ตอนที่ 56 มู่เทียนซิง คุณช่างอบอุ่นจัง

รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ

ตอนที่ 56 มู่เทียนซิง คุณช่างอบอุ่นจัง

มู่เทียนซิงกลับมานั่งข้างๆหลิงเล่

เธอมองหลิงเล่ด้วยรอยยิ้มตาตี่ๆ ปากโค้งงอคล้ายๆกับดวงจันทร์ และยังมีสายตาที่มีแสงแวววาวคล้ายๆกับดวงดาว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธออารมณ์ดี

“ซื้ออะไรมาบ้าง?”

เขาหยิบผ้าเช็ดหน้า แล้วเช็ดคราบเหงื่อที่ปลายจมูกเธอเบาๆ

อีกไม่นานก็จะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว แดดยังแรงมากๆ ออกไปไม่นาน ยังร้อนได้ขนาดนี้

เมื่อหลิงเล่เช็ดให้เธอเสร็จแล้ว ก็เปิดขวดน้ำพุทราหนึ่งขวด ใส่หลอด แล้วยื่นให้เธอ

จั๋วซีเพิ่งจะเอาของไปวางไว้ท้ายรถ แล้วเปิดประตูฝั่งคนขับ ก็เห็นด้านหลังผ้าม่านแวบหนึ่ง จึงรู้สึกซาบซึ้งใจ ที่ในที่สุดซื่อซ่าวมีความรัก ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมา ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เคยเห็นซื่อซ่าวคอยดูแลเอาใจใส่ใครแบบนี้?

แล้วขับรถต่อ

หลังจากมู่เทียนซิงดูดน้ำพุทราไปจำนวนหนึ่งแล้ว ก็ถอนหายใจและมองหลิงเล่“ซื้อของขวัญที่เหมาะสำหรับการเจอกันครั้งแรกหน่ะ! ฉันเพิ่งจะดูมาจากในอินเทอร์เน็ตเมื่อกี้ เพราะว่าอาต้องไปเจอคนที่สำคัญสำหรับอาแน่นอน ซึ่งฉันไม่ซื้ออะไรมั่วๆหรอก วางใจได้!”

เธอพูดจบ ก็ยกมือขึ้นไปตีหน้าอกเขาสองครั้ง เพื่อเป็นการบอกเขาว่าไม่ต้องกังวล

หลิงเล่ไม่พูดอะไร แค่มองเธอ

สายตาค่อยๆอ่อนโยน และค่อยๆยิ้มออกมา

ในตัวเมือง H มีวิวที่ดีมากๆ โดยเฉพาะสิ่งก่อสร้างโบราณสถานในอดีตที่มีอยู่เยอะมากๆ และในปัจจุบันนี้ เป็นที่น่าสนใจมากๆ

แต่สายตาของหลิงเล่ไม่ได้มองบริเวณรอบๆนี้เลย

เขาเพียงแค่จ้องมองเจ้าหนุ่มน้อยตรงหน้า และดูเหมือนจะมองยังไงก็มองไม่พอ ทั้งหัวใจ ทั้งความรู้สึก ทั้งหมดนี้ส่งผลต่อเธอจึงทำให้เธอขมวดคิ้วอย่างกังวล

เขารู้ว่า ตั้งแต่ครึ่งปีก่อนที่อ่างเก็บน้ำ เมืองชิงเฉิงและเริ่มจากจูบนั้น เขาจึงเหมือนถูกปีศาจร้ายสิง

เมื่อเด็กน้อยดื่มน้ำพุทราหมดทั้งขวด ก็ทิ้งไว้ข้างๆ แล้วมองหลิงเล่ด้วยสายตาที่ลำบากใจอยู่ครู่หนึ่ง

ซึ่งสายตานั้น เหมือนทำเรื่องอะไรบางอย่างมา แล้วอยากให้เขารู้แล้ว แต่จะเหมือนอายถ้าให้เขารู้ อย่างนั้นเลย

แก้มเธอแดง ตาเปิดกว้างอย่างเขินอาย จึงเข้ามาทำให้หัวใจของหลิงเล่หวานชื่นมากๆ

“คะ คุณอา~”

“หื้อ?”

“ฉัน ฉันซื้อของขวัญแล้วอยากเอามาให้คุณ แต่ฉันไม่ได้เอากระเป๋าสตางค์มา จึงให้จั๋วซีรูดบัตรให้ ถ้ากลับไปถึงโรงแรม เงินของของขวัญชิ้นนี้ ฉันจะคืนให้คุณ”

เขาชะงักเล็กน้อย แล้วขบคิดคำพูดของเธออย่างละเอียด“ซื้อของขวัญให้ฉัน?”

