ตอนที่ 32.2 แม้ว่าข้า...ฉีหยวนจะต้องตายภายใต้ทัณฑ์สวรรค์ในวันนี้! (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

หน้าผากทั้งของหลี่ฉางโซ่วและหลันหลิงเอ๋อร์ล้วนเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาทันทีที่พวกเขาเห็นว่าอาจารย์ต้านทานพลังกดดันจากเสาสายฟ้าได้เพียงเสี้ยวพริบตาก่อนที่จะทรุดตัวลงไปกับพื้น หลันหลิงเอ๋อร์หลับตาลงแน่นทันทีด้วยไม่กล้ามองอีกต่อไป

จนกระทั่งเสียงสายฟ้าฟาดหายไป และได้ยินเสียงศิษย์พี่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หลันหลิงเอ๋อร์จึงกล้าลืมตาขึ้นอีกครั้ง

หลังจากที่นักพรตเต๋าชราฉีหยวนต้านรับพลังกดดันจนดูอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง เขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งในหลุมตื้นบนพื้นอย่างยากลำบากก่อนจะหันศีรษะไปทางด้านข้างและกระอักเลือดออกมา จากนั้นเขาก็กินโอสถเข้าไปหลายเม็ดและนั่งตัวตรงได้อีกครั้ง

พลังเวทของเขายังคงเต็มเปี่ยม ในขณะที่มีแสงแห่งเซียนบางเบาวนเวียนอยู่รอบกายเขา

แล้วฉีหยวนก็ข้ามผ่านสายฟ้าสายที่สอง

หลี่ฉางโซ่วหยุดเขียนบันทึกกะทันหันก่อนจะสอดมือซ้ายเข้าไปที่ชายแขนเสื้อขวา แล้วหยิบตุ๊กตากระดาษและเม็ดโอสถออกมา

ดูจากท่าทีของอาจารย์ ท่านอาจจะสามารถผ่านสายฟ้าสายที่สามได้ แต่ผ่านสายฟ้าที่สี่ไม่ได้อย่างแน่นอน และหากอาจารย์ถูกสายฟ้าที่สามจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้ ข้าจะต้องบังคับให้เขากินโอสถสลายเซียนตามเวลา แม้จะต้องบังคับยัดโอสถเข้าไปในปากของเขา

มีจุดกำเนิดสายฟ้าที่ใหญ่กว่ารวมตัวกันขึ้นในเมฆทัณฑ์สวรรค์ ฉีหยวนกัดฟันลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แล้วเสกตราผนึกออกมาด้วยมือทั้งสองของเขา เกราะป้องกันเวทปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาทันที

ทว่าพวกมันล้วนไร้ประโยชน์

ครั้งนี้มีเสียงคำรามดังสนั่น ดูราวกับว่ามีกองทัพทหารหลายพันนายควบรวมกันอยู่ในเมฆทัณฑ์สวรรค์พุ่งตรงไปข้างหน้า และเสาสายฟ้าที่หนาราวกับหินโม่ก็แผ่พลังสังหารออกมาแล้วพุ่งลงมาทันที ในชั่วพริบตานั้นมันก็ทำลายเกราะป้องกันทั้งหมดที่ฉีหยวนสร้างขึ้น แล้วเข้ากระแทกร่างของเขากดลงไปในหลุมตื้นตรงกลาง จากนั้นมันก็ซัดพลังแผ่ออกไปอีกอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อรู้สึกได้ถึงลมกระโชกที่พัดโหมกระหน่ำรุนแรงจากแรงกระแทกของมัน หลันหลิงเอ๋อร์ก็ตื่นตระหนกแล้วกรีดร้องออกไปทันที “ท่านอาจารย์!”

แต่เสียงกรีดร้องของนางก็ถูกสายลมที่พัดโหมกระหน่ำกลืนหายไปอย่างรวดเร็ว

ฉีหยวนเกือบจะไม่รอดจากสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สายที่สามแล้ว…

นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจทำอันใดได้ เพราะจำนวนและคุณภาพของสายฟ้าได้ถูกกำหนดตามวิถีการฝึกฝนเต๋าของฉีหยวนมาตั้งแต่แรกเริ่ม ต่อมา เนื่องจากรากฐานเต๋าของเขาได้รับบาดเจ็บจนเสียหาย ทำให้ฉีหยวนไม่อาจเข้าถึงความแข็งแกร่งที่เขาสมควรได้รับในขอบเขตคืนกลับเต๋าวิถีขั้นที่เก้า

และนี่คือสาเหตุที่ฉีหยวนต้องเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์อย่างยากลำบาก ซึ่งก็เกือบจะไม่รอดจากสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์สายที่สาม

สายฟ้าฟาดกระแทกพื้นดินอย่างรุนแรงจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ ในขณะที่ฉีหยวนนอนอยู่ที่ก้นหลุม เขาใช้พลังเวทสุดท้ายในร่างของเขาเพื่อพาตัวเองลอยออกมา แล้วยืนอยู่ใต้ทัณฑ์สวรรค์ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังจุดกำเนิดสายฟ้าที่ทรงพลังและน่ากลัวกว่าเดิมอีกครั้ง

บัดนี้ร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือดสด ที่หลั่งไหลออกมาจากบาดแผลในร่างของเขา ทว่าสายตาของเขากลับยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น!

