ตอนที่ 61 ผู้มีพระคุณ

ตอนที่ 61 ผู้มีพระคุณ

อวี๋เหล่ยค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น เมื่อเห็นฉินมู่หลาน ก็บ่อน้ำตาแตกขึ้นมา “พี่สาวฉิน…” เขาจำได้ว่าคนผู้นี้คือพี่สาวที่เคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ในครั้งก่อน ครั้งนี้พี่สาวก็ช่วยเขาเอาไว้อีกครั้ง

ฉินมู่หลานลูบหัวเสี่ยวเหล่ยเพื่อปลอบโยนแล้วพูดขึ้น “เรียบร้อยแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะ เดี๋ยวพี่จะพานายกลับบ้านเอง”

“ครับ…”

จิตใจแสนหวาดกลัวของอวี๋เหล่ยค่อย ๆ สงบลง และเขาก็ยอมตามติดแค่ฉินมู่หลานเท่านั้น เมื่อจวงเหวินกังและคนอื่นเอ่ยถามคำถามกับเสี่ยวเหล่ย เขาก็ได้แต่เงียบไม่ยอมพูดอะไร สุดท้ายก็ต้องให้ฉินมู่หลานเป็นคนเอ่ยถาม เขาจึงยอมตอบ

“เสี่ยวเหล่ย ทำไมนายถึงถูกมาพามาที่เขตได้?”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมจำได้ว่าไปซื้อของกับคุณย่า หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานจึงถามต่อ “แล้วตอนไปซื้อของกับคุณย่า คนเยอะไหม?”

“เยอะครับ”

จวงเหวินกังเองก็ได้ยินคำตอบของเสี่ยวเหล่ย จึงอดที่จะพูดขึ้นเสียไม่ได้ “ดูเหมือนว่าจะอาศัยจังหวะตอนคนพลุกพล่าน แล้ววางยาสลบเด็กคนนี้และอุ้มเขาไป ไม่อย่างนั้นเด็กคงไม่ยินยอมง่าย ๆ หรอก”

ฉินมู่หลานพยักหน้าเห็นด้วย แล้วพูดขึ้น “น่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” เมื่อเอ่ยจบ เธอก็หันมองจวงเหวินกังพลางเอ่ยถาม “เจ้าหน้าที่จวงคะ ฉันขอพาเสี่ยวเหล่ยกลับบ้านเลยได้ไหมคะ?”

จวงเหวินกังยังไม่ตอบตกลงทันที “กลับสถานีตำรวจกับพวกเราก่อนเถอะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานเองก็ไม่ปฏิเสธ จึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ค่ะ”

เมื่อฉินมู่หลานพาเสี่ยวเหล่ยไปสถานีตำรวจเพื่อบันทึกคำให้การแล้ว หลังจากนั้นทั้งสองก็รีบกลับเข้าเมืองกันทันที “เสี่ยวเหล่ย เดี๋ยวพี่พานายกลับแล้ว วันหลังถ้าออกมาข้างนอก ต้องระวังตัวให้มากขึ้นด้วยนะ”

“ครับ ขอบคุณครับพี่สาว”

เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงบ้านของอวี๋ไห่เฉา ก็พบว่าไม่มีใครอยู่บ้านเลย ในตอนนั้นเอง เพื่อนบ้านที่อยู่ถัดจากกันก็เปิดแระตูออกมา ตอนแรกหล่อนอยากจะบอกว่าที่บ้านออกไปตามหาเสี่ยวเหล่ยกัน นึกไม่ถึงว่าจะเจอเสี่ยวเหล่ยกะทันหัน จึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เสี่ยวเหล่ย ไปไหนมา ทำไมเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้ พ่อแม่กับคุณย่าของนายตามหากันใหญ่เลย”

หลังจากเอ่ยจบ คนผู้นั้นก็ขมวดคิ้วย่นแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลาน “สหายผู้นี้ คุณเป็นใครกัน? ทำไมถึงไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน?”

ลูกชายตระกูลอวี๋หายตัวไป และตอนนี้เสี่ยวเหล่ยก็กลับมาพร้อมกับฉินมู่หลาน คนผู้นั้นจึงเกิดสงสัยอย่างมาก

ฉินมู่หลานยังไม่ทันจะเอ่ยตอบ เสี่ยวเหล่ยก็เอ่ยขึ้นเสียแล้ว “นี่คือพี่สาวฉิน หล่อนช่วยชีวิตผมเอาไว้”

“อะไรนะ?”

