หน้าผากทั้งของหลี่ฉางโซ่วและหลันหลิงเอ๋อร์ล้วนเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาทันทีที่พวกเขาเห็นว่าอาจารย์ต้านทานพลังกดดันจากเสาสายฟ้าได้เพียงเสี้ยวพริบตาก่อนที่จะทรุดตัวลงไปกับพื้น หลันหลิงเอ๋อร์หลับตาลงแน่นทันทีด้วยไม่กล้ามองอีกต่อไป
จนกระทั่งเสียงสายฟ้าฟาดหายไป และได้ยินเสียงศิษย์พี่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หลันหลิงเอ๋อร์จึงกล้าลืมตาขึ้นอีกครั้ง
หลังจากที่นักพรตเต๋าชราฉีหยวนต้านรับพลังกดดันจนดูอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง เขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งในหลุมตื้นบนพื้นอย่างยากลำบากก่อนจะหันศีรษะไปทางด้านข้างและกระอักเลือดออกมา จากนั้นเขาก็กินโอสถเข้าไปหลายเม็ดและนั่งตัวตรงได้อีกครั้ง
พลังเวทของเขายังคงเต็มเปี่ยม ในขณะที่มีแสงแห่งเซียนบางเบาวนเวียนอยู่รอบกายเขา
แล้วฉีหยวนก็ข้ามผ่านสายฟ้าสายที่สอง
หลี่ฉางโซ่วหยุดเขียนบันทึกกะทันหันก่อนจะสอดมือซ้ายเข้าไปที่ชายแขนเสื้อขวา แล้วหยิบตุ๊กตากระดาษและเม็ดโอสถออกมา
ดูจากท่าทีของอาจารย์ ท่านอาจจะสามารถผ่านสายฟ้าสายที่สามได้ แต่ผ่านสายฟ้าที่สี่ไม่ได้อย่างแน่นอน และหากอาจารย์ถูกสายฟ้าที่สามจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้ ข้าจะต้องบังคับให้เขากินโอสถสลายเซียนตามเวลา แม้จะต้องบังคับยัดโอสถเข้าไปในปากของเขา
มีจุดกำเนิดสายฟ้าที่ใหญ่กว่ารวมตัวกันขึ้นในเมฆทัณฑ์สวรรค์ ฉีหยวนกัดฟันลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แล้วเสกตราผนึกออกมาด้วยมือทั้งสองของเขา เกราะป้องกันเวทปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาทันที
ทว่าพวกมันล้วนไร้ประโยชน์
ครั้งนี้มีเสียงคำรามดังสนั่น ดูราวกับว่ามีกองทัพทหารหลายพันนายควบรวมกันอยู่ในเมฆทัณฑ์สวรรค์พุ่งตรงไปข้างหน้า และเสาสายฟ้าที่หนาราวกับหินโม่ก็แผ่พลังสังหารออกมาแล้วพุ่งลงมาทันที ในชั่วพริบตานั้นมันก็ทำลายเกราะป้องกันทั้งหมดที่ฉีหยวนสร้างขึ้น แล้วเข้ากระแทกร่างของเขากดลงไปในหลุมตื้นตรงกลาง จากนั้นมันก็ซัดพลังแผ่ออกไปอีกอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อรู้สึกได้ถึงลมกระโชกที่พัดโหมกระหน่ำรุนแรงจากแรงกระแทกของมัน หลันหลิงเอ๋อร์ก็ตื่นตระหนกแล้วกรีดร้องออกไปทันที “ท่านอาจารย์!”
แต่เสียงกรีดร้องของนางก็ถูกสายลมที่พัดโหมกระหน่ำกลืนหายไปอย่างรวดเร็ว
ฉีหยวนเกือบจะไม่รอดจากสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สายที่สามแล้ว…
นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจทำอันใดได้ เพราะจำนวนและคุณภาพของสายฟ้าได้ถูกกำหนดตามวิถีการฝึกฝนเต๋าของฉีหยวนมาตั้งแต่แรกเริ่ม ต่อมา เนื่องจากรากฐานเต๋าของเขาได้รับบาดเจ็บจนเสียหาย ทำให้ฉีหยวนไม่อาจเข้าถึงความแข็งแกร่งที่เขาสมควรได้รับในขอบเขตคืนกลับเต๋าวิถีขั้นที่เก้า
และนี่คือสาเหตุที่ฉีหยวนต้องเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์อย่างยากลำบาก ซึ่งก็เกือบจะไม่รอดจากสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สายที่สาม
สายฟ้าฟาดกระแทกพื้นดินอย่างรุนแรงจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ ในขณะที่ฉีหยวนนอนอยู่ที่ก้นหลุม เขาใช้พลังเวทสุดท้ายในร่างของเขาเพื่อพาตัวเองลอยออกมา แล้วยืนอยู่ใต้ทัณฑ์สวรรค์ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังจุดกำเนิดสายฟ้าที่ทรงพลังและน่ากลัวกว่าเดิมอีกครั้ง
บัดนี้ร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือดสด ที่หลั่งไหลออกมาจากบาดแผลในร่างของเขา ทว่าสายตาของเขากลับยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น!
