ตอนที่ 57 เช็ดน้ำลายหน่อยเถอะ
อ้อมกอดของหลิงเล่เปรียบเสมือนดอกไมร์เทิลเครปที่ทั้งเยือกเย็นและเงียบเหงามาโดยตลอด แต่ทำให้จิตใจเธอสงบเป็นพิเศษ
ฉวีซือเหวินเคยบอกว่า“คุณน่าจะชอบซื่อซ่าวมากๆ แต่ตัวคุณเองที่ยังไม่รู้”
มู่เทียนซิงหวาดผวาอยู่แววหนึ่ง แล้วมองลงไปบนขาของเขา เธอไม่ใช่คนที่ประจบเอาใจใคร แค่เพราะถ้าพรุ่งนี้กลับไปบ้านตระกูลมู่ เธอดึงมือของหลิงเล่แล้วบอกกับพ่อแม่ว่า เธอชอบหลิงเล่ พ่อกับแม่คงจะคลั่งแน่นอนเลย?
ดูเหมือนเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อนกอดของเขาจะนิ่งไม่ขยับตัวเลย เพราะว่าในสมองกำลังคิดถึงเรื่องในอนาคตอย่างหนัก
ถ้าหากจะอยู่กับหลิงเล่ด้วยกัน กลัวว่าเส้นทางหลังจากนี้จะยากลำบาก!
คนที่เธอรักที่สุดก็คือพ่อแม่ของเธอ จะทำให้พวกเขาเสียใจได้ยังไง?
หลังจากถอนหายใจออกมา เธอก็ยังไม่รู้ตัวเอง ว่าเธอกำลังคิดวางแผนเรื่องในอนาคตอยู่ เธอยอมรับในความรู้สึกของตัวเองแล้วว่าความจริงเธอชอบหลิงเล่
มือใหญ่ๆกอดเธอไว้แน่นมากอยู่ครู่หนึ่ง
ความรู้สึกของเธอถูกดึงกลับมา และเมื่อเงยหน้าขึ้น ก็พบกับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งอย่างมากของเขา
เหมือนว่าเขามองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ และพูดออกมาในทันที “อย่าคิดมาก เชื่อใจผม”
เธอรู้ว่าคำพูดเหล่านี้ต้องมีความหมายลึกซึ้งอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วจะลึกซึ้งมากแค่ไหน
จ้องมองสายตาที่สับสนของเธอ และในที่สุดเขาก็สัญญากับเธออย่างจริงจังและจริงใจว่า“มู่เทียนซิง แค่คุณให้แสงสว่าง ความสุข ความสดใสกับผม ผมก็จะให้ความสดใส ความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมาทั้งโลกกับคุณ”
รู้สึกซาบซึ้งใจ ประทับใจเล็กน้อย เธอคิดว่า เขาเป็นคุณชายที่มีความคิดเป็นเหมือนผู้ใหญ่แบบนี้ จะมาพูดอะไรที่แสดงให้ถึงความรัก ความห่วงใยแบบนี้ กลัวว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย?
กะพริบตาเล็กน้อย แล้วเธอก็เอามือเล็กๆนั้นไปวาดเป็นวงกลมที่หน้าอกของเขา และพูดออกไปอย่างแกล้งโมโหว่า“คุณทำแบบนี้นับว่าเป็นการสารภาพรักไหม?”
ทั้งๆที่รู้ว่าเขารู้สึกยังไง แต่ก็ยังอยากได้ยินเขาพูดออกมา จะทำไงได้ล่ะ ?
เมื่อไหร่จะเริ่ม ซึ่งวนมาถึงความรักของตนเองแล้ว และกลายเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันทั่วไป ชอบที่จะฟังคำพูดที่ทั้งหวานทั้งไพเราะจากผู้ชายเหรอ?
หลิงเล่หัวเราะออกมาเบาๆอยู่พักหนึ่ง ราวกับว่าทั้งตัวมีแสงสว่างทะลุออกมา และจับจี้ของสร้อยคอเส้นใหม่ที่เพิ่งได้มา แล้วพูดติดตลกว่า“ดูจากที่คุณให้ของขวัญวันวาเลนไทน์ชิ้นนี้กับผม ถ้าคุณบอกว่านับก็นับ!”
มู่เทียนซิง “.”
ใบหน้าเล็กๆที่เต็มไปด้วยความคาดหวังก็พังลงไปในชั่วพริบตา!
ความรู้สึกอ่อนโยนของหญิงสาวที่เพิ่งจะมีความรักเหล่านั้น ก็ได้กลายเป็นมีดเล็กๆขึ้นมาในทันที แล้วมองตรงไปที่ดวงตาของหลิงเล่!
