ความเงียบ ทุกอย่างตกลงอยู่ในความเงียบ สายลมพัดทรายบนพื้นออกไปและตัวจับเวลาสำหรับรอบต่อไปก็ดังขึ้น ปรากฏบุคคล 2 คนขึ้นมาบนผืนทรายเป็นผู้หญิงและชายหนุ่มที่จับมือของผู้หญิงอยู่ขึ้นมา

ใช่แล้วนั่นคือผมเอง ผมยืนนิ่งอยู่ในท่ามองตรงไปยังดวงตาของเอเลนอร์ที่กำลังสั่นสะท้านอยู่ ผมรู้ตัวเองได้โจมตีเข้าไปโดนจุดอ่อนไหวในหัวใจของเธอแล้ว สำหรับคำสารภาพของผมนั้นมีเพียง 2 คำตอบเท่านั้นและผมรู้ว่าเธอจะเลือกคำตอบข้อไหน

ดวงตาของเอเลนอร์สั่นไหวอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะกลับคืนมาสู่สภาพปกติ เธอหลับตาลงก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ และในตอนที่เธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็หลงเหลือเพียงความเงียบสงบในดวงตาของเธอเท่านั้นที่ยังคงอยู่

“ออสติน ฉันมีความสุขมากที่ได้ยินคำสารภาพของเธอ เธอน่าจะรู้นะว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นแบบไหน ลืมความรู้สึกนั้นไปเลยดีกว่าเพราะเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น”

เมื่อได้ยินคำตอบของเธอผมก็ไม่แปลกใจเลยเพราะมันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้เธอยอมรับความรู้สึกเหล่านั้นได้ง่ายๆ แม้ว่าจะมีเมล็ดแห่งความรักอยู่ตอนนี้ แต่มันก็แค่เมล็ด วิธีเดียวที่จะผลักดันไปข้างหน้าคือผมต้องกดดันเธอต่อไป 

ดังนั้นผมเลยทำเพียงแค่ยิ้มให้กับคำตอบของเธอ

“เอเลนอร์”

ในตอนที่ผมเรียกชื่อเธออีกครั้งผมก็สังเกตเห็นดวงตาของเธอที่สั่นไหวพร้อมทั้งอารมณ์แห่งความสุขแปลกๆ ที่ไหลผ่านได้

ผมพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะสามารถเปล่งออกมาได้

“ผมรู้ว่าความรู้สึกของผมไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องและมันอาจจะดูเป็นเรื่องต้องห้ามด้วยซ้ำ แต่นี่คือความรู้สึกของผม และผมจะไม่ทิ้งมันไป แม้ว่าจะต้องใช้เวลานับพันปี ผมก็จะรอให้คุณยอมรับผม แม้มันจะหมายถึงการถูกตีตราว่าเป็นลูกศิษย์คิดล้มครูก็ตาม”

‘ช่างเป็นคำพูดที่ดีจริงๆ! ว่างั้นไหมระบบ?’

[ ครับ โฮส ]

ใช่แล้วนี่คือคำพูดที่ผมบันทึกไว้ในระบบ ผมต้องนั่งอยู่คนเดียวในขณะที่เผาผลาญเซลล์สมองของตัวเองเพื่อจดจำเรื่องราวความรักต่างๆ ของอาจารย์กับลูกศิษย์ ผมไล่อ่านพวกมันเพื่อให้ได้คำพูดที่เปลี่ยนหัวใจของอาจารย์ได้และดูเหมือนว่าพวกมันจะมีประโยชน์จริงๆ เมื่อผมมองเข้าไปยังดวงตาที่สั่นไม่หยุดของเอเลนอร์ ผมก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้ผู้แต่งที่คิดคำพูดสุดเลี่ยนพวกนี้ขึ้นมาได้ วิธีที่ดีที่สุดที่จะได้อาจารย์ของผมคนนี้คือพยายามพ่นคำพูดเหล่านั้นออกไป

“ออสติน เธอนี่มัน!!”

เอเลนอร์พูดไม่ออกเลย เธอไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะจดจำคำพูดเหล่านั้นไว้ในใจ 

ในตอนนั้นเองที่เสียงของเจ้าปีศาจได้ดังขึ้นมาขัดจังหวะ

“โอ้วว ช่างเป็นสถานการณ์ที่โรแมนติกจริงๆ ข้าอดไม่ได้เลยที่จะหลั่งน้ำตาออกมา”

คำพูดของปีศาจเต็มไปด้วยการเสียดสีและดูถูกเหยียดหยาม

“ความรักโง่ๆ ของแกที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่สมหวัง มาดูกันว่าในรอบต่อไปแกจะรอดไปได้ยังไง ข้าจะจัดการให้เหลือแต่ซากศพของแกเลย”

ทันทีที่ปีศาจพูดจบมันก็ดีดนิ้วก่อนที่ทิศทัศน์จะเริ่มเปลี่ยนไปพร้อมกับพื้นที่ที่เริ่มมีการกระตุกของมานาจำนวนมากและสิ่งต่อมาที่ผมรู้คือตัวเองได้มาอยู่ในพื้นที่ป่าซะแล้ว

ผมสัมผัสได้ถึงสายลมและเสียงคำรามของสัตว์ร้ายอย่างชัดเจน โลกนี้ไม่ได้เป็นเพียงภาพลวงตาอีกต่อไปแล้ว