สวรรค์ เหตุใดจึงอยุติธรรมเยี่ยงนี้!
แต่ข้าก็ไม่อาจกล่าวโทษท่านได้ สวรรค์และปฐพีล้วนเป็นไปตามวัฏจักรแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของชะตากรรมแห่งข้า แล้วถ้าเกิดว่าข้าต้องตายเล่า!
ทว่ามีเพียงสิ่งหนึ่ง!
ข้าไม่อาจนอนตายไปกับพื้นอย่างน่าอนาถเยี่ยงนี้ ศิษย์ของข้ากำลังเฝ้าดูข้า แม้ว่าอาจารย์ของพวกเขาจะไร้ประโยชน์ก็ตาม! แม้ว่าอาจารย์ของพวกเขาไม่สามารถปกป้องคุ้มครองพวกเขาเฉกเช่นศิษย์ของยอดเขาอื่นได้!
ข้าต้องยืนหยัดเพื่อศักดิ์ศรีของข้า!
ข้ายังต้องรักษาศักดิ์ศรีแห่งผู้บำเพ็ญมนุษย์!
ข้ายังมีเรื่องที่ต้องโอ้อวดกับฉางโซ่วและหลิงเอ๋อร์อีกมาก ข้าต้องการให้พวกเขารู้ว่าอาจารย์ของพวกเขามีความพากเพียรที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อหัวใจแห่งเต๋า!
ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังมีโอสถล้ำค่าที่ศิษย์คนโตทุ่มเทอย่างหนักเพื่อเตรียมเอาไว้ให้ข้า ข้าสามารถใช้มันเพื่อให้รอดพ้นจากสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ได้!
ในเวลานั้น ฉีหยวนก็หยิบกล่องผ้าปักออกมาก่อนจะหยิบเม็ดโอสถที่อยู่ภายใน จากนั้นก็ใส่เข้าไปในปากของเขา แล้วเงยหน้าขึ้นกลืนมันเข้าไปในทันที
มาเลยเต๋าสวรรค์! แม้ข้าจะรู้ว่านี่เป็นเพียงการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย ข้าก็ต้องต่อสู้ ข้าต้องไปให้ถึงสายฟ้าสุดท้าย! และหากข้าต้องตายด้วยสายฟ้าสุดท้ายนั้น มันก็ยังไม่น่าอับอายจนเกินไป…
แน่นอนว่าจิตวิญญาณแห่งนักสู้ของผู้บำเพ็ญย่อมเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน!
บัดนี้ภายในจุดกำเนิดสายฟ้านั้น พลังของสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ได้มารวมตัวกันอย่างดุเดือดพุ่งพล่าน และสายฟ้าที่สี่นั้นจะพุ่งโจมตีออกมาได้ทุกเมื่อ!
“อ๊าก!” ทันใดนั้นฉีหยวนก็เงยหน้าขึ้นแล้วร้องคำรามออกมา ทั้งเคราและเส้นผมของเขาตั้งชัน ทั่วทั้งร่างเขาบิดไปมาด้วยความเจ็บปวด!
“แค่กๆ!”
นักพรตเต๋าชราฉีหยวนก้มศีรษะลงและกระอักเลือดออกมา เขาก้มลงมองมาที่ตนเองด้วยความประหลาดใจเมื่อพบว่ามีเลือดไหลไปทั่วร่างกายของเขา
นี่…เกิดเหตุการณ์อันใด
เหตุใดฐานพลังของข้าถึงเริ่มสลายไป
โอ บรรพชนไท่ชิง เกิดอันใดขึ้น
เจ้าศิษย์ร้ายกาจผู้นี้ให้ข้ากินสิ่งใดไป…ข้า…
ทันใดนั้นเหนือศีรษะของเขา จุดกำเนิดสายฟ้าที่เพิ่มพลังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งอยู่เมื่อครู่พลันหยุดชะงักพร้อมกับที่เมฆทัณฑ์สวรรค์ก็หยุดหมุนเช่นกัน
ดูเหมือนว่าทัณฑ์สวรรค์นี้จะมีความคาดหวังในตัวเองสูงอย่างมาก เฉกเช่นมนุษย์ที่ปฏิบัติกิจอย่างเต็มที่เพื่อสร้างผลงานให้ดีต่อหน้าคนรักของเขา ทว่าในช่วงสุดท้ายจู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเป็นชายวัยกลางคนที่ทำงานหนักเกินไปจนอ่อนล้าหมดแรง และทันใดนั้นก็ตัดสินใจยุติการปฏิบัติกิจนั้น
ในช่วงเวลาสุดท้าย ฉีหยวนก็หันไปมองศิษย์คนโตที่กำลังฉีกยิ้มแฉ่งผู้นั้น
จากนั้นจิตสำนึกของนักพรตเต๋าชราก็พลันสลายหายไปกลายเป็นดั่งมนุษย์หิมะที่ถูกโยนลงไปในเตาหลอม ละลายกลายสภาพเป็นของเหลวในทันที!