คนผู้นี้เป็นเพื่อนบ้านของตระกูลอวี๋มานาน แต่ไม่เคยเห็นหน้าฉินมู่หลานมาก่อน

“คุณย่าเป่า พี่สาวฉินเป็นคนที่ช่วยผมกับคุณย่าเมื่อครั้งก่อน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ป้าเป่าก็ทราบแล้วว่าฉินมู่หลานคือใคร ตระกูลอวี๋มอบของขวัญขอบคุณ ซ้ำยังมอบตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราวให้อีกด้วย ผู้อาวุโสอวี๋ก็ป่าวประกาศเกี่ยวกับคนที่ช่วยชีวิตไปทั่ว อีกทั้งยังบอกด้วยว่าอีกฝ่ายอายุน้อยแต่ฝีมือทางการแพทย์กลับยอดเยี่ยมมาก คิดไม่ถึงเลยว่าคนๆ นั้นจะเป็นสาวอวบแสนสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้าตน

ตอนนี้ฉินมู่หลานผอมลงกว่าเดิมมาก เมื่อผู้คนเห็นเธอในตอนนี้ ก็ต่างไม่คิดว่าเธออวบอ้วน เดิมทีคิดว่าเธอจะดูอ้วนมากกว่านี้

“โธ่เอ๊ย…หมอฉินนี่เอง ฉันคยได้ยินคุณอวี๋เขาพูดถึงคุณอยู่บ่อย ๆ แล้วนี่เกิอะไรขึ้นกันแน่ ได้ยินว่าเสี่ยวเหล่ยหายตัวไปตอนออกไปซื้อของกับคุณอวี๋ หรือว่าหลังจากนั้นเสี่ยวเหล่ยจะได้เจอคุณ?”

ฉินมู่หลานเอ่ยตอบเพียงไม่กี่คำเท่านั้น หลังจากนั้นก็เอ่ยถามขึ้น “คุณป้าท่านนี้ ไม่ทราบว่าคุณพอจะบอกได้ไหมคะว่าครอบครัวของเสี่ยวเหล่ยไปตามหาที่ไหน? ตอนนี้พวกเขาคงจะกังวลมาก คงดีถ้าเราบอกให้เขารู้ได้โดยเร็วว่าเสี่ยวเหล่ยกลับมาแล้ว”

“ฉันรู้ พวกเขาบอกว่าจะไปตามหาตรงแถวร้านค้าสวัสดิการในตลาดที่เสี่ยวเหล่ยหายไป เดี๋ยวฉันพาเธอไป”

“คุณป้าคะ ฉันรู้ว่าร้านนั้นอยู่ตรงไหน เดี๋ยวพวกเราไปกันเองก็ได้ค่ะ ไม่รบกวนคุณป้าดีกว่า”

เมื่อป้าเป่าได้ยินฉินมู่หลานเอ่ยเช่นนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่โบกมือให้พวกเจาแทน ก่อนจะเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นพวกเธอก็รีบไปเถอะ คุณอวี๋ร้องห่มร้องไห้ใหญ่แล้ว”

ฉินมู่หลานพาเสี่ยวเหล่ยไปที่ร้านค้าสวัสดิการในตลาดนั้น ยังไม่ทันได้เข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงผู้คนตะโกนเรียก ‘เสี่ยวเหล่ย…เสี่ยวเหล่ย…’ เมื่อได้ยินช่นนั้น ฉินมู่หลานก้รีบเร่งฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว

“ผู้อาวุโสคะ เสี่ยวเหล่ยอยู่นี่ค่ะ”

ตอนแรกผู้อาวุโสอวี๋ตะโกนด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง ในใจรู้สึกผิดมาก เป็นเพราะหลานชายตามนางมาด้วยจึงเกิดเรื่องขึ้น ทำให้นางเอาแต่โทษตนว่าทำไมถึงไม่ดูหลาน หากครั้งนี้หาตัวหลานชายไม่พบ นางคงนอนตายตาไม่หลับอย่างแน่นอน คาดไม่ถึงว่าขณะที่กำลังสิ้นหวัง อยู่ ๆ ก็ได้ยินคำพูดนี้ขึ้น จึงรีบหันกลับไปมองทันที

“เสี่ยวเหล่ย…”

เมื่อผู้อาวุโสอวี๋เห็นหลานชายของตนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสภาพไร้ร่องรอยบาดเจ็บ น้ำตาก็รินไหลออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ

อวี๋ไห่เฉาและต่งหม่านเฟินได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน นอกจากนี้ยังมองเห็นลูกชายของพวกเขายืนอยู่ข้าง ๆ ฉินมู่หลานเรียบร้อย จึงรีบวิ่งเข้าไป

“เสี่ยวเหล่ย…”

