ก่อนแยกย้าย พวกเขาทานข้าวกันที่เรือนของเจ้าสำนัก
พอกลับถึงหมู่บ้านฟ้าก็เริ่มมืด เถ้าแก่รองเรียกรถม้าให้ไปส่งกู้เจียว
ฮูหยินหลีเหล่าพอใจกับ “พระโพธิสัตว์” ที่กู้เสี่ยวซุ่นมอบให้อย่างมาก ก่อนพวกเขากลับ นางจึงได้มอบ
ลูกกระวานศักดิ์สิทธิ์อันเป็นสมบัติล้ำค่าของเจ้าสำนักให้แก่กู้เสี่ยวซุ่นไป
ลูกกระวานศักดิ์สิทธิ์นั้นทำจากหยก ผ่านการปลุกเสกเรียบร้อย ทั้งมูลค่าทางโลกและทางใจล้วนไม่มีหยกชนิดใดเทียบเทียมได้
แต่ด้วยความที่เขาไม่ถนัดของแบบนี้ เลยส่งต่อให้กู้เจียวแทน
แน่นอนว่ากู้เจียวไม่ได้อยากแย่งของขวัญของน้องชาย จะกังวลก็แต่ถ้าพวกตระกูลกู้รู้เรื่องเข้ามีหวังได้โดนยึดของไปแน่นอน นางเลยขออาสาเก็บไว้ให้ก่อน กะไว้ว่าวันใดวันหนึ่งกู้เสี่ยวซุ่นแต่งเมียมีครอบครัวค่อยคืนให้เขา
“ท่านพี่ ข้าเข้าไปก่อนล่ะ” กู้เสี่ยวซุ่นเอ่ย
กู้เสี่ยวซุ่นเดินเข้าไปในเรือนตระกูลกู้ ส่วนกู้เจียวแบกตะกร้าเดินต่อ สักพักก็กลับถึงเรือน
เซียวลิ่วหลังกับหญิงชรากำลังนั่งที่โต๊ะทานข้าว สีหน้าหญิงชราดูไม่สู้ดีนัก พอเห็นกู้เจียวเดินเข้ามา ก็รีบ
ปั้นหน้าเป็นมิตรใส่ “เจียวเจียวกลับมาแล้ว!”
ปกติเห็นทำหน้าบูดหน้าบึ้ง พอเปลี่ยนท่าทีแบบนี้ กู้เจียวรู้สึกไม่ชินเอาเสียเลย
“มีเรื่องอันใดรึ” กู้เจียวสังเกตเห็นกับข้าวบนโต๊ะเริ่มเย็นหมดแล้ว แต่เหตุใดทั้งจึงไม่ยอมขยับตะเกียบเสียทีล่ะ
หญิงชราเบะปากทำหน้าเหยเกพลางตะโกน “ฝีมือกับข้าวลิ่วหลังไม่ได้เรื่อง!”
พลางคิดในใจ หมดกันพ่อหนุ่ม หน้าตาดีเสียเปล่า ไฉนฝีมือเข้าครัวเลวร้ายกว่าเจ้าเด็กกู้เสี่ยวซุ่นนั่นอีก!
“เอ่อ…” กู้เจียวไม่รู้จะตอบอย่างไร พลางมองไปที่หญิงชราและลิ่วหลัง ว่าไปแล้ว นางเองก็ไม่เคยชิมกับข้าวฝีมือลิ่วหลังเลย รสชาติจะเป็นยังไงนะ
หญิงชราทำหน้ารังเกียจกับข้าวเขายังพอไหว แต่เหตุใดเขาถึงพลอยทำหน้ารังเกียจกับข้าวฝีมือตนเองไปด้วยล่ะ
เมื่อก่อนเขาก็ทำกับข้าวทานเองมิใช่รึ
กู้เจียวถอนหายใจ สุดท้ายก็ต้องทำกับข้าวให้ใหม่ รวมถึงทำขนมไข่ม้วนให้ทานด้วย
หญิงชราถึงกับตาลุกวาว!
