ตอนที่ 57 อยากข้ามเส้น
ตอนที่ 57 อยากข้ามเส้น
เฉินเจียเหอกำลังควบคุมไฟ ส่วนหลินเซี่ยสวมผ้ากันเปื้อนและกำลังผัดมันฝรั่งกับพริกแห้ง เธอสำลักกลิ่นพริกแห้งจนลืมตาไม่ได้ขณะตอบไปว่า “คุณน้า รอฉันผัดผักเสร็จก่อน เดี๋ยวจะวาดให้ตอนกลางคืนค่ะ”
หลังอาหารเย็น หลินเซี่ยต้องการล้างหม้อ แต่หวังอวี้เสียผลักเธอออกจากครัว
“ฉันจะล้างเอง เธอไปวาดรูปให้น้าชายเถอะ”
หวังอวี้เสียรู้สึกว่าพิมพ์เขียวนี้ไม่เพียงสามารถช่วยโจวเจี้ยนกั๋วและโรงงานของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงตัวหลินเซี่ยเองด้วย
ตราบใดที่หลินเซี่ยพิสูจน์ได้ว่าเธอเข้าใจโครงสร้างเครื่องมือจริง ๆ โจวลี่หรงจะต้องเปลี่ยนใจอย่างแน่นอน
หวังอวี้เสียเองก็เคยโดนฝนสาด ดังนั้นหล่อนจึงพยายามถือร่มปกป้องหลินเซี่ยอย่างเต็มที่ หล่อนรู้จักนิสัยของโจวลี่หรงดี ผู้หญิงคนนี้ใช้เหตุผลมากเกินไปและให้ความสำคัญกับความสามารถของผู้คนเท่านั้น
ถ้าหลินเซี่ยทำได้ดีมาก โจวลี่หรงก็อาจจะเปลี่ยนใจ
หลินเซี่ยถูกหวังอวี้เสียผลักกลับเข้าไปในห้อง เธอจึงขอกระดาษวาดรูปจากเฉินเจียเหอ
รวมถึงดินสอ
จากนั้นเธอนั่งลงหน้าโต๊ะและค้นหาเกี่ยวกับโครงสร้างและรูปร่างของเครื่องมือทางเกษตรเหล่านั้นในความทรงจำ
โจวเจี้ยนกั๋วกลัวว่าหู่จือจะเข้าไปรบกวนหลินเซี่ย เขาจึงหาเด็กน้อยไปห้องหลัก และตั้งใจจะให้หู่จืออยู่กับเขา
ทุกคนต่างรอคอยที่จะเห็นเครื่องมือทางการเกษตรที่หลินเซี่ยพูดถึง มีเพียงโจวลี่หรงเท่านั้นที่นอนลงบนเตียงเตาและเปิดทีวีขาวดำดู
เฉินเจียเหอเดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลัง และดูเธอเขียนแบบ
เธอถือดินสอและไม้บรรทัดขณะพยายามวาดอย่างสุดความสามารถ
เธอไม่เคยวาดอะไรแบบนี้มาก่อน แม้ว่าเธอจะเคยเห็นวัตถุและภาพวาดจริง แต่มันค่อนข้างยากสำหรับผู้ที่ไม่เคยเรียนการวาดภาพอย่างเป็นทางการ และเธอทำได้เพียงวาดโครงร่างคร่าว ๆ เท่านั้น
หวังเพียงว่าโจวเจี้ยนกั๋วจะทำความเข้าใจกับภาพวาดนามธรรมของเธอได้
“เราควรเพิ่มอะไรตรงส่วนหัวนี้ไหม?” เฉินเจียเหอที่ยืนอยู่ด้านหลังพลันพูดขึ้น
หลินเซี่ยหันกลับมา และเห็นเฉินเจียเหอก้มลงมองดูภาพวาดของเธออย่างตั้งใจ
โดยไม่คาดคิดว่าเฉินเจียเหอจะสามารถเข้าใจภาพวาดที่เธอวาดคร่าว ๆ ได้ เธอพยักหน้ารับ “โอ้ ใช่ค่ะ มันควรมีแผ่นกั้นอยู่ตรงนี้”
“คุณเข้าใจภาพที่ฉันวาดไหมคะ? คุณคิดว่ามันพอจะสร้างขึ้นจริงได้ไหม?”