ขมวดคิ้วเล็กๆขึ้น แล้วเธอก็พยายามต่อสู้ดิ้นรนกำจัดเขา และกำลังจะพูด แต่เขาก็ก้มลงมาที่ปากเล็กๆของเธอ ทำให้ต่างฝ่ายไม่เหลือช่องว่างระหว่างกันแม้แต่นิดเดียว
แล้วกำปั้นสีชมพูๆก็ยกขึ้นตีที่หน้าอกเขาอยู่พักหนึ่ง และในที่สุดก็หมดแรงลง
หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ๆ จั๋วหรันที่นั่งอยู่เบาะหน้าก็เตือนสติว่า“มาถึงคฤหาสน์ชิงหวั่นแล้ว”
หลิงเล่จึงถอยออกมาจากริมฝีปากของเธอ อย่างไม่เต็มใจเพราะยังไม่เต็มที่ และแตะบนริมฝีปากของเธอหลายต่อหลายครั้ง ถึงจะหยุด !
มู่เทียนซิงเขินจะตายอยู่แล้ว!
มือทั้งสองข้างปิดหน้าของเธอไว้ และขมวดคิ้วแล้วตะโกนออกไป“คนบ้า!”
ไม่ต้องดูก็รู้ ว่าปากของเธอบวมแน่นอน และถ้าเป็นแบบนี้จะลงจากรถไปเจอคนอื่นได้ยังไงล่ะ!
ทำไมผู้ชายคนนี้เป็นนิสัยแบบนี้!
จับมือเล็กๆอย่างไม่พอใจ เพราะเมื่อกี้เธอจะด่าเขา แต่รู้ซะก่อน
เทียน!
เขาคาดไม่ถึง……
พี่อาซือพูดถูกว่า สมรรถนะทางเพศชายของเขายังปกติ!
พูดก็พูด ถ้าหลังจากนี้พวกเขาสองคนจะทำอะไรแบบนั้นกัน งั้นก็คงเป็น ผู้หญิงอยู่บน ผู้ชายอยู่ล่าง?
ทันใดนั้นแก้มเล็กๆก็ถูกใครบางคนบีบด้วยแรงที่ไม่แรงแต่ก็ไม่เบา เธอรู้สึกเจ็บอย่างไม่พอใจเล็กน้อย จึงเงยหน้ามองหลิงเล่ “ทำอะไร?”
เมื่อมองไป เธอก็พบว่า แก้มของเขาแดงผิดปกติ และยังหลบตาอีก“คุณจ้องผมอยู่ตลอดแบบนี้ คิดจะทำอะไร?”
มู่เทียนซิง “.”
หลิงเล่ส่งกระดาษทิชชูให้เธอ“เช็ดน้ำลายหน่อยเถอะ!”
มู่เทียนซิง “.”
พระเจ้าผู้ที่ดูแลฟ้าร้องฟ้าผ่าในตำนาน ขจัดเธอเถอะ!
เธอจ้องผู้ชายคนหนึ่งอยู่ตลอดเวลา และเห็นว่าตัวเองน้ำลายไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
รับกระดาษทิชชูมาอย่างตัวทื่อๆเหมือนเครื่องจักร และเมื่อเช็ดไปเช็ดมา เธอจึงรู้สึกแปลกใจว่า มีน้ำลายซะที่ไหนล่ะ ทั้งๆที่จริงแล้วไม่มีอะ!
“คุณ! คุณหลอกฉัน!
“ใครให้คุณจ้องมาที่ผมตลอดเวลาแบบนี้!”
“หุบปาก! ไม่มีสิทธิ์พูด!”
“กล้าที่จะดู แต่ไม่กล้าที่จะยอมรับ คุณขี้ขลาดขนาดนี้เลยเหรอ?”
“พอแล้ว หลิงเล่ อย่าคิดว่าจะฉันกลัวคุณ!”
“โอเค หยุดก่อเรื่องได้แล้ว ถ้าคุณอยากได้ กลับไปถึงคฤหาสน์จื่อเวยค่อยว่ากัน ตอนนี้ลงจากรถก่อน”
“ฉันไม่ต้องการ! คุณมันโง่ คุณหุบปากซะ! คุณไม่ต้องพูดอะไรออกมาอีกแล้ว!”
“ผมไม่ได้พูดอะไรผิด คุณจ้องผผมอยู่ตลอด แถมยังใจลอยอีก คงจะไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นใช่ไหม?”
“อ่ะ~!”
พี่น้องตระกูลจั๋วที่อยู่ด้านหน้าก็ถอนหายใจ!
ช่างเป็นบรรยากาศที่ดีมากๆ มีทั้งน้ำเสียงที่หวานปานน้ำผึ้งและอบอุ่นมากขนาดนั้น แล้วยังทำให้ซื่อซ่าวทำลายชีวิตของตัวเองไปแล้วด้วย!
ถ้าหากซื่อซ่าวยอมให้ผู้หญิงคนนี้สักนิด ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร เขาต้องนิ่งเงียบไม่พูดอะไร แบบนี้โลกในนี้จะสงบสุขขึ้นมาแน่นอน!
