ตอนที่ 54 ปรากฏว่าหลินเซี่ยเข้าใจกลไกเครื่องมือ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 54 ปรากฏว่าหลินเซี่ยเข้าใจกลไกเครื่องมือ

ตอนที่ 54 ปรากฏว่าหลินเซี่ยเข้าใจกลไกเครื่องมือ

ในที่สุดโจวเจี้ยนกั๋วก็ได้หยุดงานและกลับบ้านช่วงบ่ายของวันที่ยี่สิบแปด เขาสวมหมวกหัวรถจักร*และแจ็กเกตบุนวมสีดำตัวใหญ่ ขณะที่ถือถุงใส่ของสำหรับปีใหม่และมีกระเป๋าอีกใบในมือข้างอื่น

*火車頭帽 หมวกขนสัตว์แบบทหารรัสเซียที่มีปีกด้านข้างดึงลงมาปิดหูตอนอากาศหนาวได้

ทันทีที่ผ่านเข้าประตู เขาเห็นโจวลี่หรงกำลังตากผ้าห่มที่ลานบ้าน จึงเดินไปทักทาย แต่โจวลี่หรงกลับบอกปัดเขาสีหน้าจริงจังและบอกว่ากำลังยุ่งกับงานบ้าน

โจวเจี้ยนกั๋วมองร่างอีกฝ่ายที่กำลังทำงานบ้านและรู้สึกสับสนเล็กน้อย

ดูเหมือนพี่สาวจะอารมณ์ไม่ดีหรือเปล่านะ?

เมื่อหู่จือเห็นปู่ของเขากลับมา เขาก็วิ่งไปหาด้วยความตื่นเต้น โจวเจี้ยนกั๋วรีบวางของในมือและอุ้มเขาขึ้น จากนั้นหยิบขนมและบิสกิตที่ซื้อมาฝากเขาเป็นพิเศษออกจากถุง

หูจื่อหยิบขนมขึ้นมา วิ่งไปที่ห้องของหลินเซี่ยและยื่นขนมให้เธอ

โจวเจี้ยนกั๋วย้ายข้าวของต่าง ๆ เข้าไปในห้องครัว ดวงตาเขาพลันเปล่งประกายทันทีเมื่อเห็นการแต่งหน้าอันงดงามของหวังอวี้เสียในวันนี้ “นี่ภรรยาของใครกันเนี่ย? ทำไมถึงสวยขนาดนี้?”

หวังอวี้เสียตอบ “ลิปสติกที่ฉันทาวันนี้ดูไม่เหมือนว่ากินเลือดมาแล้วใช่ไหม? เซี่ยเซี่ยช่วยทาให้ฉันน่ะ”

ในวันนั้นหลังจากที่ดัดผมมา หล่อนได้ทาลิปสติกและเขียนคิ้วที่บ้าน ซึ่งเกือบจะทำให้ทะเลาะกับโจวเจี้ยนกั๋ว เพราะเขาปฏิเสธที่จะนอนร่วมเตียงกับหล่อน โดยบอกว่าหล่อนแต่งหน้าหนามาก ปากหล่อนดูหนาเตอะราวกับกินเลือดและคิ้วก็ดูเหมือนดักแด้สองตัวเกาะเหนือดวงตา ซึ่งอาจทำให้เขานอนฝันร้ายในตอนกลางคืน

โจวเจี้ยนกั๋วพูดชมภรรยาของตัวเองไม่หยุด “สวยมาก คุณควรเรียนรู้จากหล่อนและแต่งหน้าแบบนี้ในอนาคตนะ”

เมื่อภรรยาของเขาแต่งหน้าสวย ดวงตาของเขาก็จะทรมานน้อยลง

เขามองออกไปนอกห้องครัวแล้วถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เกิดอะไรขึ้นกับพี่สาว? หล่อนดูหงุดหงิดมากและไม่ยอมคุยกับผม หล่อนโกรธผมหรือเปล่าที่ไม่ได้กลับมาบ้านมาเร็วกว่านี้ ขณะที่หล่อนกลับมาถึงบ้านเกิดก่อน?”

