ตอนที่ 32.1 แม้ว่าข้า...ฉีหยวนจะต้องตายภายใต้ทัณฑ์สวรรค์ในวันนี้! (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ในยามเที่ยง ที่ด้านหลังภูเขาของยอดเขาหยกน้อย พื้นที่ราบในป่าที่ได้รับการคัดเลือกเมื่อไม่กี่ปีก่อน…

นักพรตเต๋าชราฉีหยวนยืนถือแส้หางม้าอยู่ในกรงไม้ที่มั่นคงแข็งแรงยิ่ง

เวลานี้มีลำแสงส่องสว่างรอบกายเขา เสื้อคลุมไหมดาวสีฟ้าใหม่เอี่ยมของเขาเป็นอาวุธเวทสายป้องกันชั้นดี และยังทำให้นักพรตเฒ่าผู้นี้ดูอ่อนวัยลงไปอีกสองสามปี

เมื่อฉีหยวนกำลังเข้าใกล้ทัณฑ์สวรรค์เช่นนี้ สีหน้าของเขาจึงดูเคร่งขรึมอย่างยิ่ง

มีพลังลมปราณเล็กน้อยที่ไม่อาจอธิบายได้ไหลเวียนไปรอบกายของฉีหยวน ในบางครั้งก็มีกลีบบุปผาปรากฏขึ้นและลอยผ่านร่างของเขาก่อนจะสลายหายไปในสายลมบนภูเขา

ในขณะนั้น ศิษย์ทั้งคู่ของฉีหยวนยืนอยู่บนต้นไม้ห่างจากเขาออกไปหนึ่งร้อยจั้ง

หลันหลิงเอ๋อร์มองอาจารย์อย่างกังวล ในขณะที่นิ้วเรียวยาวของนางเขี่ยเล่นพู่ไหมสีน้ำเงินที่ห้อยอยู่ข้างลำตัว

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้ ร่างกายของหลันหลิงเอ๋อร์เจริญวัยขึ้นเล็กน้อย เอวคอดเพรียวบางของนางที่พันด้วยผ้าคาดเอวถูกโอบได้ด้วยเพียงมือข้างเดียว ชุดกระโปรงยาวลากพื้นสะท้อนให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอันงดงามของนาง ทำให้เมื่อมองจากระยะไกลหรือใกล้ล้วนไร้ที่ติ

เมื่อเทียบกับสองปีที่แล้ว ใบหน้าที่งดงามของนางดูอ่อนโยนขึ้น แต่นางก็ยังคงดูแบบบางประณีตปราดเปรียวว่องไว

ส่วนหลี่ฉางโซ่วนั้นยืนอยู่บนยอดไม้อีกต้นหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหลันหลิงเอ๋อร์ เขายังคงแต่งกายด้วยเสื้อคลุมยาวธรรมดา เขาถือใบไผ่อยู่ในมือซ้าย และถือมีดแกะสลักอยู่ในมือขวาของเขา เวลานี้พลังปราณสัมผัสรับรู้ของหลี่ฉางโซ่วจดจ่ออยู่ที่อาจารย์และสภาพแวดล้อมรอบกายของอาจารย์ ในขณะที่เขากำลังเฝ้าสังเกตการณ์ดูสัญญาณของทัณฑ์สวรรค์ที่กำลังใกล้เข้ามา

ไม่มีมีสิ่งใดต้องเอ่ยเตือนอีก

เขาได้ทำทุกสิ่งที่จำเป็นต้องทำแล้ว เหลือแค่ให้อาจารย์ของเขารอดผ่านสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ครั้งแรก จากนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับอาจารย์แล้วว่าจะตัดสินใจใช้ ‘โอสถล้ำค่า’ นั้นเมื่อใด

ตอนนี้ ภารกิจหลักของหลี่ฉางโซ่ว คือการสังเกตและบันทึกกระบวนการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของอาจารย์จากระยะใกล้

เนื่องจากสำนักตู้เซียนจะคัดเลือกศิษย์ในทุกๆ สองร้อยปีเท่านั้น และบังเอิญว่าเมื่อหลี่ฉางโซ่วเริ่มเข้าสู่สำนัก ก็เป็นเวลาที่ศิษย์รุ่นก่อนเพิ่งทะยานขึ้นสู่เซียน

