ตอนที่ 54 ทำชั่วได้ชั่ว

ในช่วงกลางดึก ชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านตระกูลเฉินต่างหลับสนิทกันไปนานแล้ว เวลานี้อาอินกลับโยนฉีเทียนชางซึ่งสูงกว่าตนเองลงบนเตียงได้อย่างง่ายดาย ส่วนจี้จือฮวนและเผยจี้ฉือก็ช่วยกันแบกอวี๋ซิ่วเหลียนตามมาทางด้านหลัง

“เอาล่ะ พวกเจ้าไปรอข้าด้านนอกก่อน” จี้จือฮวนเอ่ยเสียงเบา

เด็กทั้งสองสบตากัน ก่อนจะพยักหน้ารับและออกไป

จี้จือฮวนจึงรีบถอดเสื้อผ้าของพวกเขาออก ก่อนจะจัดท่าทางของทั้งสองคนให้เสร็จสรรพ จากนั้นก็เอาผ้าห่มมาคลุม

นางกลับออกมาที่ลานบ้าน “ไปกันเถอะ”

พรุ่งนี้เช้า ยังมีเรื่องสนุกให้ดูอีก

เมื่อถึงยามไก่ขัน ตอนที่จางชุ่ยเฟิงลุกไปให้อาหารไก่และเก็บไข่นั้น ก็เห็นเสี่ยวเจียนออกมาจากในห้องของอวี๋ซิ่วเหลียนด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางแดงก่ำราวกับเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้าก็มิปาน

“เสี่ยวเจียน เป็นอะไรไปน่ะ?!” จู่ ๆ จางชุ่ยเฟิงก็ตะโกนถามข้ามลานบ้านมา เสี่ยวเจียนจึงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าเป็นจางชุ่ยเฟิงน้ำตาก็แทบจะไหลออกมา

จางชุ่ยเฟิงเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงเปิดรั้วออกและเดินมาหานาง “เหตุใดเจ้าจึงออกมาจากห้องพี่สะใภ้ด้วยท่าทางตกใจเช่นนี้เล่า เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”

จางชุ่ยเฟิงเป็นคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว ที่ไหนมีเรื่องสนุกที่นั่นต้องมีนางอยู่ด้วย แค่เห็นสภาพของเสี่ยวเจียนนางก็รู้ได้ทันที เกรงว่าเรื่องนี้คงไม่ธรรมดาเสียแล้ว

ที่ผ่านมาเวลาอวี๋ซิ่วเหลียนรังแกเสี่ยวเจียน เสี่ยวเจียนอย่างมากก็แค่ร้องไห้ออกมา แต่วันนี้นางกลับมีท่าทางอึกอัก เห็นได้ชัดว่าตกใจจนไม่รู้ว่าจะต้องพูดเช่นไร จางชุ่ยเฟิงจึงกลอกตาไปมา “พี่สะใภ้เจ้าคงไม่ได้มีชู้กระมัง”

เสี่ยวเจียนสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาเบิกโพลงและนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม

ดูจากท่าทางของนางแล้ว จางชุ่ยเฟิงยังจะคิดไม่ออกอีกหรือ นางตบต้นขาตัวเองก่อนจะเข้าไปดูในห้อง

เสี่ยวเจียนไม่รู้ว่าควรห้ามนางดีหรือไม่

จางชุ่ยเฟิงจึงรีบเอ่ยขึ้นมา “เจ้าเด็กโง่ พี่ชายเจ้าทำงานอยู่ข้างนอกสายตัวแทบขาด นางผู้หญิงคนนี้กลับมาสวมเขาให้พี่ชายเจ้า เงินที่พี่ชายเจ้าหามาก็ถูกหลอกไปจนหมด”

เมื่อพูดถึงพี่ชาย ใบหน้าของเสี่ยวเจียนก็เผยความเกลียดชังออกมา “ฉีเทียนชาง นางกับฉีเทียนชางหลับนอนด้วยกันเจ้าค่ะ”

จางชุ่ยเฟิงได้ยินว่าเป็นฉีเทียนชาง ก็กัดฟันเอ่ยออกมา “ข้ากะเอาไว้อยู่แล้วว่าพวกเขาสองคนต้องมีอะไรแน่ เพียงแต่จับไม่ได้ก็เท่านั้น เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูก่อน เจ้ารออยู่ตรงนี้นะ”

จางชุ่ยเฟิงเดินผ่านเสี่ยวเจียนและตรงเข้าไปในห้องของอวี๋ซิ่วเหลียน รอจนกระทั่งเห็นได้ชัดเจนแล้ว จึงได้พุ่งตัวออกมาพร้อมกับส่งเสียงร้องตะโกน “โอ๊ย เกิดเรื่องใหญ่แล้ว กลางวันแสก ๆ หญิงร้ายชายชั่วก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว!”

