ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล

ตกกลางคืน กิจการก็เริ่มซบเซาลง
ฉินเทียนนั่งอยู่เพียงลำพังที่ด้านหลังเหลาอาหาร เขาเหม่อมองท้องฟ้า ปล่อยให้ความคิดจมหายไปดวงดาวบนฟากฟ้า
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ แน่นอนว่ามันจะต้องเกิดขึ้นอีกในอนาคต เพื่อที่จะไม่ให้ถูกรังแกได้อีก เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้น มิฉะนั้นชั่วชีวิตนี้ก็อย่าหวังจะได้ลืมตาอ้าปาก
การบ่มเพาะของทวีปเทียนหยวนนั้นไม่เหมาะกับเรา มีเพียงทางเดียวที่จะพัฒนาขึ้นได้ก็คือ การฆ่าสัตว์ปีศาจ
พวกสัตว์ปีศาจเองก็มีระดับขั้นเช่นกัน อย่างวันนี้ ไก่ดุร้ายที่เขาฆ่าไปนั้นอยู่ที่ขั้นศูนย์ จัดการได้ไม่ยาก แต่บางทีเขาอาจจะจัดการกับสัตว์ปีศาจขั้นแรกหรือขั้นสูงกว่านั้นไม่ได้
สัตว์ปีศาจนั้นก็เหมือนกับคน พวกมันบ่มเพาะได้ สัตว์ปีศาจขั้นที่ห้าลงมานั้นอาศัยเพียงกำลัง ส่วนตั้งแต่ขั้นที่ห้าขึ้นไปนั้น พวกมันแข็งแกร่งยิ่ง การถล่มภูเขาทั้งลูกย่อมไม่ลำบากเกินแรงพวกมัน
ตอนนี้ฉินเทียนเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นที่สอง กระทั่งรับมือกับสัตว์ปีศาจขั้นแรกก็ยังอันตรายอย่างยิ่ง เป็นที่ทราบกันดีว่าสัตว์ปีศาจนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ในขั้นเดียวกัน
สัตว์ปีศาจขั้นแรกสามารถฉีกร่างผู้ฝึกตนมนุษย์ขั้นที่สอง สามคนได้อย่างง่ายดาย
เทือกเขาคุนหลุนนั้นเป็นดั่งสรวงสวรรค์ของเหล่าสัตว์ปีศาจ แม้กระนั้นมันก็เหมาะกับการเพิ่มเลเวล ฉินเทียนกระตืนรือร้นที่จะเข้าไปยิ่ง
แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดี ไม่ต้องกล่าวถึงสัตว์ปีศาจดุร้ายภายในนั้น กระทั่งสัตว์ปีศาจที่อยู่รอบนอกก็สามารถสังหารเขาได้ไม่ยาก หากเขามุ่งหน้าเข้าไป กระทั่งตายอย่างไรยังไม่อาจทราบ
ฉินเทียนสลัดความคิดที่จะเข้าไปในเขาคุนหลุน
แต่ถ้าไม่ได้ฆ่าสัตว์ปีศาจแล้วเขาจะเพิ่มเลเวลได้อย่างไร? แม้ว่าการฆ่าไก่ ฆ่าเป็ด ฆ่าปลาจะได้ประสบการณ์บ้างก็ตาม หากแต่มันน้อยนิดยิ่ง ฆ่าทั้งวันเพียงได้รับค่าประสบการณ์ไม่กี่สิบหน่วย เมื่อแต่สวรรค์เท่านั้นที่ทราบว่าเมื่อใดเขาจึงจะไปถึงขั้นที่สาม
ยุงเองก็นับเป็นสิ่งมีชีวิต ฆ่ามันนับร้อยนับพันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น
จะฆ่าไก่ เป็ด ปลาให้ได้นับพันนับหมื่นก็ต้องเป็นที่โรงฆ๋าสัตว์เท่านั้น
“เอ๊ะ โรงฆ่าสัตว์?” ฉินเทียนพลันตื่นตัว “ใช่แล้ว ที่นั่นอย่างไรเล่า!”
