บทที่ 44 พาเจ้าไปกินอาหารมื้อใหญ่

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 44 พาเจ้าไปกินอาหารมื้อใหญ่

“หลานเยา…… เยา……”

ยายเมิ่งยิงจวนตายก็ไม่พอใจ ทั้งชีวิตนี้นางฆ่าคนมานับไม่ถ้วน น้อยครั้งที่จะพ่ายแพ้ กลับคิดไม่ถึงว่าจะตายด้วยน้ำมือของเด็กน้อยที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม และไร้กำลังภายในคนนี้

“ตัวตนอีกคนของข้าก็เป็นบุคคลที่ชื่อเสียงโด่งดัง ดังนั้นเจ้าถือว่าตายอย่างสมเกียรติ”

หลับให้สบายเถอะ นางแม่มด

ตายด้วยน้ำมือข้าถือเป็นเกียรติของเจ้า ความอัปยศของเจ้าในชาตินี้ ไม่ถือว่าสูญเปล่า

มองดูลมหายใจของยายเมิ่งยิงจวนที่ค่อยๆดับไป หลานเยาเยาดึงมีดต่อสู้ที่แทงเข้าในร่างกายของนางออกมา ตามด้วยเช็ดมีดบนร่างกายของนางจนสะอาดแล้วจึงเก็บเข้าไปในระบบ

นางหันกลับไปมองพื้นที่ถูกแรงระเบิดใส่ ได้แต่ถอนหายใจเงียบๆ

หลุมอันนี้ถมดีไหม?

นางครุ่นคิดแล้วได้คำตอบว่าช่างมันเถอะ ก็เลยหยิบแค่เศษระเบิดและระเบิดมือเก็บกวาดทีละอันจนเสร็จ แล้วนางจึงจากไป

และในมุมลับที่หลานเยาเยามองไม่เห็น เย่แจ๋หยิ่งที่สวมใส่ชุดดำขาวอันงดงามทั้งชุด หรี่ตาที่ลึกล้ำดุจน้ำวน หัวคิ้วยิ่งขมวดยิ่งแน่น

นางไม่ได้ง่ายอย่างที่คาดไว้

แต่ว่าสิ่งของที่ทรงพลังมากขนาดนั้นคืออะไรกัน?

เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน และเสื้อผ้าของหลานเยาเยาก็บางมาก ของเหล่านั้นซ่อนไม่อยู่แน่ แล้วนางเอามันออกมาจากทางไหน

“เฮอ”

นางยิ่งอยู่ยิ่งน่าสนใจ…

——

ช่วงเวลาพลบค่ำ ท้องฟ้ามืดสนิท แสงจันทร์ฉายแสงเด่นชัด ดั่งผ้าฝ้ายบางปกคลุมสรรพสิ่งทั้งปวง สาดส่องผ่านช่องว่างของใบไม้ ลงบนผิวดินสะท้อนเป็นแสงแวววับ ค่อยๆก่อตัวเป็นภาพวาดอันงดงาม

กำแพงด้านหลังของจวนแม่ทัพ เงาร่างบางอ่อนช้อยปีนข้ามกำแพงมา หลังจากนั้นเดินเล็ดลอดเข้ามาในลานด้านหลัง มือไม้ว่องไว ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่เชี่ยวชาญด้านนี้มากเป็นพิเศษ

หลานเยาเยาเดินหลบการลาดตระเวนขององครักษ์จวนแม่ทัพ รีบตรงไปทางภายในลานของนางอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับหลานเฉินมู๋ เดิมนางไม่อยากมาเหยียบที่นี่อีก แต่ทว่านางได้พาคนคนหนึ่งมาที่นี่

และคนคนนั้นตาบอดทั้งคู่ ได้รับบาดเจ็บสาหัส หากไม่นำคนนั้นออกไป แล้วถูกหลานเฉินมู๋พบเห็นมีแต่ตายสถานเดียว

หากนางเดาไม่ผิด ตอนนี้ชายชราผมขาวนั้นยังคงหลบซ่อนในห้องไว้อย่างแน่นอน อีกทั้งคงไม่มีใครเข้ามาภายในลานของนางหรอก

อีกอย่างหลานเฉินมู๋ถูกเฆี่ยนตีด้วยไม้ไปตั้งหลายที คงไม่มีกะจิตกะใจมาตรวจห้องของนาง