สวรรค์ เหตุใดจึงอยุติธรรมเยี่ยงนี้!

แต่ข้าก็ไม่อาจกล่าวโทษท่านได้ สวรรค์และปฐพีล้วนเป็นไปตามวัฏจักรแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของชะตากรรมแห่งข้า แล้วถ้าเกิดว่าข้าต้องตายเล่า!

ทว่ามีเพียงสิ่งหนึ่ง!

ข้าไม่อาจนอนตายไปกับพื้นอย่างน่าอนาถเยี่ยงนี้ ศิษย์ของข้ากำลังเฝ้าดูข้า แม้ว่าอาจารย์ของพวกเขาจะไร้ประโยชน์ก็ตาม! แม้ว่าอาจารย์ของพวกเขาไม่สามารถปกป้องคุ้มครองพวกเขาเฉกเช่นศิษย์ของยอดเขาอื่นได้!

ข้าต้องยืนหยัดเพื่อศักดิ์ศรีของข้า!

ข้ายังต้องรักษาศักดิ์ศรีแห่งผู้บำเพ็ญมนุษย์!

ข้ายังมีเรื่องที่ต้องโอ้อวดกับฉางโซ่วและหลิงเอ๋อร์อีกมาก ข้าต้องการให้พวกเขารู้ว่าอาจารย์ของพวกเขามีความพากเพียรที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อหัวใจแห่งเต๋า!

ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังมีโอสถล้ำค่าที่ศิษย์คนโตทุ่มเทอย่างหนักเพื่อเตรียมเอาไว้ให้ข้า ข้าสามารถใช้มันเพื่อให้รอดพ้นจากสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ได้!

ในเวลานั้น ฉีหยวนก็หยิบกล่องผ้าปักออกมาก่อนจะหยิบเม็ดโอสถที่อยู่ภายใน จากนั้นก็ใส่เข้าไปในปากของเขา แล้วเงยหน้าขึ้นกลืนมันเข้าไปในทันที

มาเลยเต๋าสวรรค์! แม้ข้าจะรู้ว่านี่เป็นเพียงการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย ข้าก็ต้องต่อสู้ ข้าต้องไปให้ถึงสายฟ้าสุดท้าย! และหากข้าต้องตายด้วยสายฟ้าสุดท้ายนั้น มันก็ยังไม่น่าอับอายจนเกินไป…

แน่นอนว่าจิตวิญญาณแห่งนักสู้ของผู้บำเพ็ญย่อมเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน!

บัดนี้ภายในจุดกำเนิดสายฟ้านั้น พลังของสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ได้มารวมตัวกันอย่างดุเดือดพุ่งพล่าน และสายฟ้าที่สี่นั้นจะพุ่งโจมตีออกมาได้ทุกเมื่อ!

“อ๊าก!” ทันใดนั้นฉีหยวนก็เงยหน้าขึ้นแล้วร้องคำรามออกมา ทั้งเคราและเส้นผมของเขาตั้งชัน ทั่วทั้งร่างเขาบิดไปมาด้วยความเจ็บปวด!

“แค่กๆ!”

นักพรตเต๋าชราฉีหยวนก้มศีรษะลงและกระอักเลือดออกมา เขาก้มลงมองมาที่ตนเองด้วยความประหลาดใจเมื่อพบว่ามีเลือดไหลไปทั่วร่างกายของเขา

นี่…เกิดเหตุการณ์อันใด

เหตุใดฐานพลังของข้าถึงเริ่มสลายไป

โอ บรรพชนไท่ชิง เกิดอันใดขึ้น

เจ้าศิษย์ร้ายกาจผู้นี้ให้ข้ากินสิ่งใดไป…ข้า…

ทันใดนั้นเหนือศีรษะของเขา จุดกำเนิดสายฟ้าที่เพิ่มพลังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งอยู่เมื่อครู่พลันหยุดชะงักพร้อมกับที่เมฆทัณฑ์สวรรค์ก็หยุดหมุนเช่นกัน

ดูเหมือนว่าทัณฑ์สวรรค์นี้จะมีความคาดหวังในตัวเองสูงอย่างมาก เฉกเช่นมนุษย์ที่ปฏิบัติกิจอย่างเต็มที่เพื่อสร้างผลงานให้ดีต่อหน้าคนรักของเขา ทว่าในช่วงสุดท้ายจู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเป็นชายวัยกลางคนที่ทำงานหนักเกินไปจนอ่อนล้าหมดแรง และทันใดนั้นก็ตัดสินใจยุติการปฏิบัติกิจนั้น

ในช่วงเวลาสุดท้าย ฉีหยวนก็หันไปมองศิษย์คนโตที่กำลังฉีกยิ้มแฉ่งผู้นั้น

จากนั้นจิตสำนึกของนักพรตเต๋าชราก็พลันสลายหายไปกลายเป็นดั่งมนุษย์หิมะที่ถูกโยนลงไปในเตาหลอม ละลายกลายสภาพเป็นของเหลวในทันที!

