หญิงชราผู้นั้นเก็บเทียบเชิญและร้องตะโกนกลับไปว่า “ขออภัยที่ไม่ส่ง ขอท่านแม่ทัพโปรดถนอมตัวด้วย”
ทันใดนั้น เรื่องตลกเกี่ยวกับวังมังกรก็ดังกระหึ่มไปทั่วสำนักตู้เซียนอย่างรวดเร็ว
ความจริงแล้ว ผู้อาวุโสของสำนักทั้งสี่ได้มีการพูดคุยกันเรื่องนี้เป็นการภายในแล้ว และตกลงกันว่าจะแสร้งแสดงละครก่อนที่จะออกจากภูเขาเพื่อมาเผชิญหน้ากับมังกร ปรมาจารย์หว่างฉิงจะแสดงท่าทีเป็นมือปราบหฤโหด นักพรตเต๋าชราจะข่มขู่มังกร และหญิงชราจะแสร้งเป็นผู้ใจดีมีเมตตา
เซียนเทียนทั้งสามคนนี้ได้จัดวางบทบาทอย่างเหมาะสมและแสดงละครด้วยตัวเองโดยเล่นบทที่เหนือกว่าแม่ทัพผู้หยิ่งผยองจากวังมังกร
เดิมทีฉื้อหลงหวังเปิดฉากชิงลงมือเพื่อสร้างความอับอายให้สำนักตู้เซียน แต่กลับกลายเป็นเขาที่ตื่นตระหนกและได้รับความอับอายแทน เขาไม่กล้าแม้แต่จะใช้วาจาหยาบคายแล้วจากไปด้วยท่าทางบึ้งตึง
มังกรสร้างเมฆในขณะที่พยัคฆ์สร้างลมได้ และยากยิ่งนักที่จะได้เห็นภาพตระการตายามเมื่อมังกรครามบินข้ามทะยานผ่านหมู่เมฆเช่นนี้
“ศิษย์พี่ นี่คือโลกของผู้แข็งแกร่งหรือเจ้าคะ” หลันหลิงเอ๋อร์เอ่ยถามเสียงเบา
หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “อาจนับได้ว่าพวกเขาเป็นปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธ์ แต่ยังไม่ใช่ผู้แข็งแกร่ง…”
จากนั้นศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างก็หวนรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้วมองไปเบื้องหน้าพร้อมกันทันที
ถัดจากกรงเวทของอาจารย์ นักพรตเต๋าชราฉีหยวนกำลังปิดประตูกรงไม้อย่างเงียบๆ เตรียมที่จะหลบหนี…
หลันหลิงเอ๋อร์มองขึ้นไปบนท้องฟ้าแสร้งทำเป็นไม่ได้สังเกตเห็นการกระทำของท่านอาจารย์
ส่วนหลี่ฉางโซ่วหลับตาลงและจมอยู่ในห้วงความคิด ทำท่าราวกับว่ารู้สึกตื่นตะลึงที่เพิ่งได้ประจักษ์การต่อสู้ที่หายากระหว่างผู้บำเพ็ญชั้นปรมาจารย์
แต่ฉีหยวนจะไม่รู้ได้อย่างไรเล่าว่าศิษย์ทั้งสองคนนี้กำลังรักษาหน้าให้เขาอยู่
ชายชรามีเส้นสายสีดำสองสามเส้นปรากฏบนหน้าผากที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นของเขา ใบหน้าชราของเขาไม่อาจปั้นหน้าตายไว้ได้ ริมฝีปากของเขาขยับไปมา แต่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยวาจาใดออกมา
“แค่กๆ! เอ่อ… แค่กๆ!…
ห้ามหัวเราะเด็ดขาด!
นี่เป็นครั้งแรกที่อาจารย์เผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ และข้าก็ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน!…
อย่างแรกอาจารย์จะ…จะกลับไปปิดด่านบำเพ็ญต่อ!”