นิ่งซื่อก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้

เพราะในลานนั้นก็เพิ่งย้ายเข้าไปอยู่ สิ่งของมีค่าภายในนั้นถูกนิ่งซื่อสั่งให้คนย้ายไปก่อนหน้านั้นแล้ว นางเพิ่งพักได้ไม่กี่วันเอง ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีของมีค่าอะไรเก็บไว้ข้างในอยู่แล้ว

นิ่งซื่อคงไม่เอาเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ตัวของนางหรอกนะ

สำหรับหลานชิวหยุนแล้ว

ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่นางจะมาในลานนั้นของนาง คำเล่าลือจากภายนอกมากมาย ชื่อเสียงนางจะต้องป่นปี้ เดิมทีหลานเฉินมู๋จะให้นางเป็นแพะรับบาป

น่าเสียดายที่อ๋องเย่มาแล้ว แผนการของเขาล้มเหลว คิดว่าตอนนี้หลานชิวหยุนคงแอบซ่อนตัว

ร้องไห้อยู่ที่ไหนสักทีแหละ

เป็นอย่างที่นางคิดไว้ไม่มีผิด หลังจากที่นางมาถึงที่ลาน ข้างในนี้ไม่มีใครอยู่เลย อีกทั้งภายในห้องของนาง หลานเยาเยามองเห็นลอยคราบเลือดที่พวกหลานเฉินมู๋ถูกตีเมื่อกลางวัน ยังไม่มีใครมาทำความสะอาดเลย

ก่อนอื่นนางเก็บเศษเหรียญเงินที่วางอยู่บนโต๊ะแต่งหน้าไปด้วย หลังจากนั้นก็ไปยังห้องถัดไปเพื่อหาชายชราผมขาว

“แกร๊ก แอ๊ด……”

ประตูห้องถูกเปิดออก ข้างในไร้วี่แววใดๆ เงียบสงบ ให้ความรู้สึกอึดอัด

หลานเยาเยาจุดเทียน หลังจากนั้นก็เริ่มตามหา ข้างนอกและข้างในหาจนหมดแล้ว กลับไม่พบแม้แต่เงาร่างของชายชราผมขาวเลย

“คนล่ะ?”

ไอ้แก่ตาบอดนั้นจะเดินเพ่นพ่านไปไหนนะ?

ไม่ใช่ว่าจะถูกจับได้แล้วนะ

ทว่าภายในห้องนี้ไม่เคยมีร่องรอยของการต่อสู้เลย

ขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวทันที มีสิ่งของบางอย่างตกใส่หัวนาง ถึงแม้ไม่ได้เจ็บมาก แต่ตรงที่ถูกดีกลับรู้สึกชาหน่อยๆ

“นี่นังเด็กบ้า เจ้ากำลังมองหาอะไรน่ะ?”

เสียงของคนวัยชราที่แฝงอารมณ์โกรธหน่อยๆ ดังมาจากด้านบนหัว

ชายชราผมขาวรู้สึกหมดหนทาง ก่อนหน้านั้นที่ได้ยินเสียงหลานเยาเยา ใจที่ห้อยอยู่บนเส้นด้ายถึงได้ค่อยๆวางลง

เดิมที่คิดว่านางไปแล้วจะไม่กลับมาเสียอีก

หลานเยาเยาเงยหน้ามองไปทางแหล่งที่มาของเสียงอย่างตกตะลึง ตอนที่มองเห็นชายชราผมขาวนั่งอยู่บนคานบ้าน อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้

สุดยอดมาก

ชายชราผมขาวที่เพิ่งตาบอด ไม่เพียงได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังเข้ามาในห้องที่ไม่รู้จัก เขาปีนขึ้นไปบนคานบ้านได้อย่างไร?

“ข้ากำลังหาเจ้าอยู่ไง?”

การที่นางกลับมาที่นี่นอกจากมาตามหาเขาแล้วจะมาหาอะไรอีกล่ะ? แน่นอนว่าเรื่องเศษเหรียญเงินนั้นต้องมองข้ามไปซะ

“งั้นเจ้าก็พยุงข้าลงมาสิ” ชายชราผมขาวใช้มือลูบท้องที่ร้องจ๊อกๆ อย่างไม่มีทางเลี่ยง

ท้องร้องเกือบทั้งวัน หลานเยาเยานังเด็กบ้าถ้ายังไม่มาอีกนะคงจะได้หิวตายก่อน

“เจ้ายังปีนขึ้นไปเองได้เลย แล้วทำไมจะลงมาไม่ได้ล่ะ?”