“ตามหลักการทั่วไปสิ่งที่คุณวาดนั้นถือว่าเป็นไปได้ แต่เราจะไม่รู้จนกว่าจะลองทำอย่างละเอียด”
เฉินเจียเหอมองไปที่ภาพวาดบนโต๊ะแล้วพูดว่า “ผมจะวาดรูปใหม่ให้ละเอียดตามโครงร่างที่คุณวาดไว้แล้วกัน”
ในฐานะช่างเทคนิคมืออาชีพ เขาเคยชินกับความสมบูรณ์แบบและไม่อาจปล่อยผ่านสิ่งที่บกพร่อง และเขาไม่สามารถนำภาพที่หลินเซี่ยวาดไปให้โจวเจี้ยนกั๋วได้จริง ๆ
“ดีเลยค่ะ”
หลินเซี่ยรีบมอบดินสอและไม้บรรทัดให้เขาอย่างรวดเร็ว
เฉินเจียเหอนั่งลง และหยิบดินสอขึ้นมา เขามองภาพวาดต้นฉบับของหลินเซี่ย จากนั้นลงมือวาดภาพแบบมืออาชีพอย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องใช้ไม้บรรทัดด้วยซ้ำ
หลินเซี่ยเห็นภาพวาดใหม่ของเขาแล้ว จึงอุทานอย่างตื่นเต้น “ใช่เลย แบบนี้เลยค่ะ”
ภาพวาดที่เธอเคยเห็นในชีวิตที่แล้วมีลักษณะเช่นนี้
เมื่อเทียบกับสิ่งที่เฉินเจียเหอวาด ภาพที่เธอวาดดูราวกับยันต์อะไรก็ไม่รู้?
แต่เขากลับเข้าใจมันได้จริง ๆ
เฉินเจียเหอลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะเอาไปให้น้าดู”
“คุณน้ายังไม่นอนอีกเหรอคะ?” หลินเซี่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ยังหรอก เขาคงนอนไม่หลับถ้ายังไม่ได้เห็นภาพวาด”
เฉินเจียเหอนำภาพไปยังห้องหลัก ขณะที่หลินเซี่ยเดินตามไป
“เซี่ยเซี่ยวาดเสร็จแล้วหรือ? รีบเอามาให้น้าดูเร็ว”
โจวเจี้ยนกั๋วรับภาพวาดมาจากเฉินเจียเหอ และพิจารณาดูอย่างใกล้ชิด
เขามองไปที่เฉินเจียเหออย่างสงสัย หลินเซี่ยสามารถวาดภาพนี้ได้อย่างไร? นี่มันมืออาชีพเกินไปแล้ว
เฉินเจียเหอไม่ได้อธิบาย แต่โบกมือให้เขาดูภาพ
“เซี่ยเซี่ย มาบอกหลักการทำงานของเครื่องให้เขาฟังหน่อย”
หลินเซี่ยชี้ไปที่ภาพวาดและอธิบายอย่างระมัดระวัง “คุณน้า เห็นตรงนี้ไหมคะ ข้าวโพดจะถูกใส่จากทางเข้านี้ จากนั้นเมล็ดข้าวโพดจะถูกแยกออกจากรูตะแกรง ซังข้าวโพดเปล่าหลังจากนวดแล้วจะถูกปล่อยออกจากด้านหลังของเครื่อง ส่วนไหมข้าวโพดจะหลุดออกจากทางช่องระบายอากาศ”
ผู้เฒ่าโจวถามจากด้านข้าง “เซี่ยเซี่ย แล้วข้าวโพดที่ใช้จำเป็นต้องปอกเปลือกก่อนหรือเปล่า?”