บัดนี้ทั้งวิญญาณ ร่างกาย และแม้กระทั่งเสื้อผ้าของเขาล้วนกลายเป็น ‘แอ่งโลหิต’ ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ

ในขณะนั้นเมฆทัณฑ์สวรรค์ก็สั่นสะเทือนกลายเป็นพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่กระจัดกระจายหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงแสงแดดซึ่งส่องสว่างสาดลงมายังยอดเขาหยกน้อย

ยามนี้ผู้คนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ล้วนสับสนฉงนใจเมื่อจ้องมองไปยังสถานที่ที่ฉีหยวนละลายและกลายเป็นแอ่งโลหิต

ทันใดนั้น ก็มีพลังขุ่นมัวพุ่งออกมาจากพื้นดินในขณะที่มีแสงเซียนสามสีสาดส่องจากเมฆลงมาที่แอ่งโลหิต

โดยไม่รู้ที่มาของเสียง พวกเขาก็ได้ยินเสียงเครื่องสายที่ทำจากไม้ไผ่บรรเลงดนตรีไพเราะ

พลังขุ่นมัวค่อยๆ รวมตัวกัน และแอ่งโลหิตก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นโครงร่างของมนุษย์

จากนั้นหลังจากได้ยินเสียงแตกปะทุแล้ว ร่างของชายชราฉีหยวนก็ปรากฏขึ้นในอากาศอีกครั้ง เขายังคงสวมเสื้อผ้าชุดเดิมเฉกเช่นก่อนที่จะรับทัณฑ์สวรรค์

เวลานี้แสงสีเลือดได้จางหายไปในขณะที่มีกลีบบุปผาลอยพลิ้วไหวไปรอบๆ ร่างของนักพรตเต๋าชรา เขากำลังยืนอยู่บนสิ่งที่ดูเหมือนเมฆมงคลขุ่นมัวที่มีบงกชเลือนรางเบ่งบานอยู่เหนือศีรษะของเขาก่อนที่บงกชดอกนั้นจะหลอมละลายรวมเข้ากับร่างกายของเขา

ฉีหยวนพลันอ้าปากและสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปในขณะที่เริ่มโคจรลมปราณในร่างกายของเขาอีกครั้ง

มันช่างเป็นปรากฏการณ์ทะยานขึ้นสู่เซียนที่ดูน่าอนาถยิ่ง

ในขณะนั้นฉีหยวนเข้าใจเรื่องบางอย่างแล้ว เขาหันกลับไปมองหลี่ฉางโซ่ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความจนใจ แต่มีน้ำตาคลอออกมา

บัดนี้คงต้องละทิ้งฐานะอาจารย์และศิษย์ไปก่อน

สีหน้าของฉีหยวนดูซับซ้อนขณะที่หันไปทำการคารวะเต๋าให้กับหลี่ฉางโซ่ว

หลี่ฉางโซ่วรีบเก็บทั้งใบไผ่ มีดแกะสลัก ตุ๊กตากระดาษ และเม็ดโอสถ แล้วก้มลงกราบอาจารย์ของเขาโดยที่เขาไม่กล้าลุกขึ้นยืนเป็นเวลานาน

หลังจากนั้นก็มีเสียงดังสนั่นอื้ออึงลอยมาตามสายลม…

“นั่นมันการสลายก่อนกลายเป็นเซียนนี่! เขาใช้การตายก่อนจะกลายเป็นเซียนจั๋ว!”

“นั่นเป็นเพราะโอสถสลายเซียน! ยังมีคนที่สามารถหลอมโอสถนี้ได้อีกหรือ”

“ศิษย์น้องฉีหยวนเลือกเส้นทางนี้แล้วจริงๆ ก็นับว่าไม่เลว อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีชีวิตอยู่”

“อันที่จริงแล้วเซียนจั๋วก็ไม่ต่างจากเซียนทั่วไปส่วนใหญ่ ไม่ง่ายเลยที่จะบรรลุเป็นเซียนเทียนได้ และอย่างไรเสียพวกเราส่วนใหญ่ก็ยังไม่อาจข้ามผ่านเซียนเสิ่นได้อยู่ดี”

…………………………………………………………………………