แสงที่คุ้นเคย

 

 ราวกับชิ้นส่วนตัวต่อที่ขาดหายไปถูกเติมเต็ม เรื่องราวที่ผ่านมาเริ่มปะติดปะต่อในหัวของอินกอง

 

 เหล่าสัตว์อสูรที่ปรากฏตัวในที่ราบอินคา

 

 กลุ่มนิรนามที่ลอบสังหารแม่ทัพกาซบาล และวางแผนบางอย่างเกี่ยวกับปราสาทธันเดอร์ดูม

 

 ทั้งสองมีแสงปริศนาสีม่วงเป็นจุดเชื่อมโยง

 

 บางทีพวกนี้อาจจะเป็นกลุ่มที่มาจากทางทิศเหนือ? หรืออาจจะไม่ใช่ แต่แค่มีการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับพวกนั้น

 

 สิ่งนี้ทำให้เรื่องราวบางอย่างผุดขึ้นในหัว แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนก็ตาม

 

 เผ่าสายฟ้าชาด

 

 พวกมันสามารถควบคุมสว็อมพ์แมมม็อธของเอนคิดูได้ ทว่าพวกมันทำได้อย่างไร? ใครเป็นผู้สอนพวกมัน? และสอนพวกมันไปเพื่ออะไร?

 

 วัดศิลา

 

 ที่สิงสถิตของกรีนวินด์ และศูนย์กลางอาคมที่สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้ที่ราบอินคา

 

 เหล่าเซนทอร์บูชากรีนวินด์และอาศัยในที่ราบอินคามาหลายศตวรรษ ความลับที่เซนทอร์เหล่านี้ยังไม่รู้ กลับล่วงรู้ถึงกองทัพสัตว์อสูรพวกนั้นได้อย่างไร?

 

 ทั้งสองมีจุดหนึ่งที่เหมือนกัน

 

 นั่นก็คือมังกรบรรพกาล

 

 เหล่าสว็อมพ์แมมม็อธเป็นของเอนคิดู…

 

 กรีนวินด์ถือกำเนิดขึ้นจากเศษเสี้ยวแห่งอันเคล…

 

 อินกองเคยคิดวิเคราะห์มาได้ถึงจุดนึ้ แต่บางอย่างก็ยังขาดหายอยู่

 

 เขาเพิ่งได้รับตัวต่อของปริศนาที่ขาดหายที่ว่า เหลือก็แต่เพียงนำมันมาปะติดปะต่อกับเรื่องที่ค้างคาเท่านั้น!

 

‘นายท่าน! ระวัง!’

 

 เสียงร้องของกรีนวินด์ดังขึ้นดึงสติของอินกองกลับมา ห่างไปไม่ไกลคือซอมบี้ดราก้อน นัยน์ตาของมันเป็นแสงสีม่วงที่ดูชั่วร้าย ลักษณะเช่นเดียวกับจากบาโคโรฟที่พวกเขาเห็นที่ชายแดน

 

 แววตาอันเคียดแค้นของมันจ้องตรงมายังอินกอง ราวกับเป็นแววตาของพวกกลุ่มนิรนามที่ถูกกลืนกินจากการร่ายพิธีกรรมคาถา

 

 มังกรดำพาติซาน มังกรผู้ชั่วร้ายที่สิ้นลมหายใจจากหอกอาซคาลัน และเป็นในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจก่อนมันจะได้ลิ้มรสชัยชนะที่มันรอคอย

 

 ความแค้นนี้ถูกส่งผ่านออกมาทางดวงตาอันน่าสะพรึงกลัวของพาติซาน สายตานั้นเกินพอที่จะทำให้เหยื่อที่ถูกจ้องตัวสั่นเทาด้วยความกลัว

 

 สิ้นเสียงคำรามที่สะเทือนไปทั่วอาณาบริเวณ พาติซานก็เริ่มเคลื่อนไหว เศษเนื้อและกระดูกเน่าเฟะเคลื่อนที่ไปตามพื้น ปีกที่ฉีกขาดทั้งสองกางออกปกคลุมเพดานของลานปราสาท

 

 เฟลิซีร้องออกมา ไวท์อีเกิ้ลรีบบินพาอินกองไปหานาง และท่ามกลางความโกลาหลนี้ อินกองก็สังเกตเห็นบางอย่าง

 

ตึง ตึง ตึง ตึง!

