ตอนที่ 56 ทำไมผู้หญิงต้องสร้างเรื่องยุ่งยากให้ผู้หญิงอีกคนด้วย

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 56 ทำไมผู้หญิงต้องสร้างเรื่องยุ่งยากให้ผู้หญิงอีกคนด้วย

ตอนที่ 56 ทำไมผู้หญิงต้องสร้างเรื่องยุ่งยากให้ผู้หญิงอีกคนด้วย

คำพูดของหลินเซี่ยทำให้โจวเจี้ยนกั๋วมีความหวัง ทั้งเขาและเฉินเจียเหอรู้สึกว่าความคิดของหลินเซี่ยต่อการพัฒนาเครื่องมือการเกษตรเหล่านั้นมีความเป็นไปได้

ไม่ว่าหลินเซี่ยจะสามารถวาดรูปเครื่องมือการเกษตรให้เขาได้หรือไม่ แต่คำพูดของเธอทำให้เขามีแนวคิดใหม่

หากไม่สามารถเปิดตลาดในเมืองได้ การยึดครองตลาดในชนบทอาจเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในขณะนี้

ในเวลานี้ หู่จือก็วิ่งเข้ามาจับแขนของแม่เฒ่าโจวและถามว่า

“คุณย่าทวด ในหมู่บ้านมีร้านข้าวโพดคั่ว ที่บ้านมีข้าวโพดไหมครับ? ผมก็อยากกินข้าวโพดคั่วเหมือนกัน”

“มีสิมีสิ ย่าทวดจะไปเอามาให้นะ” แม่เฒ่าโจวตอบรับคำขอของหู่จือ

เมื่อได้ยินว่าพูดถึงข้าวโพดคั่ว หลินเซี่ยก็เริ่มสนใจเช่นกัน

“หู่จือ ฉันจะไปกับเธอด้วย”

พวกเขาบรรจุเมล็ดข้าวโพดสองชามใส่ลงถุงไนลอน นอกจากนี้แม่เฒ่าโจวยังเตรียมถุงน้ำตาลกรวดเอาไว้โรยด้านบนข้าวโพดคั่ว เพื่อให้ข้าวโพดคั่วมีรสหวานอร่อยขึ้น

หลินเซี่ยวางถุงไนลอนบนไหล่ของเธอ และพาหู่จือเดินผ่านทุ่งข้าวสาลีเพื่อไปทำข้าวโพดคั่ว

ในขณะนี้ คนกลุ่มหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กได้มารวมตัวกันรอบ ๆ แผงขายข้าวโพดคั่ว

หลายครอบครัวกำลังเข้าคิว

ชายสูงอายุนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็ก โดยใช้มือข้างหนึ่งควบคุมเครื่องสูบลมและอีกมือเขย่าหม้อที่ดำคล้ำ เด็กน้อยหลายคนรวมตัวกันและพูดคุยอย่างตื่นเต้นว่า ข้าวโพดในหม้อจะใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะสุก

หลินเซี่ยและหู่จือก็ยืนรออยู่อยู่ด้านข้างเช่นกัน

หลังจากนั้นไม่กี่นาที ชายชราบอกว่ากำลังจะได้ที่แล้ว เด็ก ๆ จึงวิ่งหนีไปปิดหูของตัวเองอย่างรวดเร็ว

หลินเซี่ยช่วยปิดหูของหู่จือ และเฝ้าดูชายชรายัดกระป๋องเข้าไปในปากกระสอบ จากนั้นก็ได้ยินเสียงของกระทบหม้อเหล็กดังปุงปังขณะข้าวโพดหลุดเข้าไปในกระสอบ

ป้าที่สวมผ้าคลุมศีรษะรีบหยิบกระเป๋าของตัวเองมาเทข้าวโพดคั่วลงไป

คุณป้าเป็นคนใจดี ขณะบรรจุข้าวโพดคั่ว หล่อนก็แจกเด็ก ๆ ที่ดูอย่างสนุกสนานคนละกำมือ

หากมีเด็กเขินอายเกินกว่าจะรับ คุณป้าจะยัดใส่มือเด็กด้วยรอยยิ้มใจดี

หลินเซี่ยมองผู้หญิงที่มีแก้มสีชมพูและรอยยิ้มที่เรียบง่าย เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและได้รับการเยียวยาในหัวใจ

ท้ายที่สุดแล้วก็มีคนแปลกประหลาดเพียงไม่กี่คนอย่างแม่เฒ่าหลินและหลินเอ้อร์ฝูในหมู่บ้าน

ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นคนเรียบง่ายและมีจิตใจดีมาก

คุณป้าใจดีเดินมาหาหลินเซี่ยและหู่จือด้วยรอยยิ้ม “มาสิ ภรรยาเจียเหอ พวกเธอสองคนก็รับไปกินด้วย”

หลินเซี่ยยิ้มและโบกมือ “ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า เราเอาข้าวโพดมาคั่วเหมือนกัน”

“แต่เธอต้องเข้าแถวรอสักพักนะ รับไปกินก่อนสิ”

คุณป้ามีความกระตือรือร้นมาก ดังนั้นหลินเซี่ยจึงต้องคว้าข้าวโพดด้วยกำมือเล็ก ๆ และกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นนำไปให้หู่จือกิน

ทั้งสองยืนเข้าแถวและรอเป็นเวลานาน ก่อนที่จะถึงตาของพวกเขา เถ้าแก่ผสมน้ำตาลกรวดกับน้ำ ก่อนเทลงในข้าวโพด แล้วเขย่าให้เข้ากัน จากนั้นเทข้าวโพดลงในหม้อ

หลินเซี่ยนำข้าวโพดไปมากจนเขาต้องคั่วมันถึงสามครั้ง

พวกเขาได้รับข้าวโพดคั่วมาเกือบครึ่งหนึ่งของถุงไนลอน

เธอถือถุงไว้และพาหู่จือกลับบ้าน เมื่อกลับมาที่บ้านก็เทข้าวโพดลงอ่างและนำไปที่ห้องหลัก

หู่จือหยิบกำมือหนึ่งมาให้ผู้เฒ่าโจวและพูดว่า “คุณปู่ทวด ลองกินสิครับ มันหวานมาก”

จากนั้นเขาก็ป้อนคุณย่าทวดอีกคำหนึ่ง

“คุณปู่กับคุณย่ารองก็มากินด้วยกันสิครับ”

โจวเจี้ยนกั๋วและหวังอวี้เสียคว้ามาคนละกำมือ ก่อนที่โจวเจี้ยนกั๋วจะขยิบตาให้หู่จือ

“เอาไปให้คุณย่าของเธอด้วยสิ”

หู่จือถืออ่างเดินเข้าไปหาโจวลี่หรงและพูดด้วยความเขินอาย “คุณย่า กินข้าวโพดด้วยกันสิครับ”

โจวลี่หรงมองดูเด็กน้อยที่กำลังถืออ่างขนาดใหญ่เข้ามา หล่อนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยิบขึ้นมาหนึ่งกำมือ

ใบหน้าเล็กของหู่จือเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสในทันที

เมื่อโจวเจี้ยนกั๋วไปที่ลานบ้าน หู่จือก็เข้ามาจับมือของเขาและพูดอย่างมีความสุขว่า

“คุณปู่ วันนี้คุณย่าของผมดูอ่อนโยนขึ้นนะ”

โจวเจี้ยนกั๋วรู้สึกอึดอัดเมื่อฟังคำพูดไร้เดียงสาของเด็กน้อย

เขาเลยพยายามหาโอกาสวางแผนจะไปคุยกับโจวลี่หรง

“พี่ ช่วยทำดีกับหู่จือและเซี่ยเซี่ยหน่อยได้ไหม ดูสิว่าตอนนี้เจียเหอมีความสุขแค่ไหน ภรรยาของเขาทั้งฉลาดและมีความสามารถ ส่วนลูกชายของเขาก็เป็นเด็กดีและร่าเริง ผู้อาวุโสอย่างเราควรจะมีความสุขที่เห็นลูกหลานมีชีวิตที่ดีแบบนี้นะ พี่มัวแต่อคติอะไรอยู่”

โจวลี่หรงเป็นศัตรูกับทุกคนที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างหล่อน “สิ่งที่นายสนใจก็มีแค่ภรรยากับลูกของตัวเอง มัวแต่แสวงหาความอบอุ่นจากเตียงเตาที่ร้อนระอุ หลังจากอาศัยในเทศมณฑลเล็ก ๆ มาหลายปี นายก็สูญเสียแรงผลักดันและขาดความกระตือรือร้นต่อภาพรวมที่ใหญ่กว่า นายอยากให้เจียเหอเป็นเหมือนกับตัวเองหรือไง?”