“ช่างหล่อนเถอะค่ะ หล่อนแค่ไม่ชอบภรรยาของเจียเหอ แล้วยังคอยสร้างปัญหาให้เจียเหอและหลินเซี่ยให้หย่าร้างกัน จนถึงตอนนี้ก็ไม่ยอมคุยกับหลินเซี่ย และพาลไม่คุยกับเราแล้วด้วยซ้ำ วัน ๆ เอาแต่ทำงานบ้าน”

โจวเจี้ยนกั๋วพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเช่นนั้น “อ้าว แล้วเมื่อไหร่หล่อนจะหายหงุดหงิดล่ะ?”

หวังอวี้เสียกระซิบ “ตอนว่าง ๆ คุณก็อย่าไปเข้าใกล้หล่อนล่ะ แล้วคุณจะรอดพ้นจากการถูกเหวี่ยงใส่”

“เข้าใจแล้ว ผมจะหลีกเลี่ยงไว้”

โจวเจี้ยนกั๋วมองหน้าภรรยาของตัวเอง อดไม่ได้ที่จะขยับไปจูบหล่อนก่อนจะเดินออกจากประตูห้องครัว

โจวลี่หรงกำลังซักผ้าให้พ่อแม่ในลานบ้าน และบังเอิญเห็นพฤติกรรมของน้องชายและน้องสะใภ้จากหน้าต่างห้องครัวโดยบังเอิญ สีหน้าของหล่อนพลันเปลี่ยนไปทันที

แก่ขนาดนี้แล้วยังไร้ยางอายอีก

ไม่น่าแปลกใจเลยที่สองคนนั้นจะยังอยู่แค่ในเทศมณฑลเล็ก ๆ นี้ไปตลอดชั่วชีวิต

อีกอย่าง พวกเขาควรจะลดเสียงลงกว่านี้หน่อยไม่ใช่เหรอเวลาที่แอบนินทาหล่อน?

ผู้เฒ่าโจวและเฉินเจียเหอกำลังทำคอกวัวในสวนหลังบ้าน แม้แต่ฝูงปศุสัตว์ก็ยังฉลองปีใหม่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำความสะอาดอย่างทั่วถึงเพื่อเริ่มต้นปีใหม่อย่างสดใส

เมื่อพวกเขาเห็นโจวเจี้ยนกั๋วกลับมา พวกเขาก็ล้างมือและกลับบ้านเข้าบ้านด้วยกัน

หลินเซี่ยกำลังทำปลอกหมอนใบใหม่สำหรับแม่เฒ่าโจวโดยใช้ผ้าลายดอกไม้ที่เธอได้มาจากครั้งก่อน ซึ่งมันจะเสร็จทันเวลาพอดี

เมื่อได้ยินว่าน้าชายกลับมาแล้ว เธอจึงเดินออกมาพร้อมปลอกหมอนใบใหม่

เธอทักทายน้าชายด้วยความสุภาพ

ในวันแต่งงานเขาไม่ได้มองอีกฝ่ายอย่างใกล้ชิด แต่เมื่อได้เห็นหลินเซี่ยวันนี้ โจวเจี้ยนกั๋วก็มีรอยยิ้มบนใบหน้า

เมื่อดูเฉินเจียเหอแล้ว ผู้ชายคนนี้โชคดีจริง ๆ

ผู้เฒ่าโจวรีบชงชาให้ลูกชายเพื่อจะได้อุ่นร่างกาย ส่วนแม่เฒ่าโจวนำโหย่วปิ่งมาให้เขา

โจวเจี้ยนกั๋วและโจวลี่หรงต่างก็มีงานทำทั้งคู่ ผู้เฒ่าโจวยังคงมีเงินบำนาญเล็กน้อย ดังนั้นชีวิตของตระกูลโจวในหมู่บ้านแห่งนี้จึงถือว่าเป็นหนึ่งในชีวิตที่สุขสบาย