เสี่ยวเหล่ยได้พบครอบครัวของตนแล้วก็รู้สึกดีใจมาก ก่อนจะร้องไห้แล้วเดินไปหาพวกเขา

“เสี่ยวเหล่ยของแม่ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

ต่งหม่านเฟินเองก็ร้องไห้เช่นกัน พลางสวมกอดลูกชายเอาไว้ในอ้อมแขนไม่ปล่อย ก่อนหน้าเที่ยวหาลูกชายอยู่แถวนั้นตั้งนานก็ไม่เจอ จึงอดคิดว่ามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นเสียไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์จะพลิกผันทำให้ลูกชายของหล่อนกลับมาแล้ว

อวี๋ไห่เฉาเป็นคนที่ดึงสติกลับมาได้ก่อน จึงหันไปทางฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “หมอฉินครับ คุณไปเจอเสี่ยวเหล่ยที่ไหนมาหรือครับ?”

“เขตอำเภอค่ะ”

“อะไรนะ…เสี่ยวเหล่ยไปที่นั่นได้ยังไงกัน”

ทันใดนั้น ผู้อาวุโสอวี๋และต่งหม่านเฟินเองก็รู้สึกตกใจขึ้นมาเช่นกัน รู้สึกเหลือเชื่ออย่างมาก

แต่อวี๋ไห่เฉาคาดเดาอะไรบางอย่างได้ สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม “หมอฉินครับ เสี่ยวเหล่ยโดนลักพาตัวไปที่เขตอำเภอใช่ไหมครับ?”

เมื่ออยู่ต่อหน้าทุกคน ฉินมู่หลานก็ไม่ปิดบังอะไรอยู่แล้ว เธอเล่าเรื่องที่เสี่ยวเหล่ยโดนพวกค้ามนุษย์จับตัวไปอย่างละเอียด ก่อนจะเอ่ยปิดท้ายว่า “ครั้งหน้าระวังให้มากกว่านี้หน่อยนะคะ ถ้าฉันไม่ได้บังเอิญอยู่ที่เขตอำเภอและบังเอิญเห็นเสี่ยวเหล่ยอีก ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวเหล่ยจะเป็นยังไงบ้าง”

อวี๋ไห่เฉาและคนอื่นต่างพากันเหงื่อตกเมื่อได้ยินเรื่องนั้น พวกเขาทราบดี หากไม่ใช่เพราะฉินมู่หลาน ก็คงไม่ทราบเลยว่าเสี่ยวเหล่ยจะถูกพาไปขายที่ไหน ถึงตอนนั้นพวกเขาคงหาตัวเด็กไม่เจอแล้ว

เมื่อคิดได้ดังนั้น อวี๋ไห่เฉาก็รู้สึกขอบคุณฉินมู่หลานอย่างสุดซึ้ง

“หมอฉินคะ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณคุณมากจริง ๆ ค่ะ”

ต่งหม่านเฟินเป็นคนแรกที่เอ่ยขอบคุณ ก่อนจะเป็นผู้อาวุโสอวี๋ที่เอ่ยตามมาติด ๆ “หมอฉิน เธอช่วยเราเอาไว้หลายครั้งเลย เธอเป็นผู้มีพระคุณของครอบครัวเราจริง ๆ ถ้าไม่มีเธอ ฉันกับเสี่ยวเหล่ยคงตายกันไปแล้ว” หลังจากเอ่ยเช่นนั้นแล้ว นางก็เอ่ยขอบคุณฉินมู่หลาน

ฉินมู่หลานปรามเอาไว้อย่างเคย

“แม่เฒ่า อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ ทั้งหมดเป็นแค่โชคชะตา เอาเถอะค่ะ ยังไงก็พาเสี่ยวเหล่ยมาส่งคืนพวกคุณแล้ว ฉันเองก็ต้องกลับบ้านแล้วค่ะ”

“หมอฉิน ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ไปกินอาหารเย็นกับพวกเราก่อนเถอะ”

ฉินมู่หลานส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ค่ะ ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืดขนาดนั้น ฉันต้องรีบกลับแล้ว”

หลังจากเอ่ยจบ ฉินมู่หลานก็กลับไปทันที

แต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือ ตระกูลอวี๋จะมาหาเธอถึงหมู่บ้านชิงซานในเช้าวันรุ่งขึ้น และครั้งนี้ แม้แต่ผุ้อาวุโสอวี๋กับเสี่ยวเหล่ยก็มาด้วย

ทำให้หมู่บ้านคึกครื้นขึ้นมาทันที

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มู่หลานช่วยชีวิตคนบ้านนี้สองรอบแล้วนะ นับเป็นบุญคุณใหญ่หลวงยิ่งนัก

ไหหม่า(海馬)