หลังกล่าวจบฉีหยวนก็หันกายแล้วเอามือบังหน้า เดินไปขึ้นก้อนเมฆและบินไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนศิษย์พี่ศิษย์น้องยืนอยู่ที่นั่นอย่างอดทน กระทั่งฉีหยวนกลับไปที่กระท่อมมุงจากและเปิดค่ายกลหลายชั้นแล้ว ทันใดนั้นพวกเขาต่างก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
อย่างไรก็ตามความผิดพลาดเช่นนี้ก็ถือเป็นการฝึกฝนการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้
โชคยังดีที่บรรดาศิษย์ของยอดเขาอื่นๆ ไม่มีใครสงสัยเรื่องสายฟ้าก่อนหน้า ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้ และเพราะว่ามังกรฉื้อหลงดึงดูดความสนใจของทุกคน มิฉะนั้นนักพรตฉีหยวนยามนี้คง…
อยากตายเป็นแน่
……
นี่ยังเป็นเรื่องดีที่พวกเขาไม่ได้เผชิญทัณฑ์สวรรค์อย่างกะทันหัน
หลังจากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็เริ่มกังวลว่าอาจารย์ของเขาจะนำโอสถล้ำค่าที่เขามอบให้ออกมาตรวจสอบดูหรือไม่
ทว่าเมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน แม้ว่าอาจารย์จะหยิบมันออกมาตรวจสอบ แต่เขาก็อาจไม่รู้จักโอสถสลายเซียน
เพราะฉีหยวนไม่ได้เชี่ยวชาญในการปรุงยา ชำนาญเฉพาะด้านค่ายกลเท่านั้น
นับตั้งแต่หนึ่งพันปีก่อนเมื่อฉีหยวนเข้าสู่สำนักครั้งแรก เขาก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเพิ่มพูนขอบเขตพลังของเขา อย่างไรก็ตามเนื่องจากรากฐานเต๋าของเขาได้รับความเสียหายจึงทำให้วิถีบำเพ็ญเพียรของเขายากลำบากนัก
และสาเหตุแท้จริงที่ทำให้ฉีหยวนขาดซึ่งความหวังที่จะรอดพ้นจากทัณฑ์สวรรค์ก็เพราะรากฐานเต๋าของเขาได้รับความเสียหาย
การช่วยอาจารย์รักษารากฐานเต๋าก็คือแผนการที่สาม เพื่อช่วยให้ท่านอาจารย์ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของเขาได้
ดูเหมือนว่าแผนการที่สามนี้จะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นแผนที่อันตรายและยากที่สุด
รากฐานเต๋าที่เสียหายของอาจารย์เกิดจากอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับในช่วงต้นๆ ของการฝึกฝน
หลี่ฉางโซ่วเคยพยายามถามอาจารย์หลายครั้งเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริงของอาการบาดเจ็บ ทว่าอาจารย์ไม่เคยตอบคำถามเหล่านั้นตรงๆ เขาเพียงตอบว่ามีข้อผิดพลาดบางอย่างในระหว่างการฝึกบำเพ็ญของเขาเท่านั้น
หลังจากได้รับบาดเจ็บ ผู้อาวุโสของสำนักจึงใช้โอสถมากมายเพื่อช่วยชีวิตของเขา
ในเวลานั้นมีฉีหยวนเพียงคนเดียวในยอดเขาหยกน้อย ปรมาจารย์ใหญ่ของเขาได้ออกจากภูเขาเพื่อเดินทางไปเมื่อเก้าร้อยปีก่อนและไม่เคยกลับมาอีกเลย
ในกระบวนการซ่อมแซมรากฐานเต๋าของเขา ฉีหยวนก็ได้รับโอสถในการรักษามากมายจากสำนัก ทว่ามันยังขาดสมบัติเวทล้ำค่าขั้นสวรรค์อยู่สองสามอย่าง
หลังจากอาการบาดเจ็บที่รากฐานเต๋าของฉีหยวนเสถียรแล้ว เขาก็ได้ฝึกบำเพ็ญต่อมาอีกสองสามร้อยปี ดูคล้ายกับว่าเขาจะฟื้นตัวเต็มที่ ทว่ารากฐานเต๋าที่เสียหายของเขานั้นไม่อาจย้อนกลับไปได้ดังเดิม และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรักษามันให้หายขาด