โจวเจี้ยนกั๋วโต้กลับด้วยความหงุดหงิดว่า “แล้วมันผิดอะไรกับการที่ให้ภรรยาและลูกอยู่บนเตียงเตา? ครอบครัวที่มีความสุขจะทำให้คุณมีพลังที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน ครอบครัวที่มีความสุขและประสบความสำเร็จในอาชีพการงานจะไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น จะให้เราเป็นเหมือนกับพี่ที่ปฏิเสธญาติทั้งหมดเพื่อไล่ตามสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเหรอ? แล้วทำไมถึงไม่เป็นข้าราชการระดับสูงล่ะ? ทำไมถึงยังอยู่ที่สหพันธ์สตรีมาตั้งหลายปี”

โจวลี่หรงถูกน้องชายเยาะเย้ย จึงโต้กลับด้วยสีหน้าโกรธเคือง “ทำงานในสหพันธ์สตรีแล้วผิดอะไร? ฉันไม่ควรพูดหรือกระทำเพื่อผู้หญิงร่วมชาติเดียวกันหรือยังไง?”

โจวเจี้ยนกั๋วเย้ยหยัน “หลินเซี่ยไม่ใช่ผู้หญิงเหรอ? พี่เคยพูดเพื่อหล่อนบ้างหรือเปล่า? ทำไมพี่ถึงมุ่งเป้าไปที่หล่อนตลอดด้วย? นอกจากนี้น้องสะใภ้ของพี่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงหรือไง? ตั้งแต่ที่ผมแต่งงานกับหวังอวี้เสีย พี่ก็ทนหล่อนไม่ได้และยังทำท่าทางเย็นชาใส่ พี่คิดว่าผมไม่เห็นเหรอ? ไม่ใช่พี่หรอกเหรอที่แนะนำให้ผมรู้จักกับผู้หญิงจากในเมือง เพราะอยากให้ผมย้ายไปเมืองไห่เฉิง ผมไม่ได้ทำตามที่พี่บอกหรือยังไง? คนของพวกพี่เอาแต่พูดเรื่องหลักการที่ยิ่งใหญ่อยู่เสมอ มันฟังดูกระจ่างแจ้งมาก แต่เมื่อพูดถึงสถานการณ์ของพี่เอง พี่กลับเห็นแก่ตัวมากกว่าใคร ๆ”

โจวเจี้ยนกั๋วไม่คาดคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับหลานชายของเขาอีกครั้งหลังจากผ่านไปสิบสองปี

หวังอวี้เสียรู้สึกประทับใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นสามีพูดปกป้องหล่อน

ตอนที่โจวเจี้ยนกั๋วแต่งงานกับหล่อน โจวลี่หรงก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน แต่ตระกูลโจวไม่เคยบอกหล่อนเรื่องนี้เลย กระทั่งลูกชายของหล่อนโตขึ้น หล่อนจึงได้เรียนรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีต

ด้วยบุคลิกที่สบาย ๆ และแสดงความรักต่อโจวเจี้ยนกั๋วอย่างสม่ำเสมอ หล่อนจึงไม่เคยคำนึงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเลย

อย่างไรก็ตาม หล่อนกับโจวลี่หรงไม่ได้เจอกันมากกว่าปีละครั้ง

ผู้คนล้วนมีความทะเยอทะยานเป็นของตัวเอง หล่อนกับโจวเจี้ยนกั๋วชอบอยู่เมืองเล็ก ๆ ที่พวกเขาสามารถกลับมาดูแลผู้สูงอายุได้ พวกเขารู้สึกสบายใจและมีความสุขมากกว่า

หวังอวี้เสียพูดขึ้น “พี่คะ พี่ไม่ชอบที่เซี่ยเซี่ยกลายเป็นสาวชนบทและดูถูกภูมิหลังครอบครัวของหล่อนใช่หรือเปล่า?”

โจวลี่หรงยังไม่ทันได้ตอบกลับ โจวเจี้ยนกั๋วก็โพล่งออกด้วยความโกรธอีกครั้ง “แล้วตัวพี่ไม่ใช่คนชนบทหรือยังไง? แปลกประหลาดจริง ๆ ที่คนจากชนบทดูถูกคนในชนบทด้วยกันเอง ผู้หญิงแบบพี่เอาแต่สร้างปัญหา ทำไมผู้หญิงต้องสร้างเรื่องยุ่งยากให้ผู้หญิงอีกคนด้วยล่ะ?”

โจวลี่หรง “!!!”