“นายน้อยดีใจเรื่องอะไรหรือ?” เมิ่งเล่ยรีบวิ่งมาหา มองดูฉินเทียนก่อนเอ่ยถาม
“เจ้าอ้วน ในเมืองชิงเหอมีโรงฆ่าสัตว์หรือไม่?”
ฉินเทียนต้องการยืนยันว่าภายในเมืองมีโรงฆ่าสัตว์หรือไม่ หากว่าไม่เช่นนั้นก็ย่ำแย่แล้ว
“มีอยู่แห่งหนึ่งทางเขตตะวันออก แต่นายน้อยถามทำไมหรือ?”
“ข้าถามมันก็ต้องมีประโยชน์สิ หากไม่มีข้าจะถามไปเพื่ออะไร”
ฉินเทียนยินดีอย่างยิ่งที่มีโรงฆ่าสัตว์ เชื่อว่าคงไม่มีผู้ใดปฏิเสธแรงงานฟรีหรอกใช่มั้ย?
หลังรับประทานอาหารเย็น เก็บกวาดทั้งชั้นบน ชั้นล่าง ทำงานในส่วนของวันนี้จนเสร็จสิ้น
อาการเจ็บปวดของเขาแทบจะหายดีแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าเขาได้ออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ มิเช่นนั้นร่างกายของเขาคงทรุดลงนอนหมดแรงอยู่บนพื้นหลังจากทำงานอย่างหนักมาสองวันติด
วันนี้จางต้าฟู่มอบงานทั้งหมดเท่าที่เขาสรรหาได้ให้ฉินเทียนทำ เขาต้องการให้ฉินเทียนลุกไม่ขึ้นอีก ในยามเย็น เขาก็ต้องยอมรับในความทรหดของฉินเทียน หลังจากฟื้นตัวเขาก็ทำงานไม่ได้หยุด ดูเหมือนว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเขาจะต้องเพิ่มงานให้หนักขึ้นอีก
จะอย่างไรเสียนี่ก็เป็นเด็กรับใช้ที่ไม่ต้องจ่ายเงิน เขาจะต้องใช้งานให้หนัก ให้หมดแรงจนอีกฝ่ายไม่ลุกขึ้นมาอีก
เป็นการตัดสินใจของทางตระกูลฉินที่ส่งฉินเทียนมาทำงานที่เหลาอาหารฟุหลง นอกจากอาหารสามมื้อแล้ว เขาก็ไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่เฟินเดียว นี่เป็นการทำงานเพื่อความอยู่รอด หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาย่อมไม่มีวันพัฒนา
ฉินเทียนได้แต่สงสัย เหตุใดถึงต้องโหดเหี้ยมกับเขาถึงเพียงนี้?
กระทั่งส่งเขามาเป็นเด็กรับใช้ในเหลาอาหารเล็กก็แล้ว ยังไม่ปล่อยปละละเว้นเขาอีกหรือ?
หรือจะมีคนเกรงกลัวเขา?
เกรงกลัวตัวไร้ประโยชน์เนี่ยนะ?
เป็นไปไม่ได้
ฉินเทียนสลัดความคิดนั้นทิ้งไป ใครจะไปกลัวคนที่ใช้การไม่ได้กันล่ะ
ฉินเซี่ยงเทียน นอกจากเป็นผู้นำตระกูลที่แข็งแกร่งเป็นลำดับแรกแล้ว ความแข็งแกร่งของเขายังไปถึงขั้นจิตวิญญาณ ซึ่งภายในเมืองชิงเหอนับได้ว่าเป็นนักสู้ชั้นแนวหน้า เขายังต้องเกรงกลัวฉินเทียนด้วยหรือ?