ผมหยิบคันธนูออกมาและยืนขึ้นหน้าเอเลนอร์เพื่อปกป้องเธอ

ในตอนนั้นเองเจ้าปีศาจก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

เสียงของมันพร่ามัวและรูปร่างของมันก็ดูเหมือนกับภาพดวงตา ดูเหมือนว่าเจ้าปีศาจจะใช้พลังในระดับที่มากอยู่พอตัวเพื่อสร้างโลกนี้ขึ้น

“รอบต่อไปนั้นเรียบง่ายมาก ไม่ว่าจะล่าหรือถูกล่า ในป่านี้มีสัตว์ร้ายอยู่หลายล้านตัว ระดับพลังต่ำสุดคือต้นกำเนิดขั้น 5 เพื่อเอาชนะการทดสอบนี้แกเพียงแค่ต้องตามล่า 5 โอเวอร์ลอร์ดของป่าแห่งนี้”

เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าปีศาจผมก็พ่นลมหายใจออกมา ไม่มีทางที่การทดสอบจะง่ายขนาดนี้แน่ๆ และผมก็คิดถูกแล้ว

“อ๊ะ ข้าลืมบอกไปเลยว่าสัตว์ร้ายโอเวอร์ลอร์ดแต่ละตัวนั้นจะอยู่ในระดับจักรพรรดิ”

“Fuck you!!”

เมื่อได้ยินคำพูดของไอ้สารเลวนั่นผมก็อดไม่ได้ที่จะสถบออกมา ระดับจักพรรดิแม่มึงสิ!! ดูเหมือนไอ้สารเลวนั่นตั้งใจจะฆ่าพวกเราทั้งคู่

แต่คำพูดของเจ้าปีศาจยังไม่จบลงเพียงแค่นั้น

“โอ้วอีกอย่าง!! นอกจากนี้ยังมีข้อเท็จจริงที่ว่าทุกๆ วันตำแหน่งของแกจะถูกส่งไปยังสัตว์ร้ายต่างๆ และแกจะต้องเผชิญหน้ากับฝูงสัตว์ร้ายจำนวนมหาศาลที่มีสติปัญญา”

ทันทีที่ปีศาจพูดจบมันก็หัวเราะอย่างมีความสุขและหายไป

ผมเห็นได้ว่าใบหน้าของเอเลนอร์ซีดลงเล็กน้อย เงื่อนไขสุดท้ายที่เจ้าปีศาจวางไว้คือการผลักผมออกจากเอเลนอร์

หากทิ้งความจริงที่ว่าผมต้องตามล่าโอเวอร์ลอร์ให้หมดไปแล้ว แค่ความจริงที่ว่าผมต้องเผชิญหน้ากับฝูงสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ในป่ากับเอเลนอร์ทุกวันก็ทำให้ผมหมดแรงแล้ว

“ออสติน…”

เมื่อก้มหน้าลงมาผมก็เห็นดวงตาที่แน่วแน่ของเอเลนอร์ ผมเห็นได้ว่าเธอตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรผมก็ชิงพูดตัดหน้าเธอซะก่อน

“ไม่มีทาง ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร ผมก็จะไม่ทอดทิ้งคุณไว้หรอก แม้ว่าผมจะต้องตายก็ตาม”

‘แน่นอนว่าผมจะไม่ตายหรอกนะ’

โดยไม่ฟังคำคัดค้านของเธอ ผมอุ้มเธอขึ้นในท่าอุ้มเจ้าหญิงและเริ่มวิ่งเนื่องจากสัตว์ร้ายทุกตัวกำลังวิ่งมาทางพวกเรา

เอเลนอร์ที่อยู่ในอ้อมแขนของออสตินนั้น หัวใจของเธอไม่สงบเลย เธออยากจะประท้วง เธออยากจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายเธอก็ทำไม่ได้ ไม่ว่าเธอจะบอกว่าเธอไม่สนใจเขาเท่าไหร่ แต่ลึกๆ ในใจของเธอเธอรู้ว่าตัวเองกำลังผูกพันกับออสตินและสิ่งนี้ทำให้เธอกลัว

เอเลนอร์เป็นสตรีแห่งการกระทำ เมื่อเธอตัดสินใจเลือกอะไรแล้ว เธอจะปฏิบัติตามความตั้งใจนั้น เหตุใดกันเธอถึงไม่สามารถปฏิบัติตามหลักการนั้นกับออสตินได้กัน

เหตุใดใจของเธอถึงยินดีที่ได้อยู่กับศิษย์ของตัวเอง เหตุใดเธอถึงไม่โกรธเคืองที่เขาเรียกชื่อเธอห้วนๆ กัน เหตุใดที่ร่างกายของเธอถึงรู้สึกยินดีที่ถูกเขาสัมผัสกัน

เธอต้องการป้องปกลูกศิษย์ของเธอจากตัวเอง เธอต้องการให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นโดยตัดขาดจากเธอ ตัดความรู้สึกเหล่านั้นออกไป

แต่แล้วทำไมกัน ทำไมเธอถึงดีใจในตอนที่เขาปฏิเสธและไม่ยอมทำตามคำพูดของเธอกัน?

ทำไมใจของเธอถึงเต้นแรงกับเขาแบบนี้?

ทำไมหัวใจเธอถึงเต้นแรงขนาดนี้กัน?

 

 

 

-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy 
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต