บทที่ 62 ขอบคุณ ผู้อาวุโสใจดีกับนางยิ่งนัก!

รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人

บทที่ 62 ขอบคุณ ผู้อาวุโสใจดีกับนางยิ่งนัก!

“ดูไว้นะ มนุษย์ทั้งสองเอ๋ย”

ชายชราเมิ่งจีดูเฉยเมยไม่ไหวติงแต่อย่างใด

เขายกมือขึ้นและพูดเบา ๆ ว่า “ปลาในแม่น้ำทั้งหมด จงแหวกว่ายออกมาตามคำของผู้เฒ่าเสีย”

หลี่จิ่วเต้าหันขวับมองไปที่แม่น้ำ

“…”

ไร้ความเคลื่อนไหว!

ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของระลอกคลื่น

หลี่จิ่วเต้ามองไปยังชายชราเมิ่งจีอีกครั้ง อนิจจา…เขาจะเชื่อชายชราบ้านี่ได้อย่างไร

“ออกมา! ออกมา! ออกมาเซ่!”

ใบหน้าของชายชราเมิ่งจีซีดเผือดลง เขายกมือขึ้นทึ้งศีรษะตัวเองขณะตะโกนแทบเสียสติ

ทว่าเวลาไม่ถึงอึดใจ

หืมมมมม??

ในที่สุดก็มีการเคลื่อนไหว!

ปลาตัวเล็กตัวน้อยกระโดดยลโฉมขึ้นมาจากก้นแม่น้ำ

สีหน้ากังวลของชายชราเมิ่งจีเริ่มคลายลง ฮะฮ่า~ ด้วยความแข็งแกร่ง ข้าจะล้มเหลวได้อย่างไร!

ทว่าครู่ต่อมา ใบหน้าของเขาก็มืดครึ้มลงถนัดตา

ปลาตัวเล็กที่กระโดดขึ้นมาสะบัดหางลงไปยังแม่น้ำอีกครั้ง…

เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ได้กระโดดขึ้นมาตามคำสั่งของเขา ปลาตัวน้อยก็แค่เล่นน้ำเท่านั้น!

‘อ้อ บางทีอาจเป็นเพราะว่าร้อนวิชาจนคลั่ง เลยจินตนาการว่าตัวเองเป็นผู้ฝึกตนทรงพลัง และอยากรับลูกศิษย์ไปทั่วสินะ…’

หลี่จิ่วเต้าเข้าใจในที่สุด ชายชรากำลังจะเป็นบ้าเพราะร้อนวิชา

‘ข้าควรพอ ความคิดที่จะฝึกตนควรถูกตัดออกไปให้หมด’

ชายหนุ่มเตือนตัวเองในใจ

สำนักไท่หัวกล่าวได้ว่าเจริญรุ่งเรืองและมีอำนาจ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะประเมินคุณสมบัติผิดพลาด

ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย!

หากเป็นเช่นนี้ สำนักไท่หัวจะรับลูกศิษย์และพัฒนาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้อย่างไร ชื่อเสียงของมันคงจะโรยราไปนานแล้วมากกว่า

เขาไม่มีคุณสมบัติในการฝึกตนจริง ๆ… อันที่จริงก็ควรตัดสินใจได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงได้กลายเป็นคนแก่บ้า ๆ เช่นชายชราผู้นี้

“เป็นไปได้อย่างไร!”

ชายชราเมิ่งจีสูญเสียจิตวิญญาณและไม่อาจเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นได้

ด้วยพละกำลังในยามนี้ เขาไม่สามารถควบคุมปลาในแม่น้ำสายเล็ก ๆ ได้อย่างไร

ไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำสายเล็ก ๆ แม้ว่าจะเป็นแม่น้ำแห่งจิตวิญญาณอันเต็มไปด้วยปลาประหลาดที่ทรงพลัง เขายังควบคุมมันได้อย่างง่ายดาย!

ชายชราไม่อาจยอมรับจึงลองอีกครั้ง และในที่สุดก็พบปัญหา!

ให้ตายสิพับผ่า!!

มีพลังบางอย่างหยุดพลังของเขาเอาไว้!

พลังของเขาไม่ได้ไหลเข้าสู่แม่น้ำ!