ปฏิกิริยาของหญิงชราแบบนี้ กู้เจียวเห็นบ่อยแล้ว แต่สำหรับลิ่วหลัง แม้เขาจะดูนิ่งเฉย แต่กู้เจียวกลับดูออกว่าดวงตาของเขามีประกายออกมาไม่น้อยเช่นกัน
หญิงชราถามไถ่เรื่องที่นางไปเยี่ยมเจ้าสำนัก “ไปเจอท่านเจ้าสำนักมาแล้วรึ”
“ใช่ ไปเจอมาแล้ว ที่เรือนนั้นมีหญิงชราที่เป็นมารดาของเจ้าสำนัก และยังมีคนใช้วัยละอ่อนด้วย พวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย” ถ้าดูจากฐานันดรศักดิ์ของเจ้าสำนักแล้ว กู้เจียวอดไม่ได้ที่จะคิดนำไปก่อนว่าเรือนของพวกเขาจะต้องโอ่อ่ารโหฐาน ใช้ชีวิตอู้ฟู่หรูหรา เต็มไปด้วยบริวารนับร้อย แต่พอได้เจอจริงๆ กลับผิดคาด
เรือนของเขามีขนาดใหญ่ก็จริง แต่ดูเงียบสงบปลีกวิเวก และเรียบง่าย
หญิงชราเอ่ยถาม “อยู่กันแค่สองคนรึ”
กู้เจียว “สามคน รวมคนใช้ด้วย”
กู้เจียวมีมุมมองแบบคนยุคปัจจุบัน มองว่าคนใช้ก็คือคนในบ้านด้วย
“ไม่มีลูกเมียรึ” หญิงชราอยากรู้อยากเห็น
“ภรรยาของเขาเสียชีวิตแล้ว” เซียวลิ่วหลังตอบให้ แล้วนิ่งไปสักพัก จากนั้นเอ่ยต่อ “เสียตั้งแต่ยังสาว แล้วก็ไม่ได้แต่งงานใหม่อีก”
“น่าสงสารจริง” หญิงชราเอ่ยจบก็ไม่ถามต่อ
พอทานข้าวเสร็จ กู่เจียวนำของขวัญที่เจ้าสำนักให้ออกมา ในกล่องใหญ่นั้นเต็มไปด้วยขนมเปี๊ยะกุหลาบหลากหลายชิ้น อีกทั้งยังมีปลาสดๆ ตัวโตๆ ที่เจ้าสำนักเพิ่งตกได้ห่อมาให้กู้เจียว
หญิงชราชอบขนมเปี๊ยะกุหลาบมาก แต่เซียวลิ่วหลังกลับทำหน้ารังเกียจปลาสองตัวนั่น
กู้เจียวลงมือจัดการปลาแล้วนำไปหมักถนอมอาหาร จากนั้นเตรียมต้มน้ำสำหรับอาบ ระหว่างที่กำลังถอดเสื้อ ก็เกิดมีของบางอย่างตกลงมา
พอหยิบขึ้นมา ก็พบว่าเป็นแหวนที่ทำจากหยกขาว
ลักษณะของมันดูสวยงามและมีราคา อุณหภูมิอุ่นกำลังดี รูปทรงแน่น เป็นของไม่ธรรมดาแน่นอน
“แปลกแฮะ ข้ามีของแบบนี้อยู่กับตัวได้อย่างไน” นางจำไม่ได้แล้วว่าท่านเจ้าสำนักกับฮูหยินหลีเหล่าให้
ของมีค่าชิ้นนี้มาตอนไหน
กู้เจียวยกขึ้นมาดม นางได้กลิ่นอ่อนๆ ของยา
“หรือว่าจะเป็นของอีตาท่านชายนั่น”
ที่เขาน้ำพุร้อนแห่งนั้น
ฮูหยินโหวกลับมายังเรือนหลังเสร็จจากสวดมนต์ ได้ยินเสียงลูกชายตื่นแล้ว นางดีใจจนเนื้อเต้น รีบเข้าไปถามไถ่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แม่นมเล่าให้นางฟัง “อาการของท่านชายน้อยไม่ค่อยสู้ดีนัก โชคดีที่หมอเทวดาของหุยชุนถังมาช่วยไว้ทัน ท่านชายน้อยเลยฟื้นขึ้น”