จั๋วหรันจอดรถอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ของตระกูลหนีตลอด
เมื่อมู่เทียนซิงออกมาจากในรถ ก็หันไปดู แล้วแปลกใจว่าถนนสายนี้ไม่เหมือนลานบ้านส่วนตัวเลย แต่กลับเหมือนสวนป่าไม้ที่ทั้งเงียบสงัด ทั้งสองฝั่งมีต้มไม้ใหญ่ๆสูงๆและดอกไม้มากมาย ด้านหน้าของคฤหาสน์มีทะเลสาบเทียมที่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นมาเอง ซึ่งทั้งใหญ่ทั้งงดงาม บนทะเลสาบนั้นมีสะพานเล็กๆอยู่หนึ่งสะพาน แล้วยังมีภูเขาเทียม หินรูปร่างแปลกๆ ดอกบัวที่เหมือนกับโคมไฟลอยและพัดตามลมอยู่บนน้ำ และความสวยงามของดินแดนแห่งศิลปะที่วาดด้วยหมึกแบบของจีน
จั๋วหรันถือกล่องของขวัญที่ทั้งสวยและงดงาม ส่วนจั๋วซีเข็นหลิงเล่
เมื่อพวกเขาเดินผ่านมู่เทียนซิงไป และมือของหลิงเล่ ก็เปรียบเสมือนดวงตา ซึ่งคว้ามือเล็กๆของเธอมาอย่างแม่นยำ แล้วดึงมาข้างๆตนเอง และเดินไปข้างหน้า
เมื่อกี้นี้เต็มไปด้วยความเคียดแค้น แต่เพราะการกระทำของเขาในตอนนี้ จึงทำให้หายไปโดยสิ้นเชิงเลย
มู่เทียนซิงกับหลิงเล่เข้าไป ก็เดินไปด้วยและสังเกตเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านอย่างละเอียดไปด้วย และดูไปแล้วก็พูดออกไปอย่างแปลกใจ“ของเก่าเยอะมาก และของตกแต่งมากมายที่ทำมาจากอัญมณี!”
ร่ำรวยมากๆๆ!
“อา นี่คือบ้านญาติของคุณใช่ไหม?”
หลิงเล่เงยหน้ามองเธอ แล้วส่ายหัว
มู่เทียนซิงเห็นภาพวาดตามฝาผนังสไตล์ยุโรปเยอะมาก และเห็นแค่ของตกแต่งที่เป็นของหายากและมีอยู่ไม่มากอย่างหินโมราสีน้ำเงินกันอัญมณีสีแดงน้ำเงิน และประหลาดใจกับความงดงามนี้จนไม่กล้ากะพริบตา แล้วทำปากจู๋ “งั้นคุณรู้จักพวกเขาได้ยัไง? บ้านของเขาทำอะไร?มันน่าทึ่งมาก”
จั๋วซียิ้มทันที และพูดว่า“นี้คือครอบครัวของคุณหณิงเยว่หยา”
“โอ้ พระเจ้า!” มู่เทียนซิงตกใจ
ชื่อจริงของคุณหญิงเยว่หยาคือหนีซีเยว่ เป็นประธานสมาคมอัญมณีของตระกูลหนีลูกสาวของหนีจื่อหยาง และในปัจจุบันนี้เธอคือผู้หญิงที่มีเกียรติสูงสุดของประเทศหนิง
และพวกเขาทำเพื่อประชาชนของประเทศหนิง ซึ่งไม่มีใครที่ไม่รู้จัก?
เมื่อพวกเขากำลังจะเดินผ่านห้องนั่งเล่น ก็เจอกับเงาของหนีหย่าจูนที่กำลังรีบร้อนอยู่
เขายิ้มเล็กน้อย แล้วก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว และหลังจากมายื่นอยู่ต่อหน้าหลิงเล่ ก็ทำไม้ทำมืออยู่บริเวณหน้าอกพร้อมพูดว่า“ขอโทษนะ จริงๆควรจะไปต้อนรับพวกคุณหน้าประตู แต่เมื่อกี้มีติดธุระเล็กน้อย”
ไม่รอให้หลิงเล่พูดออกมา มู่เทียนซิงก็ยิ้มแล้วยักไหล่ แสดงถึงความไร้เดียงสา น่ารักๆ“ไม่เป็นไร!”
หนีหย่าจูนมองเธอ แล้วยิ้ม“คิดไม่ถึงว่าสุขภาพร่างกายคุณจะดีมาก เพราะหลังจากที่ไข้ลดลงก็มีชีวิตชีวาทันที”
มู่เทียนซิงก็ยิ้มตามไปด้วย“ต้องขอบคุณพี่หย่าจูนที่พาหมอมาดูอาการฉันถึงโรงแรม”
“เฮ้อๆ! เฮ้อๆๆ!”
เขาสองคนชะงักไปเล็กน้อย แล้วพบว่า สีหน้าของผู้ชายบนรถเข็นนั้น ไม่ค่อยสู้ดีเลย!