แม้ชีวิตจะดูค่อนข้างเรียบง่าย แต่ก็ดีกว่าหลายครอบครัวในหมู่บ้านที่แทบไม่รอดพ้นจากความอดอยากในฤดูหนาว

แม่เฒ่าโจวดึงโจวลี่หรงที่กำลังทำงานอยู่ในลานบ้านเข้ามาด้วยกัน “น้องชายของลูกกลับมาแล้ว ทั้งครอบครัวกำลังพูดคุยกัน ค่อยกลับไปทำงานทีหลังเถอะ”

โจวลี่หรงทำได้เพียงเดินตามไปห้องหลักด้วยความไม่เต็มใจ

ทั้งครอบครัวอยู่ที่นี่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

แม่เฒ่าโจวเห็นปลอกหมอนลายดอกไม้ที่หลินเซี่ยวางไว้บนเตียงเตา จึงถามด้วยรอยยิ้ม “เซี่ยเซี่ย นี่ทำให้ยายหรือ?”

หลินเซี่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “คุณยาย หนูทำให้ค่ะ แล้วก็เตรียมหมอนสำรองมาด้วย เพื่อให้คนที่บ้านได้นอนหนุนได้”

“พรุ่งนี้ยายจะใส่ปลอกหมอนใบใหม่ เราไม่ได้รับปลอกหมอนใหม่นานแล้ว ยายจะเอาไว้ใช้กับคุณตา ก็หลานสะใภ้ทำมันให้โดยเฉพาะเลยนี่นา”

แม่เฒ่าโจวเก็บมันไว้เหมือนกับสมบัติล้ำค่า

ยกเว้นโจวลี่หรงแล้ว ทุกคนต่างก็หัวเราะกับท่าทางแม่เฒ่าโจว

โจวเจี้ยนกั๋วพูดด้วยรอยยิ้ม “เจียเหอ นี่เท่ากับพบเพชรน้ำหนึ่งเลยไม่ใช่หรือไง? หลานสะใภ้คนนี้มีความสามารถมากมายได้อย่างไร? ดูสิว่าหล่อนแต่งหน้าให้น้าสะใภ้ได้สวยแค่ไหน แล้วยังทำปลอกหมอนให้คุณยายได้ด้วย เป็นคนเก่งจริง ๆ”

เฉินเจียเหอรู้สึกภูมิใจมากเมื่อภรรยาของเขาได้รับคำชม

หู่จือเองก็ภูมิใจไม่ต่างกัน

“คุณปู่ น้าเซี่ยเซี่ยทำชุดทหารให้ผมด้วย แล้วยังทำเนื้อกระต่ายตุ๋นได้อร่อยสุดยอด”

นับตั้งแต่ที่หลินเซี่ยทำชุดทหารและหาเงินซื้อประทัดให้หู่จือ เด็กน้อยก็ยอมรับเธออย่างสมบูรณ์

แม่เฒ่าโจวรู้สึกมีความสุขมาก “ใช่แล้ว เจียเหอของเราโชคดีมาก เหมือนที่คนเขาบอกว่าสิ่งที่ดีในชีวิตคุ้มค่ากับการรอคอย มันเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน เจียเหอแต่งงานช้า แต่เมื่อเขาแต่งงาน เขาก็ได้ภรรยาที่ทั้งสวยและมีความสามารถมาก”

ยิ่งทุกคนพูดชมหลินเซี่ยมากเท่าใด ใบหน้าของโจวลี่หรงก็ยิ่งน่าเกลียดมากเท่านั้น

แต่หล่อนไม่กล้าพูดอะไร และทำได้เพียงอดทน

ผู้เฒ่าโจวเปลี่ยนเรื่องทันเวลา เขาหันไปหาลูกชายและพูดว่า “เจี้ยนกั๋ว ทำไมถึงกลับมาช้าขนาดนี้ล่ะ? ปีนี้สถานการณ์ในโรงงานไม่ค่อยดีเหรอ? ลูกดูเหนื่อยล้านะ”