เวลานั้นศิษย์ส่วนใหญ่ที่ถูกจำกัดด้วยศักยภาพและความเข้าใจของพวกเขา รวมถึงผู้ที่ถูกลิขิตให้ไม่อาจกลายเป็นเซียนได้ก็ออกจากสำนักและกลับไปยังบ้านเกิดของพวกเขาแล้ว ในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาสำนักตู้เซียนได้มุ่งเน้นไปที่การดูแลศิษย์รุ่นใหม่ล่าสุด และยังคงมีเพียงศิษย์ไม่กี่คนจากศิษย์รุ่นก่อนที่กลายเป็นเซียน

การข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ของอาจารย์ในครั้งนี้ จะเป็นครั้งที่หกที่หลี่ฉางโซ่วได้มีโอกาสเห็นผู้บำเพ็ญของสำนักตู้เซียนข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะสามารถสังเกตกระบวนการทั้งหมดได้อย่างใกล้ชิด เขาต้องบันทึกทุกรายละเอียดลงไปแล้ววิเคราะห์ในภายหลัง

วู้…

มีสายลมกระโชกแรงพัดผ่านในป่า ฉีหยวนซึ่งอยู่ในกรงไม้เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ขณะที่รอบกายเปล่งแสงสว่างเรืองๆ

ทว่าในชั่วพริบตานั้น ประกายแสงเหล่านี้ก็รวมตัวกันกลายเป็นลำแสงใหญ่และพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า!

ถึงเวลาแล้ว นี่คือบุพนิมิตของการทะยานสู่เซียน!

หลี่ฉางโซ่วถือมีดแกะสลักของเขาเอาไว้มั่นพลางยกใบไผ่ของเขาขึ้น และเริ่มเขียนบันทึกทุกรายละเอียดอย่างรวดเร็ว

ลำแสงยังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชาในขณะที่ทั้งลมและเมฆเหนือยอดเขาหยกน้อย เปลี่ยนสี!

หลี่ฉางโซ่วสามารถสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณแห่งสวรรค์และปฐพีจากทุกทิศทุกทางกำลังมารวมตัวกันที่ยอดเขาหยกน้อยอย่างต่อเนื่อง และหยุดลอยอยู่สูงเหนือศีรษะของอาจารย์กว่าร้อยจั้ง ชั่วพริบตาพวกมันก็ควบแน่นกลายเป็นหมู่เมฆทะมึนสีเทาแห่งทัณฑ์สวรรค์

ในขณะนั้นก็มีร่างมากมายบินออกมาจากยอดเขาต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา พวกเขาล้วนบินตรงไปที่ยอดเขาหยกน้อย

ใต้เมฆทัณฑ์สวรรค์นั้น มีจุดกำเนิดสายฟ้าแลบสีขาวเงิน และสายฟ้าขนาดเล็กปรากฏขึ้น สาดสายวาดโค้งไปรอบๆ กายของฉีหยวน

หลี่ฉางโซ่วนับนิ้วคำนวณ และในไม่ช้าเขาก็เงยหน้าขึ้นกล่าวกับอาจารย์ว่า

“อาจารย์ขอรับ ตามขนาดเนื้อที่และความหนาของเมฆทัณฑ์สวรรค์ นี่ควรเป็นทัณฑ์สวรรค์ทั่วไปที่มีสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ห้าสาย”

ฉีหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดว่ามันเป็นสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สามสายซึ่งเป็นทัณฑ์สวรรค์ที่อ่อนกำลังที่สุด เขาไม่คาดว่าจะต้องมาต้านทานสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ถึงห้าสาย

จำนวนสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สูงสุดคือเก้าสาย ทว่าสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สี่ ห้าหรือหกสายนั้นนับเป็นระดับธรรมดา

ว่ากันว่าจำนวนสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์จะขึ้นอยู่กับศักยภาพของผู้บำเพ็ญทั้งก่อนและหลังทะยานขึ้นสู่เซียน

ยิ่งมีสายฟ้ามากเท่าใดก็จะบ่งบอกว่า คนผู้นี้จะยิ่งมีวิถีเซียนกว้างใหญ่ และยิ่งมีศักยภาพในอนาคตมากขึ้นเท่านั้นหลังจากทะยานขึ้นสู่เซียนแล้ว และนี่ยังหมายความว่าจะยิ่งยากสำหรับคนผู้นั้นที่จะมีชีวิตรอดข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ไปได้

หลังจากส่งข้อความเสียงไปแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ก้มศีรษะเขียนบันทึกต่อไปด้วยมีดแกะสลักของเขา

เปรี้ยง! เปรี้ยง!

