ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล

แม่น้ำไหลเอื่อยใสกระจ่าง หากมองลงมาจากบนท้องฟ้าจะคล้ายกับมังกรกำลังขดตัวอยู่
นี่เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่อยู่ละแวกเมืองชิงเหอที่ไหลออกมาจากเทือกเขาคุนหลุน แม่น้ำสายนี้ทอดยาวหลายพันไมล์ไหลผ่านเมืองชิงเหอ เมืองชิงเหอก็ตั้งชื่อมาจากแม่น้ำสายนี้เอง (ชิงเหอ แปลว่า แม่น้ำใสกระจ่าง)
ยามรุ่งสาง
ดวงตะวันเริ่มทอแสง ท้องฟ้าปลอดโปร่ง มองจากที่ไกลๆแม่น้ำสายนี้จะดูเหมือนพญามังกรดำที่ม้วนตัวห่อหุ้มโลกทั้งใบก่อเป็นภาพอันวิจิตรงดงาม
เสียงคลื่นไหลเอื่อยตามลม ฉินเทียนเร่งรีบเดินมาที่แม่น้ำ
แสงอรุณแทนที่แสงจันทรา ลมกลางคืนพัดโชย ต้นหญ้าปลิวไสวให้ความรู้สึกสงบรมรื่น
ฉินเทียนไม่มีอารมณ์จะดื่มด่ำไปกับฉากอันยอดเยี่ยมนี้ เขาต้องรีบลงไปล้างเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่ตามร่างกายออกให้หมดเสียก่อน จากนั้นยังต้องรีบกลับไปที่เหลาอาหารเพื่อทำงานไม่ให้จางต้าฟู่ตำหนิเอาได้
เขาวิ่งมาถึงริมน้ำ ถอดเสื้อผ้ารองเท้าออก เผยให้เห็นร่างกายที่ผอมโทรม
สายลมพัดโชยมา มันทำให้ฉินเทียนหนาวสั่น แม้ว่าตอนนี้จะยังเป็นหน้าร้อน หากแต่ริมแม่น้ำแห่งนี้ค่อนข้างอากาศเย็นอยู่บ้าง ฉินเทียนกระโดดลงแม่น้ำเพื่อล้างตัวทันที
เมื่อเขากำลังจะกระโดดลงไปในแม่น้ำ เขาก็พบว่ามีร่างร่างหนึ่งติดอยู่กับพืชน้ำคล้ายปลาเกยตื้น คนผู้นั้นสวมใส่เสื้อผ้าสีทองสะท้อนแสง
“คนจมน้ำงั้นรึ?”
ฉินเทียนรีบกระโดดลงน้ำไปฉุดดึงคนผู้นั้นขึ้นฝั่ง
“ไม่หายใจ…เขาตายแล้ว?”
ฉินเทียนเอื้อมมือไปแตะชีพจรที่ข้อมือ มองดูทรวงอกที่ไหม้เกรียมราวกับโดนสายฟ้าผ่า นี่ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวนัก
ชุดของคนผู้นี้ทำมาจากผ้าไหมที่ปราณีต คนผู้นี้จะต้องมาจากตระกูลมั่งคั่งอย่างแน่นอน สายตาของฉินเทียนหันไปมองท่อนแขนที่โป่งพองของคนผู้นี้ เผยรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายออกมา “คนสุจริตหาเงินอย่างสุจริต แต่คนต่ำต้อยแบบเราแค่ต้องการก็ขโมยได้”
เขาไม่ได้สนใจว่าคนผู้นี้ตายแล้วหรือยัง คนยากจนกลัวจน เรื่องเป็นมงคล ไม่เป็นมงคลเขาไม่สนอยู่แล้ว
ชั่วขณะที่ฉินเทียนเอื้อมมือไปพยายามจะคว้ากล่องไม้ขนาดเล็กที่อยู่ตรงแขนเสื้อคนของคนตาย มือของคนตายพลันคว้าจับมือขวาของฉินเทียนเอาไว้ ดวงตาของคนตายเบิกโพลงและจ้องมองฉินเทียนด้วยความโกรธ “เจ้าหัวขโมยน้อย ทำอะไร!”
“ผี! อ๊า!”