เฉกเช่นต้นไม้ที่เติบโตในทิศทางคดเคี้ยว มันก็จะเติบโตต่อไปในลักษณะนั้น กระทั่งท้ายที่สุด… มันก็เติบโตกลายเป็นต้นไม้ที่คดงอจนไม่อาจดัดแปลงรูปได้อีกต่อไป
อาการบาดเจ็บที่รากฐานเต๋าของฉีหยวนนั้นก็คล้ายคลึงกัน
หากต้องการรักษารากฐานเต๋าของฉีหยวน หลี่ฉางโซ่วก็จะต้องทำลายฐานพลังที่เขาสั่งสมมาหลายร้อยปี เขาต้องค่อยๆ ใช้วิชาเวทในการเปิดบาดแผลของรากฐานเต๋าที่ผนึกเอาไว้แล้ว และรักษารากฐานเต๋าอีกครั้งด้วยสมบัติเวทล้ำค่าขั้นสวรรค์
กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่จะเต็มไปด้วยอันตราย แต่ยังทำให้นักพรตเต๋าฉีหยวนต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดอย่างมากอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังยากอย่างยิ่งที่จะหาสมบัติเวทขั้นสวรรค์นั้นได้ และอย่างสุดท้าย…หลี่ฉางโซ่วเองก็ยังไม่มั่นใจเต็มที่ว่าเขาจะสามารถรักษารากฐานเต๋าที่เสียหายนั้นได้
ดังนั้นหลี่ฉางโซ่วจึงเลือกให้ความสำคัญกับแผนการแรกและแผนการที่สอง แล้วปิดผนึกแผนการที่สาม รวมถึงแผนทางเลือกสำรองอีกหกแผนเอาไว้ สำหรับตัวเขานั้นตัดสินใจจะใช้แผนเหล่านี้ในสถานการณ์ที่จำเป็นเท่านั้น
หลังจากเหตุการณ์ที่แม่ทัพวังมังกรมานั้น นักพรตเต๋าฉีหยวนก็ปิดด่านฝึกบำเพ็ญต่อไปอีกเป็นเวลาสองเดือน
สองเดือนต่อมา ฉีหยวนก็ออกมาเพื่อฟื้นฟูความสง่าผ่าเผยของเขาขึ้นมาใหม่ในฐานะอาจารย์ โดยตอบคำถามหลายข้อที่หลี่ฉางโซ่วเคยถามเขาไว้เมื่อครั้งก่อนอย่างละเอียด
ทว่าหลี่ฉางโซ่วได้เตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว เมื่อได้ยินคำอธิบายของฉีหยวน เขาก็ถามคำถามใหม่ไปอีกสองสามข้อ ฉีหยวนไม่อาจตอบคำถามเหล่านั้นได้อีกครั้ง เขาจึงมุ่งหน้ากลับไปที่กระท่อมมุงจากเพื่อเริ่มปิดด่านฝึกบำเพ็ญอีกครั้ง และปรับปรุงเต๋าวิถีของเขาต่อไป
ในช่วงเวลานั้นหลี่ฉางโซ่วก็คิดถึงเครื่องมืออีกสองสามอย่างที่อาจใช้ได้ในช่วงข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์
ครั้งนี้เมื่ออาจารย์ของเขาออกมาจากการปิดด่านบำเพ็ญเพียร หลี่ฉางโซ่วก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายลมปราณที่แผ่ออกมารอบกายของอาจารย์ของเขาได้เปลี่ยนแปลงไป
นี่เป็นสัญญาณว่า บัดนี้เขาตกเป็นเป้าหมายของเต๋าสวรรค์และกำลังจะเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์
ในเวลาไม่เกินสองปี ท่านอาจารย์ของเขาจะต้องเริ่มต่อสู้กับทัณฑ์สวรรค์อย่างแน่นอน และในเวลานั้นเขาช่วยอะไรไม่ได้เลย
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว การข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคนผู้หนึ่ง ซึ่งยากที่ผู้ใดจะยื่นมือเข้ามาจัดการได้
…..
หลังจากนั้นเวลาหนึ่งปีกับเก้าเดือนก็ผันผ่านไป…
ทัณฑ์สวรรค์ของฉีหยวนนั้น เปรียบเหมือนสตรีสูงวัยที่เพิ่งแต่งงานซึ่งมีท่าทีเขินอายและลังเลใจในคราแรก ทว่าในช่วงเวลาสำคัญมันก็กระแทกอย่างดุดัน…
…………………………………………………………………………………………………………………