุณปฏิบัติตามกฏหมายอย่างนั้นหรือ เร็วเข้า จับตัวมา ผู้อาวุโสทรงศรัทธานี่มันค้ามนุษย์”

เมื่อเสี่ยวเฉียงพาคนเข้าจับกุม จวงเหวินกังและเสี่ยวหลิวก็ยังไม่ได้โผงผางเข้ามา เมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่เริ่มปฏิบัติการแล้ว จวงเหวินกังก็แอบก่นด่านิดหน่อย

“ไอ้บ้าเสี่ยวเฉียงนี่ ทำไมไม่มาคุยกับพวกเราก่อนวะ”

“นั่นสิ หมอนี่ไม่ให้เวลาเราได้เตรียมตัวเลย”

แต่จะพูดตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว จวงเหวินกังกับเสี่ยวหลิวจึงกระโดดเข้ามาร่วมวงปฏิบัติการด้วย

ฉินมู่หลานยืนอยู่ด้านหลัง ในขณะที่พวกเสี่ยวเฉียงกำลังตะโกนโหวกเหวกโวยวายเถียงกัน เธอก็อดที่จะเอ่ยไม่ได้ “ช่วยชีวิตคนสำคัญกว่านะคะ”

จวงเหวินกังได้สติกลับมาหลังจากได้ยินเช่นนั้น แต่ก็ยังอดดุด่าเสี่ยวเฉียงอยู่ในใจ เพียงแค่ไม่ได้เอ่ยกับพวกเขาตามตรง แล้วยังพาผู้หญิงคนนี้มาอีก เขาคิดอะไรกัน

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือช่วยชีวิตคน “ทุกคนตามฉันไปตรงด้านหลัง พวกเด็ก ๆ โดนจับอยู่ที่นั่น”

คนกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งตรงไปทางด้านหลัง เสี่ยงเฉียงองก็รีบวิ่งไปข้างหน้าแล้วจับหญิงชราคนนั้นเอาไว้

ฉินมู่หลานเดินตามหลังจวงเหวินกังมาตรงห้องส่วนบริเวณด้านหลังด้วยกัน แต่เมื่อพวกเขาไปถึง ก็พบว่าชายวัยกลางคนผู้นั้นกับชายคนที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็มาด้วยเช่นกัน

ฉินมู่หลานรู้ตัวว่าคนตรงหน้ายกที่จะต่อกรด้วย ถึงแม้จะไม่มียาที่สามารถล้มคนได้ แต่เธอพกเข็มทองมาด้วย เมื่อเข้าประจันกับคนพวกนั้น บางทีอาจจะทำให้พวกเขาล้มลงได้อยู่

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉินมู่หลานจึงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป

จวงเหวินกังเห็นดังนั้น จึงรีบหยุดฉินมู่หลานโดยเร็ว “สหาย เธออย่าเข้าไปนะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง”

แต่เป้าหมายของคนพวกนั้นคือพวกเด็ก ๆ ฉินมู่หลานจึงไม่มีเวลาพูดพร่ำทำเพลง ก่อนจะหันมองไปทางจวงเหวินกังแล้วพูดขึ้น “เร็วเข้า อย่าให้พวกเขาเข้าใกล้พวกเด็ก ๆ”

เป้าหมายของชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าคือเด็ก ตอนนี้เขากำลังจับตัวเด็กคนหนึ่ง แต่แล้วอยู่ ๆ ก็รู้สึกชาไปทั้งตัว หากไม่ใช่เพราะเขาแข็งแรง ป่านนี้อาจลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว

ส่วนเหล่าเอ้อร์กับเหล่าซานนั้นโชคไม่ค่อยดีนัก ทั้งสองล้มลงไปบนพื้นไม่สามารถขยับตัวได้ พวกเขาต่างพากันมองจวงเหวินกังพลางเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว “แกทำอะไรกับพวกฉัน?”

อย่าว่าแต่สองคนนั้นเลย แม้แต่จวงเหวินกังเองก็ยังตกตะลึง

ฉินมู่หลานเอ่ยปากพูดขึ้น “คุณตำรวจ มัวทำอะไรอยู่คะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จวงเหวินกังก็เริ่มได้สติ แล้วรีบพุ่งเข้าไปจับชายคนที่มีแผลเป็นบนใบหน้าและชายวัยกลางคนพวกนั้น

ในตอนนี้ทั้งสองไม่สนใจเรื่องจับเด็กอีกแล้ว พวกเขาวิ่งหนีไปทางหน้าต่างอย่างรวดเร็ว

“เร็วเข้า จับพวกมัน อย่าปล่อยให้หนีไปได้”

จวงเหวินกังตะโกนขึ้น แต่เมื่อพวกเขามาถึง ก็จับเพียงแค่ชายวัยกลางคนได้เท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ปีนกระโดดหนีออกทางหน้าต่างไปแล้ว

จวงเหวินกังไม่ยอมลดละ พลางรีบไล่ตามไป

เพียงแต่ชายคนที่มีแผลเป็นบนใบหน้านั้นอาจจะคุ้นเคยกับพื้นที่โดยรอบมาก่อน จวงเหวินกังจึงคลาดกับเขามาได้สักระยะหนึ่งแล้ว หลังจากคลาดกันแล้ว สุดท้ายเขาก็เดินกลับมาพร้อมกับสีหน้าเคร่งขรึม

เมื่อจวงเหวินกังมาถึง เขาก็เห็นฉินมู่หลานกำลังอุ้มเด็กผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้

“เสี่ยวเหล่ย ไม่เป็นอะไรนะ?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ไม่เตี๊ยมกันก่อน ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย

ระทึกจังเลยค่ะ ดีที่มีหลายคนนะเนี่ย

ไหหม่า(海馬)