แม่นมไม่กล้าบอกรายละเอียดที่ว่าท่านชายน้อยสิ้นลมไปแล้ว เพราะตนเองก็ไม่ได้เป็นคนเห็นกับตา ทั้งจะได้ไม่ต้องลำบากให้หมอปรุงยามาเกยเตียงด้วย แม้นางรู้ว่าหมอปรุงยาดูแลองค์ชายอย่างดี
ระหว่างทั้งสองกำลังสนทนากัน ก็เดินมาถึงที่พักของกู้เหยี่ยน
กู้เหยี่ยนพอตื่นนอนก็ลุกขึ้นมาอาละอาดฉีกรูปภาพโบราณทิ้งไปหลายอัน พอระบายโทสะเสร็จก็ลงไป
สงบนิ่งบนเตียง เป็นภาพที่ไม่น่าดูเอาเสียเลย
แต่อย่างไรเสีย ในเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาได้ ฮูหยินโหวรู้สึกขอบคุณเทพยุดาฟ้าดินทั้งหลาย นางพุ่งตัวเข้าไปหาบุตรชาย นั่งลงบนเตียง กระเถิบเข้าไปใกล้ๆ เขา พลางเอ่ยเรียก “เหยี่ยนเอ๋อร์ เจ้าฟื้นแล้ว”
กู้เหยี่ยนบอกปัด “ข้ายังไม่ตื่น ยังง่วงอยู่เลย”
ฮูหยินโหวไม่สนใจท่าทีของลูกชาย พลางยิ้มให้แล้วเอ่ยถามต่อ “เหยี่ยนเอ๋อร์มีแรงพูดคุยกับแม่แล้วนี่ไง!
เจ้าสลบไปนาน รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากแค่ไหน ต้องขอบคุณพระโพธิสัตว์…”
“เกี่ยวอะไรกับพระโพธิสัตว์ด้วย” กู้เหยี่ยนทำขึงใส่
ฮูหยินโหวหัวเราะ “แหม นั่นสินะ! เป็นเพราะเจ้าเป็นเด็กมีบุญต่างหากล่ะ!”
กู้เหยี่ยนทำหน้าเคร่งเครียด “นางรักษาข้า ข้ารู้ว่าเป็นเพราะนาง แถมนางยังจัดยาให้ข้าด้วย”
ตอนที่กู้เจียวต่อลมหายใจเขา เขาไม่รู้สึกตัว ตอนนางฉีดยาให้ เขาก็ยังไม่ฟื้นดี แต่ลางสังหรณ์ของเขาบอกได้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะนาง
ฮูหยินโหวเข้าใจผิดคิดว่า “นาง” คนนั้นที่เขาว่าหมายถึงหมอเฒ่าที่โรงหมอ จึงรีบพยักหน้า “เหยี่ยนเอ๋อร์พูดถูก หมอจากหุยชุนถังช่วยชีวิตเจ้าไว้ เหนียงจะตอบแทนพวกเขาอย่างงามเลย เอ๋ะ ว่าแต่ เหยี่ยนเอ๋อร์ แหวนหยกขาวของเจ้าไปไหนเสียแล้วล่ะ”
แหวนหยกขาวเป็นสมบัติติดตัวของเขามาตั้งแต่เด็ก เขาจะใส่มันอยู่ตลอด และไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องมัน มีอยู่วันหนึ่งเขาทำแหวนนั้นหาย ถึงกับเอะอะโวยวายลั่นบ้านจนเป็นลมล้มไป
“นางเอาไปแล้ว” กู้เหยี่ยนเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ
“ใครกัน” ครั้งนี้ ฮูหยินไม่นึกถึงหมอเฒ่าอีกต่อไป
กู้เหยี่ยนไม่ได้ตอบเหนียง กลับเอ่ยขึ้นว่า “นางคงหยิบไปโดยไม่ได้ตั้งใจ”
แม้จะเจอกันแค่ครั้งเดียว แต่เขารู้สึกได้ว่านางเป็นคนที่เข้าใจเขา ตัวเขาเองไม่สามารถอธิบายได้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจนี้มันเรียกว่าอะไรกันแน่