ฉินเทียนขี้เกียจคิดให้มากความ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการไปโรงฆ่าสัตว์
“เจ้าอ้วน นำทางข้าไปโรงฆ่าสัตว์” แม้ว่าเมิ่งเล่ยจะกล่าวว่ามันตั้งอยู่ในเขตตะวันออก หากแต่เมืองชิงเหอนั้นกว้างขวาง แล้วเขาจะทราบได้อย่างไรว่ามันตั้งอยู่ตรงส่วนไหนของเขตตะวันออก ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าเขาจะจำทางไปได้หรือไม่ จะดีที่สุดหากให้เมิ่งเล่ยนำทางไป
เมิ่งเล่ยไม่ได้ทักท้วงใดๆ เขาออกนำทางในทันที
ในใจของเขา เมื่อนายน้อยต้องการทำ มันย่อมต้องสำคัญ เขาย่อมไม่ถามให้มากความ
เมืองชิงเหอแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาล หากให้ฉินเทียนคลำทางไปด้วยตนเอง แต่ให้ออกค้นหายันแจ้งก็เกรงว่าจะไม่พบ มองดูก้อนอิฐเรียงรายที่เปล่งแสง พื้นถนนถูกปูด้วยศิลาคราม ฉินเทียนคิดว่ามันคล้ายกับยุคจีนโบราณที่เคยได้ดูได้ฟังจากโทรทัศน์
หลังเดินอยู่ครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงโรงฆ่าสัตว์ในเขตตะวันออก
ในเวลาเดียวกัน แสงไฟภายในโรงฆ่าสัตว์ก็สว่างขึ้น พวกสัตว์ต่างส่งเสียงร้องกันระงม
ฉินเทียนชะโงกหน้ามองเข้าไปด้านในด้วยความตื่นเต้น มองดูรอยเลือดของพวกสัตว์ปีก ฉินเทียนยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
สำหรับเขาแล้ว พวกมันทั้งหมดก็คือค่าประสบการณ์ ค่าพลังปราณ ค่าการรอดชีวิต หนทางสู่ความแข็งแกร่ง แล้วจะไม่ใช่เขารู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร?
มีผู้คนเพียงสามคนอยู่ภายในโรงฆ่าสัตว์ พวกเขาต่างยุ่งจนมือเป็นประวิง เมื่อได้ยินว่าฉินเทียนต้องการช่วยเหลือพวกเขาฆ่าพวกเป็ดไก่โดยไม่รับค่าตอบแทน พวกเขาก็รับปากโดยไม่ลังเล
อาชีพคนฆ่าสัตว์นั้นไม่ใช่งานที่ดี ในหนึ่งวันพวกเขาต้องปลิดปลงชีวิตนับไม่ถ้วน ร่างถูกย้อมไปด้วยโลหิต ผู้คนมากมายต่างหลบลี้หนีห่าง มีคนไม่มากที่ต้องการจะเป็นคนฆ่าสัตว์
หากแต่ในสายตาฉินเทียน อาชีพคนฆ่าสัตว์นับว่าดียิ่ง
เมื่อมีดในมือพร้อม เป็ดก็ขึ้นเขียงมาตาย เสียงจากระบบพลันแจ้งเตือนขึ้นมา
“สังหารเป็ด ได้รับค่าประสบการณ์ 10 หน่วย พลังปราณ 3 จุด ค่ารอดชีวิต 0 จุด…..”
“สังหารไก่ ได้รับค่าประสบการณ์ 10 หน่วย พลังปราณ 3 จุด ค่ารอดชีวิต 0 จุด…..”
“สังหารกระต่าย ได้รับค่าประสบการณ์ 10 หน่วย พลังปราณ 3 จุด ค่ารอดชีวิต 0 จุด…..”
…………………………….
ฉินเทียนควงมีดในมืออย่างคึกคักตลอดคืน เสียงแจ้งเตือนจากระบบเองก็ไม่ได้พักผ่อนเช่นกัน
คนฆ่าสัตว์ทั้งสามที่อยู่ด้านข้างต่างจ้องมองอย่างโง่งม มองดูร่างผอมบางของฉินเทียนที่ลงมืออย่างอำมหิต ลงมืออย่างต่อเนื่องโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตา
คนที่เล่นเกมยังจะมีเมตตาให้กับมอนสเตอร์ด้วยหรือ?