หลิงเล่ยังไม่มีปฏิกิริยาท่าทางโต้ตอบใดๆเลย เพราะว่าเขาอยู่คนเดียวมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นวันเกิดก็ดี เทศกาลก็ดี ซึ่งต่อให้จะเป็นการฉลองวันปีใหม่หรือเทศกาลวันหยุดอื่นๆ น้อยมากที่เขาจะไปวิลล่าซานติ่งของตระกูลหลิงเพื่ออยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อและพี่ชาย และข้างๆเขามีเพียงแค่พี่น้องตระกูลจั๋วเท่านั้น

ในความทรงจำของเขา สิ่งที่พิเศษในวันเกิด ก็คือฉวีซือเหวินจะทำเค้กวันเกิดให้ในวันนั้น และยังมีบะหมี่อายุยืนหนึ่งถ้วย

เช่นนี้เท่านั้น

เขาไม่เข้าใจ แต่มองมู่เทียนซิงอย่างจริงใจ พร้อมถามว่า “มีเทศกาล?”

ไม่อย่างนั้น จะให้อะไรล่ะ?

เขาไม่เคยได้รับของขวัญอะไร แม้แต่ตอนปีใหม่

มู่เทียนซิงเขินจนวางตัวไม่ถูกเล็กน้อยแล้วจึงเกาผม และไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไง

เธอแค่บังเอิญเห็น แล้วรู้สึกว่าเหมาะสมดี ก็เลยซื้อมา และยังไม่คิดถึงคำถามที่ว่าเทศกาลอะไร ตั้งแต่เล็กจนโต เธอได้รับของขวัญเยอะมากอย่างนับไม่ถ้วน ต่อให้เป็นวันธรรมดา ก็มีคนเอาของขวัญมาให้เธอ

และในขณะนี้ จั๋วหรันก็พูดออกมาทันทีว่า“ซื่อซ่าว,เหมือนวันนี้จะเป็นเทศกาลชีซีของประเทศจีน”

มู่เทียนซิงแปลกใจ“เทศกาลชีซี?หมายถึงอะไร?”

หลิงเล่ขมวดคิ้ว แล้วรออย่างเงียบๆต่อไป

จั๋วหรันยิ้ม“เมื่อก่อนตอนที่ฉันกับอาซือไปฮันนีมูน ตอนนั้นประเทศจีนกำลังเข้าสู่ช่วงกลางฤดูร้อนพอดี ซึ่งเป็นช่วงเวลานี้ แล้วทั้งประเทศกำลังฉลองเทศกาลชีซี เปรียบเสมือนวันวาเลนไทน์ในสากล ที่ระหว่างชายหญิงชอบพอกันและกัน และมอบของขวัญให้กันและกัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรัก”

“อืออ”มู่เทียนซิงได้ยิน จึงก้มหัวลงจนคางของตัวเองติดกับหน้าอกและมีใบหน้าที่แดงทั้งหน้า

เธอสามารถบอกได้ว่า เพราะเธอไม่รู้ว่าวันนี้คือเทศกาลชีซีพอดีใช่ไหม?

และผู้ชายข้างๆยิ้มมุมปากอย่างงดงามออกมาเล็กน้อย แล้วมือใหญ่ๆก็ยื่นออกไป และดึงเธอเข้ามา “ของขวัญวันวาเลนไทน์ของผมล่ะ?”

“อันนั้น” ลิ้นของเธอพันเล็กน้อย“การจะให้ของขวัญต้องใช้เงินตัวเอง ฉันไม่ได้เอาไป รอให้ฉันกลับไปก่อนจะคืนเงินให้คุณ พรุ่งนี้ค่อยเอาของขวัญให้คุณ!”

ถ้าเลื่อนออกไปหนึ่งวันถึงจะให้ ก็ไม่ใช่ของขวัญวันวาเลนไทน์สิ

มีผู้หญิงบางคนทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ผู้ชายบางคนไม่ยอมซื้อ จนกระทั่งมีเสียงเย็นชาและโมโหเล็กน้อย “คุณจะหยิบออกมาเอง หรือให้ผมหาในตัวคุณ ?”

มู่เทียนซิงก็ยังไม่ขยับ

จริงๆแล้วเธอรู้สึกอาย พอตอนนี้ได้ยินว่าวันนี้คือเทศกาลชีซี ก็อายเข้าไปอีก“ฉันไม่เคยให้ของขวัญวันวาเลนไทน์กับใครมาก่อน คุณจะรอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ?”

