บทที่ 13 คุณลักษณะผ่าน

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 13 คุณลักษณะผ่าน

หลังจากร่ำสุราอาหารกันจนพอใจ องครักษ์ทั้งสองจึงเดินออกจากโรงเตี๊ยมไปพร้อมกัน

“ไป ๆๆ ขึ้นหอนางโลมไปเมากันต่อเถอะ” หนึ่งในองครักษ์ว่า “อีกไม่กี่วันข้างหน้าพวกเราคงต้องออกไปทำงานนอกเมืองหลวง อีกทั้งยังต้องไปยังถิ่นทุรกันดาร พวกเราต้องรีบใช้โอกาสนี้เสพสำราญให้คุ้มค่า”

“แต่เมียข้า…” องครักษ์อีกคนเผยความกลัวออกมาเล็กน้อย “อีกอย่างหากเจ้าไม่กลับบ้าน เช่นนั้นจะไม่มีปัญหากับพี่สะใภ้งั้นหรือ?”

องครักษ์ที่เสนอให้ไปหอนางโลมสะบัดมือและกล่าวต่อ “นี่ นางนั่นคงเข้านอนกับพวกเด็ก ๆ ไปแล้ว ตอนออกมา ข้าบอกว่าจะไปทำงานราชการ พวกเราต้องเพิ่มขวัญกำลังใจให้ตัวเอง เข้าใจหรือไม่?”

องครักษ์อีกคนแสดงท่าทีที่ต้องการจะไปเช่นกัน เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาจึงกล่าว “ถ้างั้น…หากเมียของข้าถามขึ้นมา คงต้องรบกวนเจ้าช่วยพูดให้แล้ว”

“อืม สบายมาก!” องครักษ์ผู้ที่เสนอหัวเราะพลางตบหลังสหายร่วมงาน “คืนนี้พวกเราจะเสพสำราญเป็นคืนสุดท้าย ถ้าไม่เมาพวกเราไม่กลับ!”

ทั้งสองเผยรอยยิ้มที่บุรุษเท่านั้นจะเข้าใจ ขณะเดินท่ามกลางถนนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ทันใดนั้นปลายผ้าขององครักษ์คนหนึ่งก็ถูกดึงจากด้านหลัง

“ใครกัน?”

พวกเขาหันไปมองด้วยความเมาติดจะรำคาญ ปรากฏว่าเป็นเด็กผู้ชายตัวจ้อยมีผมสีดำและดวงตาเป็นประกาย มือข้างหนึ่งของเขาถือชามที่แตกอยู่ ส่วนอีกข้างกำลังดึงปลายผ้าขององครักษ์ เวลานี้เขากำลังมองด้วยแววตาอ้อนวอน

“ท่านลุงทั้งสอง” เด็กชายกล่าวอ้อนวอนด้วยถ้อยคำที่ฟังดูอู้อี้ “ได้โปรดเถอะ ได้โปรดให้เศษอาหารกับข้าหน่อย ข้าจะอดตายอยู่แล้ว”

องครักษ์ที่ถูกดึงปลายผ้ายังคงมึนเมาอยู่นิด ๆ เมื่อเห็นว่าเด็กผู้นั้นกำลังมาขวางทางการไปเสพสุขของตน เขาจึงบันดาลโทสะออกมาทันทีโดยการดึงปลายผ้ากลับและผลักเด็กคนนั้นลงบนถนน

“ไป ๆๆ ไอ้เด็กสกปรกตัวกะเปี๊ยก ไยข้าต้องมาซวยเช่นนี้!”

ขณะเดียวกัน องครักษ์อีกคนดูเหมือนจะสงบอารมณ์ของเขาไว้ได้ เขาจ้องมองไปยังเด็กชายคนนั้นที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่บนพื้น ทันใดนั้นเขาก็หันไปคว้าองครักษ์อีกคนกลับมา

“เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าลองดูให้ดีสิ เด็กคนนี้ดูเหมือนจะกำพร้าบิดาและมารดาอย่างที่เจ้าเคยพูดไว้ไม่ใช่หรือ?”

“หืม?” เมื่อได้ยินสิ่งที่สหายอีกคนพูด องครักษ์ที่กำลังโกรธเคืองอยู่จึงชะงักไปชั่วครู่ เขาสะอึกและมองไปยังเด็กชายคนนั้นที่กำลังพยายามทรงตัวยืน

ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอะไร ถึงแม้เด็กผู้ชายคนนี้จะสวมเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น อีกทั้งใบหน้า มือ และเท้ายังสกปรกจากดินโคลน แต่ดูจากสีหน้าและท่าทางแล้ว เจ้าเด็กคนนี้ก็ดูน่ารักไม่น้อย

หากนำไปล้างตัวและให้อาหารดี ๆ กินสักสองสามมื้อเพื่อเสริมสรีระ เขามั่นใจว่าตระกูลใหญ่ ๆ ต้องรับเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม หรือแม้แต่ทาส

องครักษ์ผู้นั้นส่ายหัวเพื่อขจัดความมึนออกไป จากนั้นจึงเหลือบไปมองสหายร่วมงานแวบหนึ่ง

เมื่อตั้งสติได้แล้วเขาก็ยอบตัวลงนั่งยอง ๆ และพยายามยิ้มอย่างที่สุดให้ดูเป็นมิตร ก่อนจะยื่นมือไปหาเด็กชายที่พื้น

“ข้าขอโทษนะเจ้าหนู ข้าไม่เห็นว่าเจ้าเป็นเด็ก ข้าขอโทษจริง ๆ ข้าขอโทษ”

“อื้ม…” เด็กชายดีดตัวขึ้นก่อนจะถอยหลังไปสองก้าวด้วยความกลัว จากนั้นจึงมองดูพวกเขาอย่างหวาดระแวง

หลังจากบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่สักพัก องครักษ์จึงพยายามฉีกยิ้มอีกครั้ง

“มากับพวกเราสิ พวกเราเป็นเจ้าหน้าที่ของซ่างเสวียน ฝ่าบาททรงบัญชาให้พวกเราดูแลประชาชนอย่างดี ให้มีกินจนอิ่มท้องและให้ความอบอุ่นพวกเขา พวกเราจะไม่ทิ้งเจ้าไว้บนถนนหรอก”

องครักษ์ยังคงยิ้มขณะยื่นมือไปให้เด็กชาย “ไปกันเถอะ พวกลุงจะพาเจ้าไปยังที่พักและให้อาหารกิน”

“ท่าน…ท่านมีของกินให้ด้วยหรือ?” เด็กชายถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

องครักษ์ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “แน่นอน รับรองว่าได้กินไม่อั้น! นอกจากนี้ยังมีเสื้อผ้าอบอุ่น เตียงนุ่ม ๆ พวกเราจะมอบให้กับเจ้าเอง!”

“เช่นนั้น…เช่นนั้นข้าจะไปกับพวกท่าน” เมื่อเด็กชายได้ยินว่ามีอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันทีและยื่นมือไปจับมือขององครักษ์ตรงหน้า

องครักษ์ผู้นั้นยิ้มกลับ จากนั้นเขาได้ยืนขึ้นและหันไปมองสหายร่วมงานพร้อมเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ท่านพี่ เราพาเขาไปยังหอสักการะก่อนเพื่อให้นายท่านพิธีตรวจสอบ”

“ย่อมได้ ๆ” องครักษ์อีกคนพยักหน้า “หลังจากเอาเด็กคนนี้ไปส่งแล้ว พวกเราค่อยกลับไปเสพสุขกัน”

ทั้งสองยิ้มขณะจูงมือเด็กชายไปยังหอสักการะของรัฐซ่างเสวียน แต่ทั้งสองกลับไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยแผนการของเด็กชายผู้นี้เลย

เด็กชายคนนี้คือไป๋ชิวหรานที่แปลงกายมา

ในช่วงการบ่มเพาะพลังสามพันปีมานี้ เขาเคยฝึกฝนอาคมทุกแขนง แน่นอนว่าเขายังฝึกจนเชี่ยวชาญทุกวิชา ซึ่งวิชาในการแปลงกายนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ด้วยพลังของวิชานี้ เขาสามารถแปลงกายได้ตามใจชอบ และด้วยเพราะเขาอยากรู้ว่าสถานการณ์ของรัฐซ่างเสวียนเป็นอย่างไร เขาจึงต้องแปลงกายเป็นเด็กผู้ชาย

โดยปกติแล้วเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงมักจะตกเป็นเหยื่อของผู้ที่นิยมการฝึกอาคม ไม่ว่าจะเป็นทางเพศ การสกัดวิญญาณ รวมไปถึงการสังเวยด้วยโลหิตจำนวนมาก

หลังจากตามองครักษ์ทั้งสองไปยังหอสักการะแล้ว ไป๋ชิวหรานก็ถูกสาวใช้สองคนพาไปยังโรงอาบน้ำเพื่อช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนร่างกายและจัดแจงสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ จากนั้นจึงพาไปที่ห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง

ผ่านไปชั่วครู่ก็มีคนนำสำรับอาหารมาวาง และสั่งให้เขาอยู่แต่ในห้อง อย่าออกไปไหนคนเดียว

เมื่อเห็นว่าบ่าวรับใช้จากไปแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงจัดการกินอาหารและใช้สัมผัสเทวะ เขาตรวจสอบหอสักการะทั้งหมดและพบว่าองครักษ์ทั้งสองกำลังอยู่ในห้องห้องหนึ่งภายในหอสักการะ ไป๋ชิวหรานพอจะรู้ถึงจุดประสงค์ของการทำพิธีครั้งนี้ และนอกจากนั้นก็ยังมีซือหม่าอิงป๋อที่เขาพบในภูเขาเหมิงอยู่

หลังจากพบเป้าหมาย ไป๋ชิวหรานจึงเพ่งสมาธิไปที่การสนทนาของพวกเขาทันที

“ครั้งนี้พวกเจ้าทำได้ดีมาก”

ไป๋ชิวหรานได้ยินซือหม่าอิงป๋อเอ่ยชมองครักษ์ทั้งสอง

“แม้ว่าเด็กคนนั้นจะถูกจัดแต่งขึ้น แต่ลักษณะผิวพรรณของเขานับว่างดงาม อีกทั้งยังมีหน่วยก้านที่ไม่ธรรมดา หากมีเขาปรากฏตัวอยู่ในหอสักการะ เช่นนั้นจักรพรรดิจะต้องทรงวางพระทัยว่าจะสามารถนำโชคลาภของซ่างเสวียนกลับมาได้ ข้าจะนำเรื่องนี้ไปรายงานท่านอาจารย์เอง พวกเจ้าทั้งสองทำงานได้ดี ลงไปรับรางวัลเสีย”

“ขอบคุณท่านซือหม่าสำหรับคำชม” องครักษ์ทั้งสองประกบมือคารวะ

หลังจากองครักษ์ทั้งสองออกไปแล้ว ซือหม่าอิงป๋อก็ยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาจึงเดินไปยังโต๊ะทำงานและเริ่มดูกระดาษบางอย่างบนโต๊ะ

ไป๋ชิวหรานยังคงใช้สัมผัสเทวะติดตามทุกการเคลื่อนไหวของชายคนนี้