เมฆทัณฑ์สวรรค์เริ่มสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เห็นจุดกำเนิดสายฟ้าได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อจุดกำเนิดสายฟ้าเข้าถึงสภาวะวิกฤต มันก็กลายเป็นเสาสายฟ้าที่ส่องแสงแรงกล้าและสาดสายฟ้าฟาดใส่ศีรษะของนักพรตเต๋าชราฉีหยวนทันที!

ทันทีที่สายฟ้าฟาดลงมา ก็ดูเหมือนว่าทั้งสวรรค์และปฐพีจะเปลี่ยนสีไปอย่างกะทันหัน!

สายฟ้าฟาดมาพร้อมกับคลื่นพลังแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ซึ่งจะนำพาพลังสูงสุดทั้งหมดแห่งสวรรค์และปฐพีมาพร้อมกัน!

ทว่าผู้เป็นเซียนและผู้บำเพ็ญที่เฝ้าสังเกตทัณฑ์สวรรค์ในครั้งนี้พลันรู้สึกตกตะลึงเมื่อพบว่า พลังแห่งสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ถูกกรงไม้ซึ่งมีฉีหยวนอยู่ในนั้นดูดซับเข้าไป! ซึ่งตามหลักแล้วไม่มีสมบัติหรืออาวุธเวทใดๆ จะสามารถต้านทานทัณฑ์สวรรค์ได้

ยามนี้กรงไม้ส่องประกายด้วยแสงสายฟ้าขึ้นทุกหนทุกแห่ง แต่ฉีหยวนก็ยังคงยืนอยู่ภายในนั้นอย่างปลอดภัยโดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ไม่มีประกายไฟใดปรากฏขึ้นที่ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายของเขา ยกเว้นแต่เส้นผมสีดอกเลาของเขาที่พลิ้วสะบัดไปรอบๆ ทุกทิศทาง

ทันใดนั้นหลันหลิงเอ๋อร์ก็ร้องตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นว่า “ศิษย์พี่! กรงเวทได้ผลเจ้าค่ะ!”

หลี่ฉางโซ่วเงยหน้าขึ้นแล้วแย้มยิ้มออกมาเช่นกัน แต่ก่อนที่รอยยิ้มของเขาจะทันได้เบ่งบานออกมาเต็มที่ ฉับพลันนั้นความผันผวนที่คลุมเครือของคลื่นหยั่งรู้แห่งเต๋าก็ปรากฏขึ้น และทันใดนั้นกรงเวทซึ่งเต็มไปด้วยแสงสายฟ้าสว่างไสวก็ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง

ใช่แล้ว เต๋าสวรรค์ไม่อนุญาตให้ใช้กลอุบายจริงๆ แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยมันก็ช่วยให้ท่านอาจารย์ผ่านสายฟ้าฟาดสายแรกได้

ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ตระหนักถึงปัญหา เมื่ออาจารย์ของเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับสายฟ้าสายแรกด้วยตัวเองเช่นนั้นแล้ว ร่างกายของเขาจึงไร้ร่องรอยกระแสวิญญาณเซียนอยู่รอบกาย

แม้กรงฟาราเดย์จะช่วยหลีกเลี่ยงทัณฑ์สวรรค์ แต่ก็ทำให้ผลประโยชน์ของผู้ที่ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์หายไปด้วยเช่นกัน

มีกำไร ย่อมมีขาดทุน นั่นเป็นวิถีสามัญทั่วไป ยังดีที่ท่านอาจารย์ยังไม่กลืนโอสถสลายเซียนลงไป ไม่เช่นนั้นคงเป็นข้าที่วางยาพิษอาจารย์เสียเอง…

ทันใดนั้นก็มีจุดกำเนิดสายฟ้าที่ใหญ่กว่าปรากฏขึ้นเหนือเมฆทัณฑ์สวรรค์ พลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ทรงพลังแกร่งกล้ายิ่งกว่าครั้งก่อน

สีหน้าของฉีหยวนพลันเคร่งขรึมขึ้นก่อนจะโคจรพลังเวทของเขาให้แผ่กระจายออกมาทั่วร่างและค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ

การจะกลายเป็นเซียน ทำได้เพียงต้องต้านทานทัณฑ์สวรรค์เท่านั้น!

เปรี้ยง!

ชู่ว์ๆ!

แล้วสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สายที่สองก็กระแทกลงมาอย่างแรง เสาสายฟ้าซึ่งก่อตัวขึ้นมาจากพลังสายฟ้า ฉับพลันปกคลุมทั่วทั้งร่างของฉีหยวน!

………………………………………