“ต้องการวันนี้!” หลิงเล่ขมวดคิ้วขึ้น และทำตัวเหมือนเด็กที่ประท้วง ง้อแงอย่างไม่พอใจ “ตั้งแต่เล็กจนโตผมยังไม่เคยได้รับของขวัญเลย คุณคือคนแรกที่ให้ของขวัญ และทำให้ผมสบายใจสักหน่อยไม่ได้เหรอ?”

ตูม!

มู่เทียนซิงหยุดชะงักไปทั้งตัว

นึกไม่ถึงเลยว่าเขายังไม่เคยได้รับของขวัญเลย ?ผู้ชายอายุ 26 ปีแล้ว ใช่ชีวิตบนโลกนี้มาได้ยังไงกันเนี่ย?

เมื่อคิดถึงวัยเด็กของเขา มู่เทียนซิงก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดใจ

เธอพบว่า การได้เจอผู้ชายคนนี้ ก็คือชะตากรรมของเธอ!

ดูเหมือนจั๋วหรันจะรู้ว่ามู่เทียนซิงกำลังเขิน จึงกดปุ่มๆถัดไป ที่อยู่ระหว่างที่นั่งเบาะหน้าและหลังแล้วค่อยๆมีผ้าม่านลงมาช้าๆ เพื่อปิดกั้นแยกโลกเล็กๆทั้งสองนี้ไว้

มู่เทียนซิงเอามือล้วงลงไปในกระเป๋า หยิบกล่องเล็กๆที่งดงามออกมา แล้ววางลงในมือของเขาที่แบออกไว้ก่อนแล้ว“ให้!”

ในช่วงเวลาสั้นของชิ้นเล็กนั้นก็วางอยู่บนมือของตนเอง หลิงเล่กลายเป็นคนที่เงียบสงบขึ้นมา

เขาถือกล่องเล็กๆไว้ในมือทั้งสองข้างอย่างทะนุถนอม รู้สึกตื่นเต้นอยู่สักพัก แล้วหายใจเข้าลึกๆและเปิดกล่อง

ด้านในนั้นมีสร้อยคออยู่หนึ่งเส้น

สีเงิน

จี้เป็นรูปสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับความลึกลับของนักษัตรเนมี ซึ่งตรงกลางของนักษัตรเนมีนั้นมีอัญมณีสวยและงดงามสีฟ้ารูปหัวใจฝังอยู่หนึ่งเม็ด

ที่ที่เขาพักอยู่ เรียกว่าคฤหาสน์จื่อเวย

และสีที่เธอชอบมากที่สุด คือสีฟ้า

“คุณชอบไหม?”

มู่เทียนซิงเห็นเขามึนๆงงๆ จึงยื่นมือเล็กๆออกไปตรงหน้าเขาแล้วโบกไปมา และเอื้อมมือหยิบสร้อยคอเส้นนั้นขึ้นมา แล้วมือเล็กๆขาวๆก็อยู่รอบอยู่บริเวณคอของเขา เพื่อที่จะใส่สร้องคอให้เขาดีๆ“นี้เป็นสร้องของผู้ชาย พอฉันเดินเข้าร้านไปก็เห็นทันที ถึงแม้ว่าจะแพงไปหน่อย แต่ก็ยังอยากจะซื้อมาให้คุณ เพราะว่าฉันยังไม่เคยให้อะไรคุณเลย”

หลังจากใส่เสร็จ เธอจึงถอยกลับมานั่ง แล้วมองอย่างมาดขรึมเอาจริงเอาจัง และยิ้มออกมา “อา คุณหล่อจริงๆ! พอใส่สร้อยคอเส้นนี้ก็ทำให้ดูดีขึ้นไปอีก!”

ดูสิ เด็กน้อยช่างปากหวานอะ

เธอไม่ได้บอกว่าสายตาของเธอดีแค่ไหนที่เลือกสร้อยคอเส้นนี้ บอกแค่ว่าเขาหล่อ

เธอมองเขาอยู่พักใหญ่ แต่ไม่มีปฏิกิริยาท่าทางใดๆเลย กลุ้มอกกลุ้มใจเล็กน้อย “คุณไม่ชอบ?”

เมื่อมู่เทียนซิงไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร แต่รอบๆตาของเขาแดงขึ้นมาทันที และคว้าตัวเล็กๆของเธอเข้ามากอดในอ้อนกอดแน่นๆ แล้วพูดเบาๆว่า“มู่เทียนซิง คุณช่างอบอุ่นจัง”