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทำให้ฉินเทียนกรีดร้องออกมา
ฉับพลันทันใดโดยไม่คิดมาก ฉินเทียนตวัดเท้าเตะไปที่ศีรษะของคนผู้นี้ทันที มีเสียง ‘แคร๊ก’ ดังออกมา เป็นเสียงคล้ายมีกระดูกแตกหัก
“มาดูกันว่าเจ้าจะตายหรือไม่”
ฉินเทียนร่ำร้องออกมาทำให้ชายที่นอนอยู่เปิดปากขึ้นอีกครั้ง “เจ้าหนุ่ม การที่ได้พบเจ้าในสภาพเช่นนี้นับว่าพวกเรามีชะตาต้องกัน……”
“เอ๊ะ? ยังไม่ตาย?” ฉินเทียนมึนงง ร่างที่อ่อนปวกเปียกราวกับกระดาษคว้าจับมือของเขาไว้ได้ ขณะที่ฉินเทียนกำลังจะเหวี่ยงขาเตะซ้ำ ชายบนพื้นก็กล่าวออกมา “บรรพชนผู้นี้ตายไปแล้ว ไม่ต้องวิตกไป”
“ตายแล้วยังพูดได้อยู่ เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ”
โดยไม่รีรอเขาหวดเข้าใส่อีกเท้าหนึ่งและคิดขึ้นในใจ “นี่เรียกว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหรือ?”
กล่องกำมะหยี่ในมือของเขาดูหรูหราอย่างยิ่ง ลวดลายที่สลับซับซ้อนของมันถักทอด้วยด้ายทองคำ แค่เพียงสิ่งนี้ก็ขายได้หลายตังค์แล้ว นี่ยังไม่รวมสิ่งของที่มันบรรจุเอาไว้ภายใน
ชายบนพื้นบอกว่าตนเองนั้นตายแล้ว แต่เขาก็ดูมีชีวิตอยู่ไม่คล้ายกับพวกอันเดดที่เคยพบในเกม หรือจะเกือบตาย? กระทืบต่อดีหรือไม่?
หากเรื่องนี้ไปถึงหูเจ้าหน้าที่ทางการ พวกเขาจะสาวมาถึงตัวเขาไหม?
สิ่งที่น่าประหลาดก็คือ แม้เขาจะกระทืบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชายบนพื้นก็ดูเหมือนไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย
“ด้วยระดับการบ่มเพาะอันต่ำต้อยของเจ้าแล้ว กระทั่งเส้นผมสักเส้นของข้ายังไม่ตกหล่น หากไม่ใช่เพราะรากฐานของข้าถูกทำลายไปแล้ว เพียงจ้องมองก็ทำให้เจ้ากลัวจนตาย”
ฉินเทียนสะดุ้งตกใจไม่กล้ากระทืบเท้าลงไปอีก น้ำเสียงของชายบนพื้นไม่คล้ายกำลังหลอกลวงแต่อย่างใด ฉับพลันเขารีบเปลี่ยนท่าทีเสียใหม่ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ผู้อาวุโส เมื่อครู่ผู้เยาว์เพียงตื่นตระหนกจนทำสิ่งไม่สุภาพไป ผู้เยาว์รู้สึกผิดเหลือเกิน ขอผู้อาวุโสอย่าได้ถือโทษโกรธเคือง”
“เอาเถอะ เอาเถอะ ข้ามีเวลาเหลืออีกไม่มาก ข้าจะกล่าวโดยรวบรัดแล้วกัน”
“เจ้าต้องการกราบข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?”
“กราบท่านเป็นอาจารย์?” ฉินเทียนคิดขึ้นอย่างสับสนและหัวเราะในใจ “กราบคนตายเป็นอาจารย์? คนตายยังจะให้อะไรข้าได้?”