“ใช่ครับ สินค้าที่โรงงานเครื่องจักรผลิตก่อนหน้าไม่สามารถหาตลาดลงได้ ตอนนี้ไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาด มันเลยค่อนข้างลำบาก และหลังปีใหม่อาจมีการเลิกจ้างเป็นจำนวนมาก”

โจวเจี้ยนกั๋วถอดหมวกหัวรถจักรออก ผมบางบนศีรษะของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาเริ่มหัวล้านแล้ว

เมื่อหวังอวี้เสียได้ยินแบบนั้น หล่อนก็พูดขึ้นว่า “คุณคะ คุณคงจะไม่ถูกเลิกจ้างใช่ไหม?”

“ในฐานะผู้อำนวยการผมยังไม่เป็นไรหรอก แต่จะมีประโยชน์อะไรที่พวกเขาจะเก็บผมไว้? ผมต้องหาวิธีที่จะสามารถรักษาทุกคนไว้ พวกเขาทุกคนต่างก็มีครอบครัวอยู่ด้านหลัง แล้วพวกเขาจะกินดื่มอะไรหากถูกเลิกจ้าง?”

โจวเจี้ยนกั๋วดื่มชา ก่อนจะมองเฉินเจียเหออย่างขอความช่วยเหลือ

“เจียเหอ โรงงานเครื่องจักรของเธอในเมืองไห่เฉิงตอนนี้สร้างผลิตภัณฑ์อะไรได้บ้าง? เป็นไปได้ไหมที่จะร่วมมือกับโรงงานขนาดเล็กแบบเรา หรือแม้แต่การจ้างคนภายนอกอย่างเราให้ไปทำงาน เธอช่วยเสนอความคิดให้น้าหน่อยสิ”

เฉินเจียเหอสบตากับน้าชายที่มองเขาอย่างคาดหวัง แม้จะอยากช่วยเพียงใด แต่เขาก็ต้องพูดตามความจริง “เท่าที่ผมรู้ โรงงานเครื่องจักรไห่เฉิงจัดหาชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้กับโรงงานยานยนต์เป็นหลัก ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นค่อนข้างซับซ้อน และวิธีการผลิตถูกเก็บไว้เป็นความลับอย่างแน่นหนา ยิ่งไปกว่านั้นอุปกรณ์เครื่องกลึงของน้าอาจไม่สามารถผลิตชิ้นส่วนที่แม่นยำขนาดนั้นได้”

เฉินเจียเหอเป็นช่างเทคนิคในอุตสาหกรรมยานยนต์และมักจะติดต่อกับโรงงานเครื่องจักร อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะให้การช่วยเหลือในเรื่องนี้ เนื่องจากโรงงานเครื่องจักรประจำเทศมณฑลของน้าชายเป็นโรงงานขนาดเล็ก แม้ว่าเขาจะต้องการช่วยเหลือแค่ไหน แต่สิ่งสำคัญคือพวกเขาขาดอุปกรณ์ที่จำเป็น

โจวเจี้ยนกั๋วถอนหายใจอีกครั้ง “ยุคสมัยนี้ทำมาหากินยากจริง ๆ”

หลินเซี่ยซึ่งนั่งอยู่หน้าเตาถ่านอัดก้อนรวงผึ้งและกำลังผิงไฟให้ตัวเองอบอุ่น เธอฟังการสนทนาของพวกเขาและถามโจวเจี้ยนกั๋วอย่างสุภาพว่า “คุณน้า เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงโรงงานเครื่องจักรของคุณบ้างไหมคะ?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ไม่มีสามีให้แสดงความรักล่ะสิป้า ถึงได้อิจฉาครอบครัวน้องชาย

เซี่ยเซี่ยมีอะไรดีๆ จะเสนอเพื่อกู้วิกฤตโรงงานคุณน้าไหมคะ

ไหหม่า(海馬)