บทที่ 41 บาดแผล

วินาทีที่เห็นเจียงหยุนเอ๋อพุ่งตัวเข้ามา ใบหน้าของถวนจื่อจึงเริ่มปรากฏร่องรอยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในที่สุด พลางโผเข้าสู่อ้อมกอดเจียงหยุนเอ๋อเอ่ยขึ้น “หยุนเอ๋อ ผมเจ็บ”

เจียงหยุนเอ๋อดึงมือเขาขึ้นมา เมื่อเห็นบาดแผลเหล่านั้น น้ำตาเอ่อขึ้นแทบไหลอาบแก้ม “ถวนจื่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ถวนจื่อมองไปยังน้ำตาเจียงหยุนเอ๋อที่เอ่อล้นอยู่ พลันยิ่งรู้สึกเสียใจที่ระบายความรู้สึกเจ็บกับเจียงหยุนเอ๋อไปเมื่อครู่ จึงรีบเอ่ยปลอบ “หยุนเอ๋อ ผมโกหกแม่น่ะ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้เจ็บเท่าไหร่หรอกครับ”

ในความเป็นจริงแล้ว เป็นดังที่เจียงหยุนเอ๋อคาดคิด เมื่อครู่ที่ถวนจื่อจับมือทักทายกับผู้แข่งขันรายอื่น กลับโชคร้ายถูกลอบทำร้าย ฝ่ายตรงข้ามแอบซ่อนตะปูแหลมไว้กลางมือ ใช้โอกาสเมื่อจับมือกันนั้นทิ่มทำร้ายมือของถวนจื่อ เหตุเพราะเกรงจะพลาดโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ถวนจื่อไม่ปริปาก ไม่ป่าวประกาศออกไปเลย อดทนกดเก็บความเจ็บปวดจนผ่านการแข่งขันในครั้งนี้

ทว่าอย่างไรเขาก็บาดเจ็บอยู่ เป็นเพราะต้องอดกลั้นความเจ็บปวดโดยตลอด ทำให้การแข่งขันในครั้งนี้ของถวนจื่อแสดงผลงานได้ไม่ดีนัก ท่วงท่าเซื่องซึมลงชัดเจน

อย่างไรก็ตาม… ท้ายที่สุดเขาก็เอาชนะการแข่งขันในครั้งนี้มาจนได้

ผู้จัดการประลองเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่คาดฝันอย่างนี้เกิดขึ้น ก็มีท่าทีตื่นตกใจพลางเดินเข้ามา เมื่อเห็นบาดแผลถวนจื่อยิ่งร้อนรนเอ่ยขึ้น “เร็วเข้า พาเด็กคนนี้ไปห้องพยาบาล”

เจียงหยุนเอ๋อตามถวนจื่อไปยังห้องพยาบาลก่อน ลี่จุนถิงกลับเดินออกมาก่อน พลางเอ่ยกับผู้จัดการประลองสีหน้านิ่งขรึม “เรื่องนี้ หวังว่าพวกคุณจะหาทางออกที่น่าพอใจให้กับผมได้”

ฝ่ายผู้จัดก็รู้ว่าลี่จุนถิงไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยได้ ดูไปแล้วถวนจื่อราวกับจะเป็นคนที่เขาพามา เห็นดังนั้นหน้าผากพลันมีเหงื่อเย็นผุดขึ้น

อะไรจะบังเอิญได้ขนาดนี้ ดันเป็นเด็กคนนี้ที่โดนคนอื่นทำร้ายไปได้?

ในห้องพยาบาล หมอกำลังตั้งอกตั้งใจล้างทำความสะอาดแผลให้กับถวนจื่อ

เมื่อเห็นเลือดเต็มฝ่ามือถวนจื่อ น้ำตาของเจียงหยุนเอ๋อที่กลั้นเอาไว้ก็อดไม่ได้หยาดลงมาตามแก้ม พลางพร่ำบอกหมอ “คุณหมอ ช่วยเบามือกว่านี้จะได้ไหมคะ?

หมอสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงที่เจียงหยุนเอ๋อมีต่อถวนจื่อ จึงยิ้มอย่างอ่อนโยน “วางใจเถอะ ฉันจะระมัดระวังเป็นอย่างดี”

แม้ถวนจื่อจะมีเลือดออกเต็มไปหมด แต่จริงๆ แล้วบาดแผลไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิด สภาพก็ไม่ได้แย่นักแต่แม้จะเป็นอย่างนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็ยังรู้สึกเจ็บปวดจนน้ำตาไหลริน เอามือกุมไว้ที่ปากพูดไม่ออกอยู่นาน