“ประโยชน์นานับประการ เพียงแค่คิดว่าบรรพชนผู้นี้มีตำราที่หายากอย่างมาก ทั้งยังมีตำราทักษะจิตวิญญาณนับไม่ถ้วน ตราบที่เจ้ากราบข้าเป็นอาจารย์ ทั้งหมดจะตกเป็นของเจ้า”
ก่อนที่ฉินเทียนจะทันได้กล่าวอะไร เสียงของระบบก็ดังขึ้นป็นชุด
“ยอมรับเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของคังเทียนจี๋ ค่าประสบการณ์ 1,000 หน่วย ค่าพลังปราณ 100 จุด ค่าการรอดชีวิต 10 จุด”
รางวัลมากมายถึงเพียงนี้ เพียงแค่ยอมรับเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ จำเป็นต้องใจกว้างถึงเพียงนี้เลยหรือ? ไม่เอาก็โง่แล้ว!
มองดูภารกิจที่ล่อตาล่อใจนี้ ฉินเทียนไม่พูดพล่ำทำเพลงคุกเข่าทั้งสองกราบกรานในทันที “ท่านอาจารย์ที่เคารพ โปรดรับการคารวะจากศิษย์ด้วย”
“ประเสริฐ ประเสริฐ…..”
ใบหน้าของคังเทียนจี๋ยังคงเรียบเฉยไร้อารมณ์เช่นเดียวกับคนตาย กระนั้นฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้วจะพบว่ามันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ตื่นเต้นอย่างมาก……
“ทำภารกิจกลายเป็นศิษย์อย่างทางการสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 1,000 หน่วย ค่าพลังปราณ 100 จุด ค่าการรอดชีวิต 10 จุด”
“ภารกิจนี้ง่ายโครตๆ รางวัลตอบแทนก็ช่างใจกว้างเหลือเกิน นี่มันยอดเยี่ยมไปเลย”
“เจ้าเป็นศิษย์คนที่ 1,089 ของคังเทียนจี๋ ในอนาคตตำแหน่งเจ้าสำนักเทียนจี๋จะตกเป็นของเจ้า…..”
“ในอนาคตเจ้าจะต้องฟื้นฟูสำนักเทียนจี๋ ตอนนี้พวกเรามาถกกันเรื่องผลประโยชน์ดีหรือไม่?”
ฉินเทียนมองคังเทียนจี๋อย่างคาดหวัง เขาแอบคิดขึ้นอย่างมีความสุข “อะไรคือสำนักเทียนจี๋ ที่นั่นสมควรมีสมบัติอยู่มากมาย”
“ช่างละโมบนัก ดี เจ้าคนโลภ เจ้ามีใจกระหาย มีจิตใจอันทะเยอทะยาน สองสิ่งนี้สอดคล้องกับความตั้งใจของข้า สมบัติของสำนักเทียนจี๋มีมากมายเหลือคณานับ แค่เพียงเจ้ายึดตำแหน่งเจ้าสำนักเทียนจี๋มาได้ ทุกสิ่งทุกอย่างภายในสำนักย่อมตกเป็นของเจ้า”
“ท่านคิดว่าข้าโง่หรือ? แม้ข้าจะไม่ทราบว่าสำนักเทียนจี๋ที่ท่านพูดถึงจะยิ่งใหญ่เพียงใด แค่ท่านมีศิษย์อยู่แล้ว 1,088 คนมันก็ทำให้ข้าย่ำแย่แล้ว ข้าเป็นเพียงคนต้อยต่ำ จะไปแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักได้อย่างไร?”
“ตราบเท่าที่เจ้าฝึกฝน ‘คัมภีร์มังกรฟ้า’ เมื่อเจ้าไปถึงระดับชั้นสรรพสิ่ง ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะอาวุโสหรือเยาว์วัย ทั้งหมดล้วนไม่ใช่คู่มือของเจ้า เมื่อเจ้าแสดงตราประทับเจ้าสำนักออกไป ข้าเชื่อว่าในเวลานั้นย่อมไม่มีผู้ใดไม่เชื่อฟัง”
“เมื่อเจ้าขึ้นเป็นเจ้าสำนักได้แล้ว เจ้าจะต้องช่วยข้ากระทำบางสิ่ง”
“อะไรหรือ?”