 

 หัวหน้าผู้พิทักษ์ออกวิ่ง

 

 แน่นอนว่ามันยังไม่ลืมเลือนศัตรูคู่อาฆาต จะมังกรดำหรือว่าซอมบี้ดราก้อน ยังไงเสียการกำจัดพาติซานก็มีความสำคัญเหนือการกำจัดผู้บุกรุก

 

 ผู้พิทักษ์ตนอื่นก็เช่นกัน พวกมันพุ่งกรูตามหัวหน้าโกเล็มไปยังพาติซาน สมรภูมิหลักเปลี่ยนที่อย่างรวดเร็ว

 

 เฟลิซีตั้งสติกลับมา นางหันไปทางอินกองและเห็นกลุ่มนิรนามไล่ตามเขามา หลังจากที่พวกมันได้รับพลังใหม่ที่ชื่อว่าซอมบี้ดราก้อน ทำให้พวกมันไม่ต้องพะวงกับเหล่าผู้พิทักษ์

 

“เปลวเพลิง!”

 

 เฟลิซีร่ายม่านเพลิงเข้าขัดขวางเส้นทางของศัตรู เสียงคำรามของพาติซานและสายฟ้าของหัวโกเล็มดังสนั่น บ่งบอกว่าทั้งสองกำลังเข้าปะทะกัน

 

“คุร่าฮ์!”

 

 คารัคคำรามออกพลางจับขวานของมันแน่น ไอพลังสีม่วงจากพาติซานแผ่เข้าปกคลุมเหล่าสัตว์อสูรที่อยู่ในบริเวณ ทำให้พวกมันคลุ้มคลั่งบุกเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย ร่างที่ถูกคลอกด้วยเปลวไฟพุ่งกระโจนเข้าโจมตีกลุ่มของอินกอง ราวกับพวกมันต้องการใช้เปลวไฟที่ห่อหุ้มร่างของพวกมันเป็นอาวุธก็ไม่ปาน

 

 คารัคและกัมมะเข้าปกป้องเฟลิซีที่กำลังเสริมพลังให้ม่านเพลิงที่นางสร้างขึ้น อินกองที่ขี่อยู่บนไวท์อีเกิ้ลพุ่งเข้าหาสมาชิกของเขาอย่างเร่งรีบ

 

 ไวท์อีเกิ้ลกระแทกอย่างจังใส่หลังของสัตว์อสูรที่กำลังกระโจนเข้าใส่คารัค พร้อมร่างของอินกองที่กระโดดลงมายืนบนพื้น อินกองและเฟลิซีสบตากันชั่วครู่ ไม่ต้องพูดอะไรมากมายก็บ่งบอกได้ว่าทั้งสองมีความคิดเหมือนกัน

 

 พวกเขาต้องหาวิธีกำจัดซอมบี้ดราก้อน หากผู้พิทักษ์ถูกทำลายหมดสิ้น แน่นอนว่าเป้าหมายถัดไปของมังกรผู้เคียดแค้นย่อมเป็นพวกเขา

 

‘ข้าสัมผัสได้ว่ามันยังคืนชีพไม่สมบูรณ์ ยิ่งเวลาผ่านไป พวกเราจะยิ่งเสียเปรียบ นายท่านต้องรีบทำอะไรสักอย่าง’

 

 กรีนวินด์บอกกับอินกอง เฟลิซีเอ่ยบางอย่างที่ไม่ต่างกันออกมาเช่นกัน

 

“ไอ้มังกรนั่นยังดูเทอะทะอยู่ พิธีกรรมของพวกนั้นทำอย่างเร่งรีบ ฉันรับรู้ถึงพลังเวทที่ไม่เสถียรเล็ดลอดออกมา ถ้าพวกเราทำลายแกนพลังของมันได้ละก็… ”