จางชุ่ยเฟิงเป็นคนที่เสียงดัง เมื่อตะโกนแหกปากแต่เช้า ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ เมื่อได้ยินต่างก็พุ่งตัวออกมาทันที

“นางแพศยา แต่งมาที่หมู่บ้านตระกูลเฉินของเราแล้ว ยังสวมเขาให้เฉินปิงของเราอีก”

ทุกคนได้ยินดังนั้นยังจะมีอะไรที่ไม่เข้าใจอยู่อีก หมู่บ้านตระกูลเฉินแม้จะบอกว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน แต่ก็ถือเป็นพี่น้องร่วมตระกูลที่มาจากบรรพบุรุษเดียวกัน หลายคนที่สนิทสนมกันดีกับเฉินปิงก็เข้าไปในห้องทันที ไม่นานก็มีเสียงกรีดร้องของอวี๋ซิ่วเหลียนและเสียงร้องโหยหวนของฉีเทียนชางดังขึ้นมา

ตอนที่เฉินไคชุนถูกคนมาปลุก ก็ได้แต่ตกตะลึง

“อะไรนะ! ถูกใครเจอเข้า?”

“ยังจะต้องให้ใครเจออีกเล่า คนทั้งหมู่บ้านต่างก็เห็นกันหมดแล้ว พวกเขานอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ตอนนี้สองคนนั้นก็กำลังกัดกันอยู่ ไม่นึกถึงว่าอวี๋ซิ่วเหลียนที่เพิ่งจะแต่งเข้ามา พอเฉินปิงออกไปขายของ นางจะไปหลับนอนกับฉีเทียนชางเช่นนี้!”

เฉินไคชุนรีบสวมรองเท้า และไปที่ศาลบรรพชนทันที

อวี๋ซิ่วเหลียนและฉีเทียนชางถูกเชือกป่านมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา หมอบอยู่บนพื้นถูกทุบตีจนเกือบตาย

เฉินไคชุนเห็นแล้วก็อดโมโหไม่ได้!

เสี่ยวเจียนเองก็โมโหจนสั่นไปทั้งตัว น้ำตาไหลไม่หยุด “พี่ชายข้าผิดต่อเจ้าตรงไหน เจ้าถึงได้เหยียบย่ำครอบครัวเราถึงเพียงนี้”

คนบ้านนอกจะแต่งภรรยาไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งครอบครัวอวี๋ซิ่วเหลียนก็ยังเรียกร้องมากมาย เฉินปิงถึงกับต้องขายที่นาถึงจะแต่งนางเข้ามาในบ้านได้ สุดท้ายสตรีผู้นี้กลับนำเงินของเฉินปิงไปให้ฉีเทียนชาง!

ภายภาคหน้าจะให้พี่ชายของนางสู้หน้าคนอื่นได้อย่างไรกัน!

พวกท่านป้าหยางกำลังปลอบเสี่ยวเจียนอยู่ เฉินไคชุนก็ขี้เกียจจะฟังคำแก้ตัวของเจ้าสองตัวนี้ จึงเอ่ยถามเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลขึ้นว่า “พวกท่านเห็นว่าอย่างไร?”

เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเอ่ยปากอย่างไม่สบอารมณ์ “ใส่กรงหมูถ่วงน้ำ พวกหน้าไม่อายเช่นนี้ เก็บเอาไว้ก็เสื่อมเสียชื่อเสียงหมู่บ้านตระกูลเฉินของเรา”

แต่อีกคนหนึ่งกลับมีความเห็นต่างขึ้นมา “ทางการมีประกาศไม่อนุญาตให้พวกเราตั้งศาลเตี้ยมิใช่หรือ อีกอย่างเย่าจงก็ใกล้จะได้เข้าสำนักศึกษาชิงอวิ๋นแล้ว หากมีเรื่องเช่นนี้แพร่ออกไป จะไม่เป็นผลดีต่อการเรียนของเขา ไม่สู้ไล่พวกเขาออกไปเงียบ ๆ จะดีกว่า”

ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็เอาเฉินเย่าจงมาก่อน การเรียนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะบัณฑิตคนหนึ่ง เมื่อออกไปแล้ว จะสามารถสร้างประโยชน์ให้คนทั้งหมู่บ้านได้

เฉินไคชุนเมื่อคิดถึงหลานตัวเองก็พยักหน้าเห็นด้วย “เช่นนั้นก็ไล่พวกเขาออกไป นอกจากเสื้อผ้าบนกายแล้ว ห้ามพวกเขาเอาอะไรไปทั้งสิ้น!”

อวี๋ซิ่วเหลียนขัดขืนขึ้นมาทันที “ข้าแต่งมามีสินเดิมมาด้วย”

“เจ้ามีสินเดิมอะไร แม้แต่ชุดแต่งงานพี่ข้าก็เป็นคนจ่ายเงินซื้อให้” เสี่ยวเจียนเถียงขึ้นทันควัน

อวี๋ซิ่วเหลียนจึงร้องไห้ออกมา “พวกเจ้าจะบีบให้ข้าตายหรืออย่างไร? ข้าเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว หากถูกพวกเจ้าไล่ออกไปแล้ว จะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรกัน!”