หลินเซี่ยอธิบายให้เขาฟัง “คุณตา การใช้เครื่องจักรขนาดเล็กนี้ เรายังต้องปอกเปลือกข้าวโพดก่อนค่ะ ส่วนซังข้าวโพดสามารถเอาออกได้อย่างหมดจดหลังจากการอบแห้ง เครื่องจักรนี้ใช้ไฟฟ้าและมีประสิทธิภาพมาก เราไม่ต้องนวดเอาเมล็ดข้าวโพดออกด้วยมือตัวเอง”
มันดูเหมือนกับคอมพิวเตอร์ออลอินวันขนาดใหญ่ในยุคสมัยใหม่ แต่เธอเคยเห็นมันแค่ในทีวีเท่านั้น
ผู้เฒ่าโจวเริ่มสนใจเช่นกัน
สิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างมากต่อเกษตรกรในชนบท
ทั้งประหยัดเวลาและประหยัดแรง
การนวดด้วยมือใช้แรงกายเยอะเกินไปและทำได้ช้า
ผู้เฒ่าโจวถาม “เจี้ยนกั๋ว ลูกคิดยังไงกับภาพวาดของเซี่ยเซี่ย? เครื่องจักรนี้สามารถผลิตได้จริงไหม?”
โจวเจี้ยนกั๋วดูภาพวาดพลางตอบว่า “ผมกำลังศึกษาอยู่”
โจวเจี้ยนกั๋วและเฉินเจียเหอต่างมีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีเครื่องจักรกลตราบใดที่แบบร่างเครื่องจักรถูกวาดไว้อย่างชัดเจน พวกเขาก็สามารถจินตนาการถึงโครงสร้าง การออกแบบ และประสิทธิภาพของเครื่องจักรที่ปรากฎบนพิมพ์เขียวได้
“เจียเหอ ดูสิ ถ้าตามคำพูดของเซี่ยเซี่ย ข้าวโพดจะเข้ามาทางช่องป้อน ตัวหมุนและดรัมหมุนความเร็วสูงทำให้เกิดแรงนวด ในกรณีนั้นเราย้ายทางเข้ามาไว้ตรงนี้ได้ ทำให้ข้าวโพดเข้าไปโดยตรงและไม่ต้องเลี้ยวมาตรงนี้ก่อน มันจะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น” โจวเจี้ยนกั๋วชี้พิมพ์เขียวขณะพูดคุยกับเฉินเจียเหอ
เฉินเจียเหอพยักหน้า “ใช่ ถ้าเปลี่ยนแบบที่น้าว่า วัสดุที่ใช้จะลดลง และประหยัดต้นทุนด้วย”
หวังอวี้เสียปิดทีวีขาวดำที่ส่งเสียงดังและฟังช่างเทคนิคสองคนคุยกันถึงปัญหา ขณะที่คนอื่นนั่งฟังเงียบงัน
แม้แต่โจวลี่หรงซึ่งนอนอยู่บนเตียงเตาในห้องหลักยังต้องลุกขึ้นนั่ง เมื่อได้ยินโจวเจี้ยนกั๋วและเฉินเจียเหอบอกว่าเครื่องจักรในภาพวาดนั้นสามารถทำได้จริง
หล่อนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองหลินเซี่ย
หญิงสาวไว้ผมยาว สวมเสื้อสเวตเตอร์สีแดง รูปร่างเพรียว ใบหน้าบอบบาง และมีดวงตาที่สดใส
ต้องยอมรับเลยว่าหญิงสาวคนนี้ทั้งสวยและดูอ่อนเยาว์มาก
มันเป็นเรื่องยากสำหรับชายหนุ่มที่จะต้านทานการล่อลวงของสาวสวยเช่นนี้
หล่อนเหลือบมองลูกชายอีกครั้งพลางยิ้มขมขื่น แม้แต่ท่อนไม้อย่างเขาก็ไม่สามารถหนีจากหญิงงามไปได้
โจวเจี้ยนกั๋วและเฉินเจียเหอศึกษาภาพวาดหลายครั้งและแก้ไขหลายครั้ง จากนั้นโจวเจี้ยนกั๋วตบต้นขาและพูดว่า “เสร็จแล้ว”
เขารู้สึกตื่นเต้นมาก “เซี่ยเซี่ย เธอฉลาดมาก ถ้าสิ่งนี้ผลิตขึ้นมา มันจะสามารถเจาะตลาดในพื้นที่ชนบทของเราได้อย่างแน่นอน”
“คุณน้า มันสามารถเป็นไปได้ไหมคะ?” หลินเซี่ยถาม
“เป็นไปได้แน่นอน แต่เครื่องนี้ต้องใช้มอเตอร์ ซึ่งโรงงานของเราไม่มี ถ้าผลิตก็ต้องซื้อจากโรงงานอื่น เรื่องนี้ฉันตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องรายงานผู้อำนวยการโรงงานก่อน”
โจวเจี้ยนกั๋วยังคงกังวล มันไม่ง่ายเลยที่จะสร้างมันขึ้นมาจริง ๆ และต้องเอาชนะอุปสรรคมากมาย
“เซี่ยเซี่ย น้าจำได้ว่าเธอพูดถึงเครื่องมือบางอย่างที่เรียบง่าย เครื่องหยอดเมล็ดใช่ไหม? มันมีลักษณะอย่างไร? แล้วต้องใช้ไฟฟ้าหรือเปล่า?”