พวกมันทั้งหมดเป็นค่าประสบการณ์ พลังปราณ การอัพเลเวลล้วนขึ้นอยู่กับพวกมัน
ฉินเทียนปรารถนาให้ตนมีร้อยมือ เขาจะได้ประหัตประหารฆ่าฟันเป็ดไก่พวกนี้ได้มากๆในคราเดียว เช่นนั้นเขาจะสามารถเก็บค่าประสบการณ์ได้อย่างราบรื่น ถ้าเป็นแบบนั้นได้คงจะดีไม่น้อย
หลังจากฆ่าไก่ไปเป็นฝูง แสงอรุณก็เริ่มสาดส่อง สัตว์ปีกทั้งหมดถูกฉินเทียนปลิดปลงจนสิ้นซาก
ทั่วร่างของเขาอาบย้อมไปด้วยโลหิต ราวกับเพิ่งออกมาจากบ่อเลือด มันช่างดูขนพองสยองเกล้า
มีดทำครัวในมือยิ่งเสริมให้เขาราวกับปีศาจกระหายโลหิต
หลังจากฆ่าไก่ตัวสุดท้ายไป ฉินเทียนก็มองเมิ่งเล่ยซึ่งนอนกรนราวกับฟ้าผ่าอยู่ด้านข้าง เขายิ้มและกล่าวออกมา “เจ้าอ้วนนี่ก็ยังนอนได้ลงอีกนะ”
หลังจากฆ่าฟันมาทั้งคืน เขาจำไม่ได้ว่าฆ่าไปเท่าใด ไม่ทราบว่าตนเองได้ค่าประสบการณ์มาเท่าใด
ท้ายที่สุดเสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้น “ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นฉินเทียน ท่านอยุ่ในระดับที่ 3 แล้ว……..”
เสียงแจ้งเตือนนี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ฉินเทียนแอบตื่นเต้นอยู่ในใจ
เพียงคืนเดียวก็ทะลวงผ่านจากขั้นที่สองมาขั้นที่สาม ไม่ใช่ว่านี่เป็นเรื่องสะเทือนฟ้าสะเทือนดินงั้นหรือ?
กระทั่งผู้ที่เป็นอัจฉริยะที่สุดภายในเมืองชิงเหอก็ยังต้องใช้เวลาราวสามเดือนเพื่อทะลวงจากขั้นที่สองไปขั้นที่สาม ทว่าตัวเขากลับต้องการเพียงแค่คืนเดียว ฮ่าฮ่าฮ่า!…….
ฉินเทียนรู้สึกดีอย่างมาก อีกไม่นานเขาจะกลับไปที่ตระกูลฉิน เหยียบย่ำทุกคนที่ดูถูกข่มเหงไว้ใต้ฝ่าเท้า
สุภาพชนแก้แค้นสิบปียังไม่สาย ฉินเทียนนั้นไม่ใช่สุภาพชน ดังนั้นเขาย่อมไม่รอให้ถึงสิบปี สำหรับเขาการแก้แค้นเหลืออีกเพียงไม่กี่คืน
การสะกดอดกลั้นเพื่อการแก้แค้น ความทรงจำที่ถูกผู้คนข่มเหงรังแกพลันฉายซ้ำในสมองของฉินเทียน ภาพเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกไม่เป็นสุข หากตอนนี้ข้าแข็งแกร่ง ข้าจะกลับไปเยือนตระกูลฉินทันที!
มองดูรอยเลือดสัตว์มากมายที่เปื้อนไปทั้งตัว หากออกไปข้างนอกโดยไม่จัดการเสียก่อนคงสร้างความตกใจแก่ผู้คนแล้ว
ใช้ช่วงที่ท้องฟ้ายังรุ่งสางอยู่นี้ ฉินเทียนเตรียมไปล้างเนื้อล้างตัวที่แม่น้ำ……