ท่านป้าหยางถุยน้ำลายออกมา “ถ้ารู้เช่นนี้เหตุใดเจ้าถึงทำตั้งแต่ทีแรกเล่า รีบไสหัวไปได้แล้ว อย่ามาทำให้หมู่บ้านตระกูลเฉินของเราต้องแปดเปื้อน!”

“ใช่ รีบไสหัวไปซะ”

อวี๋ซิ่วเหลียนแต่งมาจากหมู่บ้านอื่น ส่วนฉีเทียนชางเดิมก็เป็นคนแซ่อื่น เฉินไคชุนจึงให้เฉินเย่าจงเขียนหนังสือหย่าแทนเฉินปิงและปาใส่หน้าอวี๋ซิ่วเหลียน จากนั้นก็ให้คนขับไล่หญิงร้ายชายชั่วคู่นี้ออกไป

บนเนินเขา

จี้จือฮวนรอให้พวกเหล่าเติ้งและคนอื่น ๆ มาถึง ก่อนจะพาเด็กทั้งสามคนออกไปด้วยกัน

เพราะวันนี้จี้จือฮวนตั้งใจว่าจะเฉือนเนื้อตัวเองไปเลือกซื้อรถม้าดี ๆ ที่ตำบล

ที่ผ่านมาน้อยครั้งนักที่อาชิงจะได้ออกจากบ้าน เมื่อตื่นขึ้นมาและได้ยินว่าจี้จือฮวนบอกว่าจะพาเขาออกไปข้างนอกด้วย ไม่ต้องถามเลยว่าเขาดีใจมากแค่ไหน เขาเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ทั้งหมดในตู้เสื้อผ้าออกมา “ข้าใส่ชุดไหนดีนะ? ทำอย่างไรดีข้าอยากใส่ทุกชุดเลย”

อาอินมองน้องชายฝาแฝดของตัวเองอย่างระอา “ชุดสีน้ำเงินชุดนั้นเถอะ เพิ่งตัดเสร็จไม่ใช่หรือ”

จี้จือฮวนมัดจุกสองจุกให้อาชิง ทันใดนั้นเด็กที่มีหน้าตาน่ารักคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของนาง อาชิงมุดเข้าอ้อมแขนของนางด้วยความดีใจ ก่อนออกจากบ้านยังวิ่งไปหาเผยยวน พร้อมกับหอมแก้มเขาหนึ่งทีด้วย “ท่านพ่อ ท่านต้องนอนอยู่ที่บ้านดี ๆ นะขอรับ ข้าไปไม่นานก็จะกลับมาแล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะซื้อลูกอมมาฝากนะขอรับ”

จากนั้นจึงได้จูงมือจี้จือฮวนออกจากบ้านไปอย่างอารมณ์ดี ระหว่างทางพบกับท่านป้าหยางและเสี่ยวเจียนที่มาช่วยงาน จึงได้ยินท่านป้าหยางบ่นเรื่องของอวี๋ซิ่วเหลียนให้ฟัง

“เจ้าว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ตอนเพิ่งแต่งเข้ามาได้ไม่นานก็ลอบคบชู้เสียแล้ว เวลาล่วงเลยมาจนป่านนี้พวกเราเพิ่งจะจับได้ ช่างปิดบังเก่งจริง ๆ”

“ท่านป้าอย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ คนเช่นนี้ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย เสี่ยวเจียนเจ้าก็เหมือนกัน เลิกร้องได้แล้ว อย่างไรเสียก็ดีกว่าให้พี่ชายเจ้าต้องมาเสียเงินไปเปล่า ๆ เช่นนี้”

เสี่ยวเจียนพยักหน้ารับ “ข้าเพียงรู้สึกสงสารพี่ชาย”

จี้จือฮวนปลอบโยนนางอีกสองประโยค จากนั้นก็พาเด็ก ๆ ลงเขาไป

อาชิงฟังไม่เข้าใจ เพราะในหัวของเขาเวลานี้เต็มไปด้วยการได้ออกไปเที่ยว

เมื่อมาถึงทางเข้าหมู่บ้านและขึ้นบนไปเกวียนวัวเรียบร้อยแล้ว จึงได้เห็นว่าที่ทางเข้าหมู่บ้านมีคนที่ราวกับคนใกล้ตายนอนอยู่สองคน จี้จือฮวนจึงอุ้มอาชิงเอาไว้แนบอกด้วยท่าทางเย็นชา

ระหว่างทาง เกวียนวัวของนางก็บังเอิญสวนกับรถม้าของสำนักศึกษาชิงอวิ๋นเข้าพอดี…