หลานเยาเยามองดูใบหน้าอันซีดเซียว ในใจก็อดเห็นใจไม่ได้ แต่ยังคงคิดพูดหยอกล้อเสียหน่อย

ใครจะไปรู้……

ชายชราผมขาวถอนหายใจเงียบๆ พร้อมพูดตัดพ้อ “ข้าว่าแล้วเชียวนังเด็กบ้าอย่างเจ้าไม่รู้จักเคารพรักคนแก่ ข้าน่ะแก่จนใกล้ตายอยู่แล้ว เจ้าลักพาข้าออกมาแล้วยังไม่ให้ข้าวกินอีก คิดจะทรมานคนแก่หรือไง?”

เขาพูดไปด้วย ใช้มือลูบๆคลำๆแถวคานบ้านไปด้วย แล้วลื่นตัวลงมาทางเสาหิน พูดพร้อมใช้มือชี้ไปในอากาศ

“ถ้าข้าหิวตายนะ ต่อให้เป็นผีก็จะแย่งเหรียญเงินเจ้า ” ตามด้วยเสียง “ฮึ่ม”

หลานเยาเยารู้สึกขำและไร้คำพูดต่อกร

ทำไมกลายเป็นลักพาตัวเขาออกมา? นางช่วยเขาต่างหากล่ะ?

แล้วยังไม่ให้เขากินข้าวอีก? นางมีเวลาให้เขากินข้าวไหม? ตัวนางเองก็ยังไม่ได้กินเลย

ก็เลยตบไหล่เขาเบาๆ และพูดเตือนว่า

“อยู่

ตรงนี้นะ”

ชายชราผมขาวหน้าเสียเพียงครู่ จากนั้นหันกลับมาพูดกับนางว่า “ข้าคุยกับอากาศ เจ้ามีความเห็นอะไร?”

“……”

ไม่มีความเห็น นางจะมีความเห็นอะไรได้ล่ะ

ไฮ้

นางกำลังช่วยชีวิตคนชราที่มีค่าตัวเท่ากับตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึง หรือว่าช่วยพระรูปหนึ่งกลับบ้านกันแน่ วางไว้บนหิ้งไม่พอ ยังจะต้องให้กินให้ดื่ม ยังจะมาต่อว่านางต่างๆนาๆอีกนะ

ช่างเถอะ ช่างเถอะ เห็นแก่ที่ว่าเป็นคนแก่ที่ไม่เพียงได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังตาบอดด้วย ก็จะไม่ถือสาละกัน

“หิวหรือยัง? ข้าจะพาเจ้าไปเลี้ยงมือใหญ่ เนื้อไก่เป็ดปลา สั่งตามใจเจ้าเลย”

ได้ยินดังนั้น

ชายชราผมขาวตาเป็นประกายทันที จากนั้นถามด้วยความสงสัย “เข้าใจกว้างขนาดนั้นเชียว?”

“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่เชื่อ เจ้าคอยดูละกัน ” ในเมื่อนางก็หิวแล้วเหมือนกัน พาเขาไปด้วยคนก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

ตอนนี้ชายชราผมขาวยิ้มอย่างพอใจเสียที

นังเด็กบ้าที่ตระหนี่มาก ในที่สุดก็แสดงความเมตตาจิต รู้จักพาเขาไปกินของอร่อยๆ แค่นึกถึงเนื้อไก่เป็ดปลา เขาก็กลืนน้ำไหลอย่างอดใจรอไม่ไว้แล้ว

หลังจากนั้นผ่านไปครึ่งชั่วยาม

ณ ห้องอาหารของร้านอาหารแห่งหนึ่งที่นับว่าอยู่ในระดับใช้ได้ หลานเยาเยาและชายชราผมขาวนั่งเข้าหากัน ระหว่างพวกเขามีโต๊ะวางอยู่หนึ่งตัว บนโต๊ะมีเนื้อไก่เป็ดปลาวางจนครบ

แต่ทว่าภาพที่ออกมากลับเป็นสองแบบ

หนึ่งคนกินอย่างเอร็ดอร่อย ดีใจแบบสุด