“หยุนเอ๋อ อย่าร้องไห้เลย” ถวนจื่อหันหน้ามา สายตาทั้งคู่จ้องมอง เจียงหยุนเอ๋อที่น้ำตาไหลไม่หยุด ใบหน้าเขามีรอยยิ้มขึ้น “ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ ลูกผู้ชายจะมีเลือดตกยางออกนิดหน่อยไม่เป็นอะไรหรอก”

ในตอนนั้นลี่จุนถิงก็มาถึงห้องพยาบาลแล้วเหมือนกัน มองไปยังถวนจื่อที่กำลังรักษาบาดแผลอยู่นั้น สีหน้าปรากฏแววหม่นหมองนิ่งงัน

เมื่อเห็นลี่จุนถิง ถวนจื่อก็แย้มยิ้มออกมา พูดขึ้น “แด๊ดดี้มาแล้ว พ่อรีบอบรมหม่ามี้หน่อยสิ เขาเอาแต่ร้องไห้อยู่นั่นแหละ”

ลี่จุนถิงเดินไปหยุดอยู่ข้างกายเจียงหยุนเอ๋อตบบ่าเธอเบาๆ “เอาหล่ะ อย่าร้องไปเลย เธอดูสิถวนจื่อยังไม่ร้องเลย แล้วเธอจะร้องไห้เสียใจขนาดนั้นไปทำไมกัน?”

ในที่สุดเจียงหยุนเอ๋อก็กลั้นใจหยุดร้องไห้ได้เสียทีลี่จุนถิงปรายตาไปยังผู้ช่วยซู่จี้งยี้ที่อยู่ทางด้านข้าง ซู่จี้งยี้จึงพาบอดี้การ์ดส่วนหนึ่งออกไป

“พวกเขา…จะไปทำอะไรกัน?” เจียงหยุนเอ๋อมองตามไปแล้วเอ่ยถามขึ้น

สีหน้าของลี่จุนถิงนิ่งสงบเช่นเดิม พลางตอบ “ก็ต้องไปเอาตัวคนที่ทำร้ายถวนจื่อมาหน่ะสิ”

หลังจากนั้นไม่นาน ซู่จี้งยี้และเหล่าบอดี้การ์ดก็พาตัวเด็กคนหนึ่งและครอบครัวเดินเข้ามา

เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกคุ้นหน้าเด็กคนนั้น หลังจากสอบถามก็รู้ว่าเขาเองก็โชว์ฝีมือในการแจ่งขันครั้งนี้ได้ดีไม่น้อย แต่แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพื่อชัยชนะ เขากลับเลือกที่จะใช้วิธีสกปรกแบบนี้

เจียงหยุนเอ๋อหันหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากเห็นเขา กลัวว่าตัวเองจะควบคุมตัวเองไม่ได้พูดอะไรเกินกว่าเหตุออกไป แต่ว่าลี่จุนถิงไม่คิดอะไรมากขนาดนั้น เพราะอย่างนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องออมชอมอะไรกับพวกเขา

“คนอื่น ออกไปก่อน” ลี่จุนถิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

โดยพลัน ห้องพยาบาลก็เหลือเพียงคนไม่กี่คน

เมื่ออยู่ในสถานการณ์แห่งนี้ ผู้ปกครองสองคนนั้นก็รู้ได้นทันทีว่าตัวเองได้ยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่งเสียแล้ว ใบหน้าของทั้งคู่เริ่มซีดลง แล้วก็ผลักลูกที่อยู่ตรงหน้าออกไป พลางเอ่ยขึ้น “งงอะไรอยู่?ยังไม่ขอโทษคุณเขาอีกเหรอ”

“ขอโทษครับ” ใบหน้าของเด็กชายคนนั้นปรากฏแววไม่ยินยอม ลี่จุนถิงมองปราดเดียวก็มองออกว่าเขาไม่ได้รู้สึกผิดออกมาจากใจ

ลี่จุนถิงยิ้มเยาะขึ้น ผู้ปกครองทั้งสองคนต่างหน้าซีดยิ่งขึ้นไปอีก

“เอ่อ… คุณผู้ชายท่านนี้ ครั้งนี้ลูกเราทำผิดจริงๆ พวกเรายอมทดแทนให้ หากพวกท่านต้องการอะไรเรียนเชิญเอ่ยมาได้เลย ดีหรือไม่?” พ่อของเด็กชายกล่าว

ทว่าลี่จุนถิงไม่ทำดังนั้น เขาลากเด็กคนนั้นมาอยู่หน้าตัวเอง แล้วยกมือขึ้นสูง หลังจากเสียง “เพี้ยะ” “เพียะ” สองครั้ง จึงเห็นเขาตบหน้าเด็กคนนั้นอย่างแรงไปสองฉาด

หน้าของเด็กชายคนนั้นบวมแดงขึ้นมาทันที ดวงตาทั้งสองข้างของเด็กชายเริ่มเอ่อท้นด้วยน้ำตา แต่ก็พยายามกัดริมฝีปากกลั้นเอาไว้ ไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา

ลี่จุนถิงหัวเราะเยาะ “ลูกของพวกเธอเปลี่ยนเป็นแบบนี้ ทั้งหมดนี่ไม่ใช่เพราะพวกเธอสั่งสอนความชั่วร้ายให้ลูกเธอหรอกหรือ?”