ฉินเทียนตื่นเต้น ในขณะที่ตื่นเต้นนั้นเอง เสียงจากระบบก็พลันดังขึ้นมาในสมอง มันทำให้เขานิ่งงัน
เล่นเกมออนไลน์มาก็มากกว่า 7 ปี เจอภารกิจมานับไม่ถ้วน หากแต่เขายังไม่เคยเจอภารกิจระดับ SSS……ภารกิจระดับสุดยอด
เพียงแค่ภารกิจระดับ S ก็นับว่าสูงยิ่งแล้ว
ในเกมทั่วไปแล้ว ภารกิจระดับสูงสุดคือระดับ SSS เป็นภารกิจที่หายากอย่างมาก ความเป็นไปได้ที่จะปรากฏออกมานั้นแทบจะเป็นศูนย์
ทว่าตอนนี้ ตัวเขาเจอมันเข้าให้แล้ว…..ภารกิจระดับ SSS….ภารกิจระดับสุดยอด เขาไม่เคยเจอกับภารกิจระดับนี้ แต่เห็นได้ชัดว่ารางวัลของมันล่อตาล่อใจอย่างมาก
เขาไม่กล้าคิดถึงมัน เขาเกือบจะหัวใจวายตาย
พลันคิดขึ้นในใจอย่างเงียบเชียบ “ยอมรับ”
ในเวลานี้เอง คังเทียนจี๋กกล่าวออกมาด้วยท่าท่างเกลียดชังที่ปกปิดไว้ไม่มิด “ฆ่าหลงเซี่ยวเทียน บดขยี้สำนักว่านโม่”
“หลงเซี่ยวเทียนเป็นคนทรยศของสำนักเทียนจี๋ มันสมคบคิดกับสำนักว่านโม่ ต้องการจะช่วงชิงคัมภีร์มังกรฟ้าไป ตราบเท่าที่เจ้าบรรลุทั้งสองสิ่งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างของสำนักเทียนจี๋จะเป็นของเจ้า หากว่าเจ้ายังมีมโนธรรมก็หาของวิเศษทรงอำนาจมาฟื้คืนชีวิตให้ข้า ถึงตอนนั้นข้าจะบอกความลับที่ยิ่งใหญ่ต่อเจ้า”
ทุกอย่างถาโถมเข้ามา เมื่อได้ฟังทุกอย่าง ฉินเทียนรู้สึกว่ามันงี่เง่า จะทำเรื่องง่ายให้มันสลับซับซ้อนไปทำไม? นี่ไม่ใช่พล็อตเรื่องละครล้างแค้นในทีวีงั้นหรือ?
เนื่องเพราะคัมภีร์มังกรฟ้า หลงเซี่ยวเทียนจึงรวมหัวกับสำนักว่านโม่ขุดหลุมพรางทำร้ายคังเทียนจี๋ ที่ไม่คาดคิดก็คือ คังเทียนจี๋หลบหนีมาได้ จากนั้นก็พบเจอกับฉินเทียน ยกทุกสิ่งทุกอย่างให้ฉินเทียน
SSS…..ภารกิจระดับสุดยอดก็คือต้องฆ่าหลงเซี่ยวเทียน ทำลายสำนักว่านโม่
ฉินเทียนเองก็ปรารถนาจะช่วยเขาล้างแค้น หากแต่เขาไม่ได้แข็งแกร่งอะไร เขาย่อมไม่ใช่คู่มือของศัตรูเหล่านั้น ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นที่สาม ต้องอีกนานเพียงใดเขาจึงจะไปถึงขอบเขตชั้นสรรพสิ่ง?
บางคนชั่วชีวิตเพียงอยู่ในขั้นผู้ฝึกตน ไม่อาจทะลวงผ่านระดับชั้นไปได้ ในทวีปเทียนหยวน ผู้ที่อยู่ในชั้นสรรพสิ่งสามารถนับได้ด้วยนิ้วมือ พวกเขาผ่านการบ่มเพาะหลายร้อยหลายพันปี ฉินเทียนเข้าใจความแข็งแกร่งของตนอย่างแจ่มแจ้ง ต้องการบ่มเพาะไปถึงชั้นสรรพสิ่งงั้นหรือ เขาไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้จะสามารถไปถึงได้หรือไม่
กระนั้นฉินเทียนก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
เขาย่อมไม่กระทำสิ่งที่เขาไม่ชอบ แต่เขาจะไม่ให้ปล่อยผลประโยชน์ต้องหลุดมือไป…..