ตอนที่ 55 ละครย้อนยุคในชาติที่แล้ว

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 55 ละครย้อนยุคในชาติที่แล้ว

ตอนที่ 55 ละครย้อนยุคในชาติที่แล้ว

“เปลี่ยนแปลง?” โจวเจี้ยนกั๋วได้ยินคำพูดของเธอ จึงมองอย่างสงสัย

หลินเซี่ยตอบกลับอย่างจริงจัง “ใช่ค่ะ คุณน้าสามารถเปลี่ยนแนวทางของตัวเองได้ แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่การจัดหาชิ้นส่วนให้กับโรงงานในเมืองใหญ่ แต่กลับมาใส่ใจกับสถานการณ์ในท้องถิ่น คุณน้าสามารถพิจารณาเปลี่ยนไปผลิตเครื่องมือทางการเกษตร ลองสร้างผลิตภัณฑ์ที่คนในท้องถิ่นของเราต้องการสิคะ”

ทันทีที่เธอพูดแบบนี้ ทั้งครอบครัวก็หันมองเธอเป็นตาเดียว

“คุณน้า เคยเห็นคนทำการเกษตรไหมคะ?”

โจวเจี้ยนกั๋วยิ้มอย่างขมขื่น “เซี่ยเซี่ย มันซับซ้อนกว่านั้นมาก โรงงานของเราผลิตอะไรแบบนั้นไม่ได้ในขณะนี้หรอก สิ่งสำคัญคือเราไม่มีอุปกรณ์และชิ้นส่วน”

“ถ้าอย่างนั้นขอพูดถึงวิธีที่ง่ายที่สุดอย่างเครื่องคัดแยกเมล็ดข้าวโพดแล้วกันค่ะ สิ่งนี้น่าจะเป็นไปได้ มันมีโครงสร้างที่เรียบง่ายและไม่ต้องใช้กระบวนการผลิตที่ซับซ้อนมากเกินไป ทุกครัวเรือนล้วนต้องการมัน”

“แล้วก็ยังมีเครื่องจักรขนาดเล็กสำหรับทำบะหมี่”

“เครื่องมือที่ง่ายที่สุดคงเป็นเครื่องหยอดเมล็ดแบบมือถือ ซึ่งสามารถหยอดเมล็ดขณะยืนได้ มันไม่ถือเป็นเครื่องจักรด้วยซ้ำ คุณแค่ถือมันไว้ในมือ แทงลงไปในดินตามความลึกที่ต้องการและหยอดเมล็ดอัตโนมัติ ถ้าการออกแบบดีก็สามารถปลูกเมล็ดเดี่ยวหรือเมล็ดคู่ ไม่เพียงแค่มีประสิทธิภาพ แต่ยังรับประกันความลึกของการปลูกและอัตราการงอกที่สม่ำเสมอ มันเหมาะอย่างยิ่งสำหรับภูมิประเทศที่เป็นเนินเขาของเราในบริเวณนี้”

หลินเซี่ยพูดถึงเครื่องจักรในครัวเรือนและการเกษตรหลายประเภทในคราวเดียว

บ้างก็เคยเห็น บ้างไม่เคยได้ยินชื่อ

เฉินเจียเหอมองเธอด้วยความไม่อยากเชื่อ

เพราะแม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่เคยเห็นเครื่องมือที่เธอพูดมา

เธอเติบโตขึ้นมาในเมือง แล้วจะรู้เกี่ยวกับเครื่องมือการเกษตรเหล่านี้ได้อย่างไร?

โจวเจี้ยนกั๋วเริ่มให้ความสนใจ เขามองหลินเซี่ยด้วยความคาดหวังและถามว่า

“เซี่ยเซี่ย นี่เป็นผลิตภัณฑ์ของโรงงานเครื่องจักรของพ่อเธอหรือเปล่า?”

หลินเซี่ยส่ายหัว “ไม่ใช่ค่ะ”

เธออธิบาย “พวกเขาคงไม่ผลิตของพวกนี้ในโรงงาน ฉันคิดมันขึ้นมาเองค่ะ”

ทันทีที่เธอพูดแบบนี้ ทุกคนก็มองเธอด้วยความไม่เชื่ออีกครั้ง

คิดขึ้นมาเองเหรอ?