หลินเซี่ยตอบว่า “คุณน้า เครื่องหยอดเมล็ดแบบมือถือนั้นไม่ใช้ไฟฟ้า และมีโครงสร้างที่เรียบง่ายมากค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นช่วยวาดรูปให้น้าได้ไหม?” โจวเจี้ยนกั๋วโจวเจี้ยนกั๋ว
ต้นทุนและความยากในการผลิตเครื่องมือที่ไม่ใช้ไฟฟ้านั้นค่อนข้างต่ำ และเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ก็มากกว่า
เฉินเจียเหอมองโจวเจี้ยนกั๋วที่กำลังกระตือรือร้นอย่างมากเมื่อพูดถึงเครื่องมือใหม่ ๆ เขาพูดขึ้นว่า
“คุณน้า มันดึกแล้ว ไว้พรุ่งนี้แล้วกันครับ”
“ตกลง พรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน”
“คืนนี้หู่จือมานอนกับปู่แล้วกัน ปู่อยากดูว่าก้นเล็ก ๆ ของเธอจะโตขึ้นบ้างไหม”
โจวเจี้ยนกั๋วมีบุคลิกร่าเริงและรักหู่จือมาก เขาซื้ออาหารอร่อย ๆ มาให้มากมาย วันนี้หู่จือเองก็ติดเขาเป็นพิเศษและเต็มใจนอนกับคุณปู่ของเขา จากนั้นโจวเจี้ยนกั๋วก็อุ้มเขาไปห้องตะวันออก
ในคืนนี้ที่ไม่มีหู่จือ เฉินเจียเหอมีอารมณ์อ่อนไหวมาก
ทันทีที่เขาเข้าไปในบ้าน เขาก็เทน้ำยาบ้วนปากให้หลินเซี่ย จัดเตียงและปูผ้าห่มอย่าง “ประณีต”
“ฉันทำเองได้ค่ะ”
หลินเซี่ยรับแก้วน้ำยาบ้วนปากมาขณะรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
เธอไม่คุ้นเคยกับการถูกคนอื่นปรนนิบัติจริง ๆ
เฉินเจียเหอเหลือบมองหญิงสาวที่มีผมยุ่งเหยิง จากนั้นจึงนั่งบนเก้าอี้และศึกษาภาพวาดพิมพ์เขียวของเขา
แท้จริงแล้วมันคือการปล่อยให้ตัวเองทำสมาธิและหันเหความสนใจไปที่อื่น
เพราะยามเมื่อมองหน้าของเธอท่ามกลางแสงสลัวในห้องยามค่ำคืน หัวใจของเขาพลันรู้สึกร้อนรุ่ม
สายตาของเขาอดไม่ได้ที่จะเคลื่อนไปหาเธอ อยากมองเธอ และอยากข้ามเส้นนั้นไป
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ถ้าทำได้จริง น่าจะมีคนมองเซี่ยเซี่ยในมุมมองที่ดีขึ้นบ้างแหละ
พี่เหอคลั่งรักภรรยามากนะคะพี่รู้ตัวไหม
ไหหม่า(海馬)