พ่อแม่เด็กชายสั่งงันงก แล้วถามขึ้น “เอ่อ…คุณชายท่านนี้ ท่านคิดจะจัดการอย่างไร?”

ลี่จุนถิงปราดสายตามองพวกเขา แล้วเอ่ยขึ้น “ไปเอาตะปูอันนั้นออกมา”

ผู้ปกครองสองคนนั้นแม้ไม่รู้ว่าลี่จุนถิงจะทำอะไร แต่ก็ยอมให้เด็กชายเอาออกมาแต่โดยดี นำไปมอบให้ลี่จุนถิงกับมือ

ลี่จุนถิงยื่นมือออกมารับ แล้วหรี่ตามอง จดจ้องตะปูเล่มนั้นอยู่นานสองนาน ถึงจะเอ่ยปากขึ้น “อย่างนี้แล้ว ก็ลงโทษตามความผิดที่เขาทำเถอะ”

พ่อแม่คู่นั้นได้ยินอย่างนั้น สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว ลี่จุนถิงมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วเอ่ยขึ้น “วางใจเถอะ ฉันไม่อาฆาตแค้นอะไรกับเด็กหรอก ในเมื่อพวกคุณเป็นพ่อแม่ของเด็ก ก็รับความผิดในครั้งนี้แทนก็แล้วกัน”

พูดจบ ลี่จุนถิงเอาตะปูนั้นให้ซู่จี้งยี้ แล้วให้พ่อแม่คู่นั้นยื่นมือออกมา

ซู่จี้งยี้นำตะปูเล่มนั้นกรีดไปบนฝ่ามือของทั้งสองเป็นเส้น ทำให้เลือดสดๆ ทะลักออกมาในทันที

แม้จะเจ็บปวด แต่พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมากมาย เพียงร้องขอชีวิต

“ไสหัวไป” ลี่จุนถิงเอ่ยปากโดยไม่ปรายตามองพวกเขาแม้สักครั้ง

ผู้ปกครองทั้งสองรีบกุลีกุจอออกมาจนแทบคลานออกจากห้องพยาบาลแล้วหนีไป ตกใจลนลานจนลืมกระทั่งพาลูกตัวเองไปด้วย

ใบหน้าของเด็กชายคนนั้นเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและโกรธเกรี้ยว เมื่อกำลังจะเดินจากไป ถวนจื่อกลับเดินไปเบื้องหน้าเขา พลางหัวเราะเขา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารอยยิ้มของถวนจื่อจะทิ่มแทงเขาขนาดไหน เด็กชายคนนั้นเอ่ยขึ้นอย่างประสาทเสีย “นายหัวเราะอะไร?หัวเราะเยาะฉันอยู่เหรอ?”

ถวนจื่อสั่นหัว มองเขาอย่างตั้งใจ แล้วเอ่ยขึ้น “ต่อไปต้องตั้งใจลงมือ นายมีความสามารถ นับเป็นคู่ต่อกรที่เก่งทีเดียว”

เด็กชายคนนั้นตื่นตะลึงไปชั่วขณะ เขาอายุมากกว่าถวนจื่อหนึ่งปีแท้ๆ ในขณะนั้นกลับไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร น้ำตาพลันไหลออกมา กลับเข้าใจอะไรหลายเรื่องในชั่ววินาทีนั้น

“ขอโทษ… ขอโทษ… เป็นความผิดของฉันเอง… ไม่ควรรังแกนายในครั้งนี้เลย…” เด็กชายเอ่ยพร้อมน้ำตา ร้องไห้จนไหล่สั่นสะท้าน

ถวนจื่อใช้มือข้างที่ไม่เจ็บตบบ่าเขาเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไร อย่ายอมแพ้ ต้องสู้ต่อไปนะ”

เด็กชายคนนั้นพยักหน้าอย่างหนักแน่น

เมื่อเห็นภาพนี้ เจียงหยุนเอ๋อตะลึงงันทันที หากเปลี่ยนเป็นเขา คงไม่สามารถให้อภัยฝ่ายตรงข้ามได้อย่างนี้แน่นอน คาดไม่ถึงเลยว่า… ถวนจื่อคนนี้กลับซ่อนความเข้มแข็งเอาไว้

เมื่อลี่จุนถิงเห็นพวกเขาทั้งสองคน กลับหัวเราะขึ้นเบาๆ ราวกับพอใจกับสิ่งที่ถวนจื่อทำ