ทำไมเด็กสาวตัวเล็ก ๆ ถึงสามารถคิดเรื่องเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง? สิ่งสำคัญคือเธอไม่ได้ทำงานในโรงงานเครื่องจักร แต่เป็นช่างทำผม

โจวเจี้ยนกั๋วที่คาดหวังอย่างเต็มที่ก็ต้องท้อแท้เมื่อได้ยินว่าเป็นความคิดของเธอ

หลินเซี่ยพบกับสายตาแปลก ๆ ของทุกคน จึงอธิบายอย่างใจเย็นว่า

“ฉันโตมากับการฟังผู้คนพูดถึงชิ้นส่วนเครื่องจักรกลในโรงงานเครื่องจักร เลยเข้าใจในพื้นฐานเกี่ยวกับเครื่องมือเหล่านั้น ฉันเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นและชอบที่จะลองคิดดู ฉันคิดว่าเครื่องรีดแป้งแบบใช้มือขนาดใหญ่นั้นใช้แรงกายค่อนข้างมาก และเคยว่าทำไมเราถึงไม่ทำเครื่องรีดแป้งขนาดเล็กที่ใช้ในครัวเรือนบ้างล่ะ? ถ้าเป็นแบบใช้ไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่คงเป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้หญิงด้วย ในชนบทโดยปกติแล้วผู้หญิงจะเป็นคนทำอาหารและต้องทำเส้นบะหมี่ทุกวัน ถ้าเรามีเครื่องรีดแป้งทำเส้นขนาดเล็ก คิดดูสิว่าจะมีประโยชน์กับผู้หญิงมากมายแค่ไหน?”

ทุกคนจะเข้าใจไหมนะ?

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองทุกคน

“แล้วก็สำหรับคนที่ปลูกข้าวโพด ฉันเห็นว่าชาวนาใช้วิธีการดั้งเดิมคือการนั่งยอง ๆ กับพื้น ขุดหลุมด้วยพลั่ว หยอดเมล็ดข้าวโพดลงไปและกลบดิน วิธีการนี้ค่อนข้างล่าช้าและยังเหนื่อยมาก ถ้าเรายืนปลูกได้มันคงเร็วกว่านี้มาก เครื่องมือที่ฉันพูดถึงไม่เพียงใช้ปลูกข้าวโพดเท่านั้น แต่ยังนำไปปลูกพืชอื่นได้อีกด้วย และฉันคิดว่าโครงสร้างของเครื่องคัดแยกเมล็ดข้าวโพดนั้นเรียบง่ายมากเช่นกัน ประกอบไปด้วยตัวถัง ตัวหมุน และส่วนที่เอาไว้ใส่อาหาร ซึ่งเร็วกว่าการใช้มือนวดมาก ถ้าผลิตในโรงงานและเปิดขายในหมู่ประชาชนได้ก็คงจะได้รับความนิยมอย่างแน่นอน เพราะเราเป็นประเทศเกษตรกรรมขนาดใหญ่ จึงควรคำนึงถึงปัญหาจากมุมมองของเกษตรกรให้มากขึ้น”

สิ่งที่หลินเซี่ยพูดนั้นจริงจังและสมเหตุสมผลมาก แม้แต่โจวลี่หรงที่ไม่ต้องการยุ่งกับอีกฝ่ายยังอดไม่ได้ที่จะหันมอง

เธอเติบโตขึ้นมาในครอบครัวโรงงานเครื่องจักร ดังนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจที่เธอจะรู้สิ่งเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นเพียงเด็กสาวอายุยี่สิบปี แต่เมื่อเธอจริงจังขึ้นมา ทั้งท่าทางและความน่าเกรงขามที่แสดงออกมาไม่สอดคล้องกับอายุของเธอเลย

บางทีอาจเป็นเพราะเขารู้สึกลำบากใจมาก โจวเจี้ยนกั๋วจึงมีความหวังในความคิดของหลินเซี่ย “เซี่ยเซี่ย ช่วยวาดเครื่องมือที่หลานกำลังพูดถึงให้น้าหน่อยได้ไหม?”

“ฉันจะลองดูค่ะ”

“อื้อ งั้นหลานกลับห้องและเริ่มวาดเลยได้ไหม?”

หลินเซี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณน้า ไม่ต้องกังวลนะคะ คุณน้าเฉลิมฉลองปีใหม่ให้สบายใจเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันคิดและวาดในตอนกลางคืน”

เธอไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะสามารถวาดมันได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่ แต่โจวเจี้ยนกั๋วและเฉินเจียเหอต่างทำงานด้านเทคโนโลยีเครื่องกล ตราบใดที่เธอวาดโครงร่างคร่าว ๆ พวกเขาก็เสริมคุณสมบัติด้านประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้

เธอแค่ต้องเสนอหลักการของเครื่องมือเหล่านั้นออกไป

หลินเซี่ยผู้เติบโตในเมืองใหญ่จะรู้จักเครื่องมือการเกษตรขนาดเล็กเหล่านั้นได้อย่างไร?

มันเป็นเรื่องน่าขันที่จะบอกว่า เรื่องนี้มีต้นกำเนิดมาจากละครย้อนยุคที่เสิ่นอวี้อิ๋งเคยนำแสดงในชีวิตที่แล้ว

เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับลูกสะใภ้ในชนบทที่อุตสาหะและทำงานอย่างหนัก เพื่อตั้งตัวจนร่ำรวยหลังจากการปฏิรูปและเปิดประเทศ

ผู้กำกับกล่าวว่าความรู้สึกเหมือนผู้หญิงติดดินของเสิ่นอวี้อิ๋งเหมาะมากสำหรับการเล่นเป็นนางเอกของละครเรื่องนี้

แล้วมันยังเป็นละครเรื่องเดียวในอาชีพการแสดงของเสิ่นอวี้อิ๋งที่ไม่ต้องใช้ทักษะในการพูดมากมาย

ส่วนเธอเป็นสไตลิสต์ในกองถ่าย

เธอจำได้ว่านางเอกในละครเรื่องนั้นมีความสามารถอย่างไม่น่าเชื่อ

ด้วยสมองอันชาญฉลาดของนางเอก หล่อนได้พัฒนาเครื่องมือทางการเกษตรหลายชุด ต่อมาก็ก่อตั้งโรงงานผลิตเครื่องมือการเกษตรของตัวเอง ยื่นขอจดสิทธิบัตร และพัฒนาเครื่องมือใหม่ ๆ มากมาย

ขณะที่ถ่ายทำละครเรื่องนี้ เสิ่นอวี้อิ๋งต้องจดจำบทเกี่ยวกับเครื่องมือมากมาย และเพื่อเน้นความสมจริงของละคร ชาวบ้านก็ได้สาธิตเครื่องมือการเกษตรแก่นักแสดงตลอดกระบวนการทั้งหมด

นอกจากนี้ยังมีภาพวาด ตัวอย่าง และสิ่งที่เกี่ยวข้องอีกมากมายของเครื่องมือการเกษตรอีกด้วย

ผู้กำกับได้ย้ายเครื่องมือการเกษตรจำนวนมากไปยังห้องพักของเสิ่นอวี้อิ๋ง และขอให้หล่อนท่องบทเกี่ยวกับสิ่งของเหล่านั้นทั้งหมด เพื่อที่จะได้ถ่ายทำอย่างราบรื่น

เสิ่นอวี้อิ๋งรู้สึกรำคาญมากที่ต้องท่องบทเกี่ยวกับเครื่องมือมากมาย ต่อมาเมื่อหล่อนขี้เกียจเกินกว่าจะท่องบทเอง จึงขอให้หลินเซี่ยอ่านบทเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ากรอกหูเธอ

เธอไม่กล้าขัดคำสั่งของเสิ่นอวี้อิ๋ง ทั้งที่ในเวลานั้นเธอแทบอาเจียนออกมาเป็นบทละครพวกนั้น

เธออยู่ในทีมงานมานานกว่าหนึ่งปี ภาพและโครงสร้างของเครื่องมือเหล่านั้นจึงฝังลึกอยู่ในใจ

โดยไม่คาดคิดเลยว่ามันจะมีประโยชน์ตอนนี้

หากโรงงานเครื่องจักรของโจวเจี้ยนกั๋วสามารถผลิตเครื่องการเกษตรเหล่านั้นได้ทั้งหมด มันคงจะถือเป็นพรอันประเสริฐแก่ชาวนาชาวไร่

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ประโยชน์ของการละครสินะคะ ทีนี้ได้เอามาใช้จริงแล้ว ไหนใครบอกว่านิยายเป็นเรื่องไร้สาระ เบื้องหลังของนิยายแต่ละเรื่องมีสาระทั้งนั้นแหละ

ไหหม่า(海馬)