 

 เฟลิซีพูดยังไม่ทันจบก็มีเสียงบางอย่างเกิดขึ้น เฟลิซีจึงลดม่านเพลิงของนางลงเล็กน้อยเพื่อให้ทั้งหมดสังเกตเหตุการณ์

 

 พลังบางอย่างกำลังควบแน่นอย่างรุนแรง กระทั่งคารัคและกัมมะที่อ่อนหัดในเรื่องเวทมนตร์ก็สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน

 

 ร่างกายของอินกองสัมผัสได้

 

 นี่คือพลังของสิ่งที่เรียกว่ามังกร

 

 ถึงแม้มันจะสูญเสียสติและกลายเป็นเพียงสัตว์อสูรที่บ้าคลั่ง แต่มันก็ไม่ได้สูญเสียพลังของมันไป สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเป็นหลักฐานอย่างชัดเจนว่าสัตว์ร้ายตนนี้คือมังกร

 

 คลื่นลมหายใจมังกร

 

 คลื่นพลังสีม่วงถูกพ่นออกมาจากปากของพาติซาน ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่บาโคโรฟเคยแสดงให้พวกเขาเห็น หัวหน้าโกเล็มที่หลบไปอย่างฉิวเฉียดสูญเสียไหล่ซ้ายไป คลื่นพลังนี้แผ่กระจายออกไปทั่วบริเวณ ทุกสิ่งที่อยู่ในรัศมีล้วนสลายมลายหายไปหมดสิ้น ไม่เหลือกระทั่งเถ้าธุลี

 

 หลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่กลางลานปราสาท ส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วปราสาทธันเดอร์ดูม

 

 ราวกับเวลาได้ถูกหยุดเอาไว้ หรืออย่างน้อยทุกชีวิตที่อยู่ ณ บริเวณลานปราสาทก็คิดเยี่ยงนั้น

 

 ทิวทัศน์ตรงหน้าทำให้คารัคแทบจะลืมหายใจเลยทีเดียว มันหัวเราะออกมาราวกับเสียสติ

 

“ไหนบอกว่ามันยังดูเทอะทะไง?”

 

 นี่มัน? ฝีมือของมังกรนั่น?!

 

‘มันยังไม่สมบูรณ์! พลังของมันยังถูกจำกัดไว้อยู่!’

 

 เสียงตะโกนของกรีนวินด์ดังขึ้น อินกองได้แต่เห็นด้วยกับนาง แม้แต่มังกรในยามปกติยังเลือกจะใช้การพ่นพลังโจมตีในยามจำเป็น นั่นเพราะมันสร้างภาระให้กับร่างกาย ยิ่งเป็นซอมบี้ดราก้อนที่คืนชีพอย่างไม่สมบูรณ์ด้วยแล้ว พลังทำลายล้าง และจำนวนครั้งที่มันสามารถใช้ได้ย่อมถูกจำกัดอยู่

 

 หัวหน้าโกเล็มที่ผ่านศึกกับมังกรมามากมายย่อมรู้เรื่องนี้เช่นกัน มันใช้แขนที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวคว้าค้อนพุ่งเข้าโจมตี

 

 อินกองไม่สามารถปล่อยให้เหล่าผู้พิทักษ์ถูกทำลายหมดได้ เขานำอาซคาลันออกจากช่องเก็บของ หอกพิฆาตมังกรเรืองแสงสีทองออกมาราวกับรับรู้ถึงศัตรูที่มันถูกสร้างมาเพื่อกำจัด ก่อนรูปร่างของหอกจะเปลี่ยนไป

 

 ผลงากเอกของดวอฟชิ้นนี้สามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างให้เข้ากับเจ้านายของมัน อาซคาลันกลายเป็นหอกที่ดูราวกับสร้างเพื่อให้มนุษย์ใช้ ด้ามจับเปลี่ยนไปกลายเป็นลักษณะที่เหมือนถูกออกแบบให้ใช้กำปั้นสวม บริเวณที่ติดกับด้ามเพื่อป้องกันมือจับขยายยาวขึ้น มีร่องมากมายเพิ่มขึ้นเพื่อลดแรงต้านอากาศเวลาพุ่งแทง ความยาวโดยรวมจากสองเมตรก็ลดเหลือเพียงหนึ่งเมตรครึ่ง

 

 เป็นหอกที่ถูกออกแบบมาสำหรับใช้พุ่งแทง มีประกายสายฟ้าปะทุขึ้นรอบตัวหอก

 

 อินกองสวมอาซคาลันด้วยมือข้างที่สวมพสุธากัมปนาท อาวุธทั้งสองดูจะไม่เป็นมิตรกันนัก นั่นคือที่มาของประกายสายฟ้า และเสียงคำรามที่ดังขึ้นของพสุธากัมปนาท

 

 อินกองปีนขึ้นขี่ไวท์อีเกิ้ลอีกครั้ง เฟลิซีเพิ่มระดับม่านเพลิงขึ้น สายฟ้าจากค้อนของหัวหน้าโกเล็มสว่างวาบตามมาด้วยเสียงที่ดังสนั่น

 

บรึ้ม!

 

 เสียงระเบิดดังขึ้นในช่วงเวลาที่ไวท์อีเกิ้ลออกตัว สายฟ้าพุ่งเข้าระเบิดอกของพาติซาน แม้เสียงคำรามของมังกรจะดังออกมา แต่มันก็ใช้ขาทั้งสองเหยียบผลักหัวหน้าผู้พิทักษ์กระแทกลงกับพื้น

 

 เสียงจากการต่อสู้ดั่งสนั่นและสร้างความสับสนไปทั่วสนามรบ อินกองรวบรวมลมปราณไปที่แขนขวาของเขาระหว่างที่ไวท์อีเกิ้ลพาเขาเข้าใกล้เป้าหมาย แต่นั่นก็ไม่เล็ดลอดสายตาของพาติซานไปได้

 

 แรงกดดันที่ถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นยักษ์สึนามิ

 

 อาคมของพาติซานเข้าครอบงำอินกอง แม้อัสสุภูติราตรีจะช่วยป้องกันจิตใจของเขาไว้ได้ แต่ร่างกายของเขาก็ได้รับผลกระทบ

 

 ช่องโหว่ที่ปรากฏขึ้นตามมาด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พาติซานที่ยังจับหัวหน้าโกเล็มไว้อยู่หมุนตัว หางที่ยาวราวสิบเมตรของมันหมุนอย่างรวดเร็วฟาดผ่านอากาศ อินกองรับรู้ราวกับเขาวิ่งเข้าชนกำแพงขนาดใหญ่อย่างจัง

 

 มันเกิดขึ้นเร็วกว่าที่อินกองกับกรีนวินด์จะทันตั้งตัว

 

“ฉัตร!”

 

 เสียงกรีดร้องของเฟลิซีดังขึ้น ร่างของอินกองปะทะกับแรงอันมหาศาลและพุ่งกระแทกเข้ากับพื้น

 

‘นายท่าน! นายท่าน!’

 

 เสียงร้องอย่างกระวนกระวายดังขึ้นจากไวท์อีเกิ้ลที่อยู่ติดกับอินกอง ทว่าอินกองไม่สามารถแม้แต่จะตอบรับนาง ร่างกายของเขารับความเสียหายอย่างรุนแรง จนแม้แต่จะหายใจก็เต็มกลืน

 

 คารัควิ่งพุ่งเข้าไปหาเจ้านายของมัน เฟลิซีคลายกำแพงไฟของของนางก่อนจะวิ่งหาอินกองโดยมีกัมมะคอยคุ้มกัน

 

 เสียงอันดังสนั่นจากการต่อสู้ยังคงดำเนินต่ออย่างไม่หยุดยั้ง

 

“ฉัตร! ฉัตร!”

 

 เฟลิซีล้มลงข้างอินกองพลางรีบร่ายเวทมนตร์รักษา กัมมะรีบเทน้ำยาฟื้นฟูเข้าปากอินกอง ก่อนจะต้องต่อสู้กับสัตว์อสูรที่เข้าโจมตีอย่างไม่พลาดโอกาส

 

“พรไง! แกใช้พรคนธรรพ์แบบทุกทีไม่ได้หรือไง?”

 

 คารัคร้องตะโกนขึ้น ขวานของมันปะทะเข้ากับศัตรูที่เข้าโจมตีจากทุกทิศทาง

 

 พรที่ว่าคือแสงที่เรืองขึ้นฟื้นฟูร่างกายในยามที่อินกองเพิ่มระดับเลเวล

 

 ทว่าไม่มีแสงที่ว่าเกิดขึ้นแต่อย่างใด หลังจากที่เขาเพิ่มเลเวลหลังจากกำจัดบาโคโรฟ เลเวลของเขาก็เพิ่มได้ยากขึ้น

 

 เฟลิซียังคงร่ายเวทมนตร์รักษาของนางอย่างต่อเนื่อง และกัมมะยังคอยหาโอกาสกลับมาเทน้ำยาฟื้นฟูหลากชนิดเข้าปากอินกอง ก่อนจะกลับไปต่อสู้กับศัตรูที่เข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน

 

“แค่ก!”

 

 อินกองไอออกมาอย่างติดขัด และในเสี้ยววินาทีนั่นเอง ลมหายใจมังกรของพาติซานก็แผ่กระจายโจมตีออกมาอีกครั้ง อินกองไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เสียงการต่อสู้ยังคงดังขึ้นต่อ

 

 เขามองสำรวจผ่านทางแผนที่ย่อ กลุ่มนิรนามที่เหลือเลือกจะกำจัดเหล่าผู้พิทักษ์ก่อนแล้วค่อยมาจัดการกับคณะของอินกอง ส่วนหัวหน้าผู้พิทักษ์ก็ยังคงต่อสู้กับพาติซาน

 

 เหลือเวลาไม่มากแล้ว เขาต้องรีบกำจัดพาติซานในระหว่างที่หัวหน้าโกเล็มยังไม่ถูกทำลาย

 

‘นายท่าน’

 

 แม้โสตประสาททั้งหมดจะตะโกนร้องบอกให้เขานอนพัก แต่อินกองก็กลั้นใจขยับร่างกายของเขาให้ลุกขึ้น น้ำยาฟื้นฟูหลากหลายชนิดถูกดื่มเข้าปากอินกองอย่างหิวกระหาย

 

“ช่วยพยายามดึงความสนใจมันทีครับ”

 

 อินกองหันไปพูดกับเฟลิซีที่มองมาที่เขาอย่างห่วงใย

 

“ไม่ใช่ว่าพวกเราควรจะรีบหนีไปตอนนี้หรือ?”

 

“ขอโทษครับ”

 

“เอาเถอะ ยังไงมันก็ไม่ใช่วิสัยของเอลฟ์รัตติกาลที่จะหนีทัพ แต่ฉันคงจะดึงความสนใจมันได้แค่ครั้งเดียว”

 

 อินกองพยักหน้า ผลจากน้ำยาปลุกภวังค์ช่วยให้เขาตื่นตัวลืมความเจ็บปวดชั่วขณะ

 

“ครั้งเดียวก็เกินพอครับ”

 

 การสู้กับสัตว์ร้ายแบบนี้ ยิ่งยื้อก็มีแต่จะเสียเปรียบ เขาต้องทำเช่นเดียวกับทีนี่ สปาร์ค นั่นก็คือทุ่มจัดการกับมันในการโจมตีครั้งเดียว

 

‘นายท่าน’

 

 กรีนวินด์ร่ายพรให้กับอินกอง พรเดียวกับที่นางร่ายให้เขาในที่ราบอินคา

 

 อินกองมองไปยังซอมบี้ดราก้อนขนาดมหึมา เขารวมพลังปราณมากขึ้น มากยิ่งกว่าตอนที่เขาใช้กระสุนสังหาร

 

“ลุยกันเถอะ”

 

 แล้วเฟลิซีก็ให้สัญญาณท่ามกลางเสียงอันดังสนั่นที่ดังขึ้นอีกครั้ง