ใครหยุดกันล่ะ?

เขาหันมองโดยรอบทันที

ยามนี้เอง กิ่งก้านใบของต้นไม้ใหญ่พลันตกลงมาบนร่างของเขาเบา ๆ ทำให้ร่างกายชรากระตุกหงึกหงัก

หัวใจดวงน้อยตื่นตะลึงและเต็มไปด้วยความสยดสยอง ยามนี้ร่างกายของเขาถูกผนึกไว้และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย!

‘ต้นไม้อะไรกันนี่…!’

เมิ่งจีหวาดหวั่นอยู่ในใจ…ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีต้นไม้น่ากลัวอยู่นอกเมืองมนุษย์!

เพียงชั่วพริบตา ความแข็งแกร่งของเขาก็ถูกผนึกไว้ และไม่อาจต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย ความแข็งแกร่งของต้นไม้นี้เหนือกว่าเขามากเกินไป!

‘ปรมาจารย์สวรรค์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจเทียบกับต้นไม้นี้ได้!’

เขากลัวจับใจ

ความแข็งแกร่งระดับปรมาจารย์สวรรค์ยังไม่อาจผนึกพลังของเขาได้โดยง่าย แต่ต้นไม้นี้กลับทำได้!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์สวรรค์!

‘ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่บอกว่าเขามักจะมาที่นี่เพื่อตกปลา วาดภาพและเล่นกู่ฉิน เขาทำได้อย่างไร…ไม่โดนเจ้าต้นหลิวยักษ์นี่จัดการหรืออย่างไร??’

หลิงอินมองไปยังต้นไม้ใหญ่เช่นกัน

นางรู้ดีว่าชายชราไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นผู้ฝึกตน

มิฉะนั้นคงสำรวจจิตวิญญาณของนางไม่ได้

กระนั้นก็ยังล้มเหลว เขาไม่อาจนำปลาออกมาจากแม่น้ำได้ เห็นได้ชัดว่ามีพลังบางอย่างที่หยุดเอาไว้

ตอนนี้ชายชรามองไปที่ต้นไม้ใหญ่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนกคล้ายเห็นภูติผี!

‘เมล็ดข้าวนี้หรือจะกล้าส่องแสงต่อหน้าดวงอาทิตย์? ต้นไม้นี้คงเป็นที่ชื่นชอบของผู้อาวุโส ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องปกติ…’

หลิงอินเข้าใจทันที

นางยังไม่ได้เริ่มฝึกฝนและไม่มีกำลัง หากมีกำลัง นางจะไม่ปล่อยให้ชายชราแกล้งทำแบบนี้แน่นอน….

“ผู้เฒ่าเอ๋ย โอกาสไม่ได้มีหนเดียว อย่าไปฝืนเลย ทุกอย่างเป็นเรื่องของโชคชะตา อย่าเอาแต่ดื้อดึงเลยนะ…”

หลี่จิ่วเต้ามองไปยังชายชราเมิ่งจีแล้วเอ่ย

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ชายชราเมิ่งจีก็ดูเป็นคนน่าสงสารขึ้นมา เขาดูอยากจะฝึกฝนจนเป็นบ้า และหลี่จิ่วเต้าก็ไม่อยากยุ่งกับชายชราผู้นี้อีก

‘เข้าใจแล้ว… ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่กำลังช่วยข้า!’

ชายชราเมิ่งจียังไม่ทันตอบสนอง หลิงอินก็เอ่ยในใจด้วยความปีติแล้ว

เมื่อชายชราอยู่ในเมืองชิงซาน เขาค้นพบว่านางเป็นคนพิเศษ และพลังวิญญาณยังแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมากจึงมีใจรับนางเป็นศิษย์

ส่วนตัวตนผู้อาวุโสนั้น ชายชราคงไม่ทราบว่าเขาทรงพลังและยิ่งใหญ่เพียงใดอย่างแน่นอน

ไม่เช่นนั้นต่อให้มีความกล้าเต็มเปี่ยม ชายชราก็คงไม่กล้าเอ่ยปากรับผู้อาวุโสเป็นศิษย์แน่ ๆ