บัดนี้ทั้งวิญญาณ ร่างกาย และแม้กระทั่งเสื้อผ้าของเขาล้วนกลายเป็น ‘แอ่งโลหิต’ ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ
ในขณะนั้นเมฆทัณฑ์สวรรค์ก็สั่นสะเทือนกลายเป็นพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่กระจัดกระจายหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงแสงแดดซึ่งส่องสว่างสาดลงมายังยอดเขาหยกน้อย
ยามนี้ผู้คนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ล้วนสับสนฉงนใจเมื่อจ้องมองไปยังสถานที่ที่ฉีหยวนละลายและกลายเป็นแอ่งโลหิต
ทันใดนั้น ก็มีพลังขุ่นมัวพุ่งออกมาจากพื้นดินในขณะที่มีแสงเซียนสามสีสาดส่องจากเมฆลงมาที่แอ่งโลหิต
โดยไม่รู้ที่มาของเสียง พวกเขาก็ได้ยินเสียงเครื่องสายที่ทำจากไม้ไผ่บรรเลงดนตรีไพเราะ
พลังขุ่นมัวค่อยๆ รวมตัวกัน และแอ่งโลหิตก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นโครงร่างของมนุษย์
จากนั้นหลังจากได้ยินเสียงแตกปะทุแล้ว ร่างของชายชราฉีหยวนก็ปรากฏขึ้นในอากาศอีกครั้ง เขายังคงสวมเสื้อผ้าชุดเดิมเฉกเช่นก่อนที่จะรับทัณฑ์สวรรค์
เวลานี้แสงสีเลือดได้จางหายไปในขณะที่มีกลีบบุปผาลอยพลิ้วไหวไปรอบๆ ร่างของนักพรตเต๋าชรา เขากำลังยืนอยู่บนสิ่งที่ดูเหมือนเมฆมงคลขุ่นมัวที่มีบงกชเลือนรางเบ่งบานอยู่เหนือศีรษะของเขาก่อนที่บงกชดอกนั้นจะหลอมละลายรวมเข้ากับร่างกายของเขา
ฉีหยวนพลันอ้าปากและสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปในขณะที่เริ่มโคจรลมปราณในร่างกายของเขาอีกครั้ง
มันช่างเป็นปรากฏการณ์ทะยานขึ้นสู่เซียนที่ดูน่าอนาถยิ่ง
ในขณะนั้นฉีหยวนเข้าใจเรื่องบางอย่างแล้ว เขาหันกลับไปมองหลี่ฉางโซ่ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความจนใจ แต่มีน้ำตาคลอออกมา
บัดนี้คงต้องละทิ้งฐานะอาจารย์และศิษย์ไปก่อน
สีหน้าของฉีหยวนดูซับซ้อนขณะที่หันไปทำการคารวะเต๋าให้กับหลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วรีบเก็บทั้งใบไผ่ มีดแกะสลัก ตุ๊กตากระดาษ และเม็ดโอสถ แล้วก้มลงกราบอาจารย์ของเขาโดยที่เขาไม่กล้าลุกขึ้นยืนเป็นเวลานาน
หลังจากนั้นก็มีเสียงดังสนั่นอื้ออึงลอยมาตามสายลม…
“นั่นมันการสลายก่อนกลายเป็นเซียนนี่! เขาใช้การตายก่อนจะกลายเป็นเซียนจั๋ว!”
“นั่นเป็นเพราะโอสถสลายเซียน! ยังมีคนที่สามารถหลอมโอสถนี้ได้อีกหรือ”
“ศิษย์น้องฉีหยวนเลือกเส้นทางนี้แล้วจริงๆ ก็นับว่าไม่เลว อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีชีวิตอยู่”
“อันที่จริงแล้วเซียนจั๋วก็ไม่ต่างจากเซียนทั่วไปส่วนใหญ่ ไม่ง่ายเลยที่จะบรรลุเป็นเซียนเทียนได้ และอย่างไรเสียพวกเราส่วนใหญ่ก็ยังไม่อาจข้ามผ่านเซียนเสิ่นได้อยู่ดี”
…………………………………………………………………………