ถึงกระนั้นหล่อนก็ไม่เคยตระหนักถึงความผิดปกติในพฤติกรรมของตนเอง “ถ้าเขาพบคู่ครองที่เหมาะสม มันจะเป็นประโยชน์ต่อโอกาสในอนาคตของเขาเอง”

“คู่ครองที่เหมาะสม? ลูกชายพี่ดูเหมือนคนที่จะพึ่งพาผู้หญิงงั้นเหรอ?” โจวเจี้ยนกั๋วกล่าว “เจียเหอทำงานด้านเทคโนโลยี ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องหาคนที่เข้ากันได้ดี ตามใจปากลำบากท้อง แต่หลินเซี่ยเป็นคนฉลาด และเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมือเครื่องจักรเป็นอย่างดี ทั้งสองนั้นเหมาะสมกันอย่างแท้จริง”

โจวลี่หรงพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “แล้วนายรู้อะไรเกี่ยวกับเครื่องจักร? ลองวาดพิมพ์เขียวให้ฉันก่อน แล้วเราค่อยคุยกัน”

เขาเป็นถึงผู้อำนวยการโรงงาน แต่กลับหูเบาขนาดนี้ได้อย่างไร

หลงเชื่อสิ่งที่เด็กสาวคนหนึ่งพูดอย่างง่ายดาย

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะถูกหวังอวี้เสียเกลี้ยกล่อมในตอนนั้น

“พี่ พี่ควรกังวลเกี่ยวกับเจียซิ่งและเจียวั่งให้มากกว่านี้ ผมได้ยินมาว่าเจียซิ่งและภรรยาของเขากลับมาบ้านเกิดด้วยกัน แล้วทำไมถึงจากไปโดยไม่ล่ำลากันเลย? พวกเขายังจำผมที่เป็นน้าชายได้อยู่ไหม? เจียซิ่งก็เหมือนกับพี่นั่นแหละ เพิกเฉยและไม่ยอมรับความจริง”

โจวลี่หรงทุบโต๊ะด้วยความโกรธ “แกพูดกับพี่สาวตัวเองแบบนี้ได้ยังไง?”

หวังอวี้เสียกลัวมาก จนต้องดึงโจวเจี้ยนกั๋วและบอกให้เขาหยุดพูด

โจวเจี้ยนกั๋วไม่ได้กลัวพี่สาวคนนี้และไม่ได้ก้าวร้าวกับหล่อน ยังคงพูดต่อด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“เพราะว่าเป็นพี่สาวของผมหรอกนะ ผมถึงบอกความจริงและขอให้พี่แก้ไขปัญหาดังกล่าว ไม่อย่างนั้นเจียเหออาจโกรธพี่และตัดความสัมพันธ์ในอนาคต เราทั้งคู่ต่างก็เป็นพ่อแม่คนแล้ว ผมเองก็มีลูกเหมือนกัน พี่ดูหลานชายสิ เขาไม่กลับบ้านช่วงปิดเทอมหน้าหนาว แต่ผมก็ไม่เคยก้าวก่ายเขา เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ตราบใดที่เขาไม่ทำผิดกฎหมายหรือสร้างปัญหา เขาจะทำอะไรก็ได้ที่เขาอยากทำ”

“ถ้าแกปล่อยเขาไปแบบนี้ มาดูกันว่าเขาจะเป็นยังไงต่อในอนาคต”

“จริงอยู่ที่ลูกชายของผมอาจเทียบไม่ได้กับเจียเหอ แต่เขาอาจจะเหนือกว่าลูกชายอีกสองคนของพี่ก็ได้”

โจวลี่หรงโกรธมากจนอยากจะวิ่งหนีออกไป

โจวเจี้ยนกั๋วได้พูดทุกอย่างที่เขาต้องการจะพูดแล้ว เขารู้ว่าพี่สาวกำลังเดือดดาลหนัก หากเขาพูดต่ออีกสักประโยคเดียว สงครามจะต้องปะทุขึ้นแน่

“พี่ สงบสติอารมณ์ตัวเองซะ พี่จะฆ่าแมลงวันได้ด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่นนั่นอยู่แล้ว ยิ่งโกรธยิ่งแก่เร็วนะ”

หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินจากไป ไม่นานเขาตะโกนบอกหลินเซี่ยที่กำลังทำอาหารเย็นอยู่ในครัว “เซี่ยเซี่ย ไม่ต้องทำงานบ้านหรอก ให้แม่ยายกับน้าสะใภ้ทำแทนเถอะ หลานจะได้มีเวลาวาดแบบให้น้าโดยเร็ว”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คุณน้าคือ MVP ในตอนนี้ พูดทุกอย่างแทนใจผู้แปลไปหมดแล้ว นั่นสินะป้า ทำไมป้าต้องกดหัวผู้หญิงด้วยกันด้วย ส่งต่อความท็อกซิกจากรุ่นสู่รุ่นแบบนี้ไม่เหนื่อยหรือไง

ไหหม่า(海馬)