เมื่อเห็นว่านางมีท่าทีแน่วแน่และไม่ต้องการเป็นศิษย์ ชายชราอาจสัมผัสได้ว่านางมีความสัมพันธ์ผิดปกติกับผู้อาวุโส อาจคิดว่าพอผู้อาวุโสตกลงเป็นศิษย์แล้ว นางก็จะยอมรับด้วยเช่นกัน

ผู้อาวุโสจิตใจสูงส่งปานนี้ เขาย่อมรู้ความคิดที่แท้จริงของชายชราแน่นอน

‘ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่กำลังคิดแทนข้า เขาหยุดชายชราไม่ให้คิดรับข้าเป็นศิษย์…’

อย่างไรเสีย ชายชราก็มาหานาง และดูท่าทางจะไม่ลดละด้วยหากทำไม่สำเร็จ

นางยังไม่ได้เริ่มฝึก ร่างกายจึงไร้เรี่ยวแรง หากชายชราใช้กำลังกับนาง นางไม่มีทางต่อกรได้จริง ๆ

ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่รู้เรื่องนี้จึงพาชายชรามาที่นี่เพื่อคิดทำให้เขาเข้าใจ และละทิ้งความคิดที่ชักชวนนางเป็นศิษย์

‘ขอบเขตของผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่นั้นสูงส่งเพียงใด จะให้ลงมาทำเองก็ใช่เรื่อง… จึงยืมพลังของต้นไม้ใหญ่ในการสั่งสอนชายชรานี่เอง’

หลิงอินคิดกับตัวเองและเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน

ในฐานะผู้ทรงอำนาจสมัยโบราณ นางเป็นผู้ดำรงอยู่ในระดับสูงต่อหน้าผู้อื่น แต่ต่อหน้าบุคคลทรงพลังอย่างหลี่จิ่วเต้า นางไม่ควรค่าที่จะกล่าวถึงเลย

ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ไม่เพียงแต่สอนนางเรื่องเสียงกู่ฉินเท่านั้น ทว่ายังช่วยแก้ปัญหาที่ชายชรานำมาด้วย ผู้อาวุโสใจดีกับนางยิ่งนัก!

ในทางกลับกัน หลี่จิ่วเต้าไม่รู้เลยว่าหลิงอินคิดไปไกลสุดลูกหูลูกตาแล้ว ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจนางแต่อย่างใด

ชายหนุ่มเพียงมองดูเมิ่งจีนิ่ง ๆ

อย่างไรก็ตาม ชายชราเมิ่งจีไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย ร่างทั้งร่างเหมือนกลายเป็นหิน ยืนนิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้นโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ

‘เฮ้อ เหมือนตื่นขึ้นจากความฝันและรู้ตัวว่าไม่ใช่ผู้ฝึกตนก็เลยรับความจริงไม่ได้??’

หลี่จิ่วเต้าทอดถอนใจพลางรู้สึกสมเพชชายชราเมิ่งจีมากขึ้นทุกขณะ

ชายชราที่คลั่งไคล้อยากฝึกนี่น่าสงสารจริง ๆ

‘โรคหัวใจก็ต้องใช้ยารักษาหัวใจ สิ่งที่ข้าทำได้มีจำกัด เพราะอย่างนั้นแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขา ลองคิดดูอีกเสียหน่อยดีกว่า’

หลี่จิ่วเต้ากล่าวในใจ

“ไป…ไปตกปลากันเถอะ”

การสนใจมากเกินไปจะทำให้อาการของชายชราแย่ลง หลี่จิ่วเต้าจึงเพิกเฉยต่อเหตุการณ์เบื้องหน้าแล้วถอดกระบอกไม้ไผ่บนหลังออก หยิบคันเบ็ดออกมาและนั่งบนหินเริ่มตกปลา

เจ้าก้อนหินนี้ยังคงเป็นเช่นเดิม นุ่มอุ่นและนั่งสบายยิ่งนัก

‘สบายจริง ๆ หากไม่ใช่เพราะกลัวผู้ฝึกตน ข้าคงเอาหินแข็ง ๆ ก้อนนี้กลับบ้านไปแล้ว…’

หลี่จิ่วเต้าพูดในใจว่าเขาชอบเจ้าก้อนหินนี้มากแค่ไหน