หลังการต่อสู้กับเจ้าหมึก พวกเราก็ใช้ลิฟต์แสงบินข้ามฟุกุเทน
จุดหมายของเราก็คือสุสานของเซนต์คนแรก อัลเฟรีย
หลังจากที่สายโดนตัดไป ชั้นก็บอกเรื่องนี้ให้คนอื่นๆทราบ
ก็นึกว่ากะทันหันแบบนี้จะไม่มีใครเชื่อชั้นซะอีก แต่ดูเหมือนจะเชื่อกันแฮะ เพราะงี้แหละเราเลยปิบตรงไปหาสุสานได้ในทันที
เพราะว่าอัลเฟรียเป็นคนแรก ในยุคนั้นเลยไม่มีการรับตัวเซนต์ไปเลี้ยงดูตั้งแต่เกิด
ต้องบอกว่าการมีอยู่ของเซนต์เริ่มเป็นที่แพร่หลายก็หลังจากที่เธอปราบแม่มดไปแล้วนั่นล่ะ
ทำให้ประวัติของอัลเฟรีย ทั้งสถานที่และเวลาเกิดของเธอยังคงเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน
เซนต์คนแรกที่มีปริศนามากมายขนาดนี้…ปกติถ้าบอกไปว่า “จริงๆแล้วสุสานของเธออยู่ที่ประเทศเกาะที่ห่างออกไปอีกซีกโลกนึงนี่ล่ะ” ก็ไม่น่ามีใครเชื่อกัน
แต่ก็ดันเชื่อเฉย บอกว่า “เพราะว่าท่านเอลริสได้ยินเสียงของเธอ”
เออ ก็ไม่ได้โกหกนี่นา ได้ยินจริงๆนั่นแหละ
แต่เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกัน ประเด็นคือจะเชื่อชั้นง่ายไปไหนเนี่ย
ถ้าเป็นนักต้มตุ๋นนี่คือโดนลอกตัวหมดเปลือกไปแล้วนะรู้ป่าว?
“อยู่ทางนี้จริงๆใช่ไหมคะ โปรเฟตะ?”
“อา ไม่ผิดแน่นอน อัลเฟรียหลับไหลอยู่ทางนั้น”
ดีนะที่เอาเจ้าเต่าตาทิพย์มาด้วย
ไม่งั้นนี่คงต้องมาคอยถามหาข้อมูลอีกยาวเลย
ไงก็เถอะ น่าจะอีกสักพักกว่าจะถึง ถามอะไรหน่อยดีกว่า
“ทำไมโปรเฟตะถึงรู้ได้หรือคะว่าสุสานของท่านอัลเฟรียอยู่ในประเทศนี้”
“ก็นะ…เพราะว่าที่นี่คือบ้านเกิดของอัลเฟรียและแม่มดคนแรกน่ะ จริงอยู่ที่ในยุคสมัยนี้ การสู้รบกันจะเกิดขึ้นที่ทวีปใหญ่ แต่ทุกอย่างน่ะเริ่มต้นมาจากเกาะเล็กๆแห่งนี้นั่นล่ะ”
เป็นข้อมูลสำคัญที่ชั้นไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย
ในเกมไม่เห็นมีบอกไว้เลย
แย่ล่ะ…นี่มันถึงช่วงที่ข้อมใูลจากเกมในชาติที่แล้วมันเริ่มจะไม่เพียงพอแล้วเหรอ?
อีกอย่างนึง แม่มดคนแรก และ เซนต์คนแรกนี่เป็นคนละคนกันนะเออ
ในตอนแรก แม่มดถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อจัดระเบียบให้กับมนุษยชาติ แต่พอมันคลั่งไป เซนต์ก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจัดการกับแม่มดในภายหลัง
คนที่กลายเป็นบ้าไปคนแรกก็คือแม่มดที่ไม่ใช่อัลเฟรียนี่ล่ะ
“โอ้ ถึงแล้วล่ะ”
ชั้นเอาลิฟต์ลงจอดตามที่เจ้าเต่าบอก
พอมองไปรอบๆ ก็ดูจะเป็นผาที่มีกำแพงหินรายล้อม
เจ้าเต่าค่อยๆคลานไปยังถ้ำที่อยู่แถวๆนั้น
พวกเราเองก็ตามไป จากนั้นไม่นานก็ได้เห็นฉากตระการตา
หินอ่อน…ล่ะมั้ง? เพดานเป็นสีขาวนวล แสงสว่างส่องมาจากทางเข้า กระทบกับบ่อน้ำ ทำให้เกิดเป็นสีฟ้าสะท้อนไปทั่วถ้ำ เป็นฉากที่สวยอย่างกับCGIแน่ะ
สิ่งที่อยู่ด้านหน้าคือชุดเกราะเก่าขึ้นสนิม
ข้างในไม่มีอะไรแท้ๆ…แต่ในมือของมันถือดาบ ร่างกายของมันค่อยๆขยับส่งเสียงกุกกัก
…ถ้าจิ้มไปจะพังมั้ยหว่า?
“นั่นมัน…”
“…นั่นเคยเป็นอัศวินของอัลเฟรียน่ะ ในยุคสมัยนั้นไม่มีอัศวินที่ถูกแต่งตั้งให้อารักขาเซนต์ก็จริง แต่เขาก็ยังรับตำแหน่งนั้นด้วยความสมัครใจ ถึงจะตายไปแล้วก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่นี่ ปกป้องสุสานแห่งนี้ไว้”
พอเดินเข้าไป เจ้าชุดเกรอะก็ให้ชั้นผ่านไปได้ แต่กลับใช้ดาบกั้นพวกเลย์ล่าเอาไว้
“…จากตรงนี้ไป มีแค่เซนต์ที่ผ่านไปได้สินะ”
เจ้าเต่าทำหน้าลำบากใจเมื่อมองมาที่ชั้นและเอเทอร์น่า
เฮ้ย ไอ้ชุดเกราะบ้า ไม่มีตารึไงแกน่ะ
เออ ก็ไม่มีนั่นแหละ เอาจริงๆคือไม่มีอะไรเลย
แต่ว่า ไม่เห็นรึไงว่าแกขวางเซนต์ตัวจริงอยู่น่ะ
ก็ใช่ว่าชั้นจะโพล่งขึ้นมาแบบนั้นได้ในตอนนี้น่ะนะ ก็เลยต้องจำใจเดินต่อไป
จะดีเหรอเฮ้ย? ตูเป็นของเก๊นา?
พอเดินมาถึงด้านในสุด ก็เห็นคริสตัลขนาดใหญ่วางอยู่ตรงหน้า
ข้างในคริสตัลนั้นมีผู้หญิง…วะ โป๊เว้ยเฮ้ย! โป๊เว้ย! โป๊!
ยาฮู้วววว!
อายุน่าจะพอๆกับเลย์ล่า
มีผมสีขาวสลวยยาวประบ่า คล้ายๆกับเอเทอร์น่า
ส่วนบนของผมกระดกนิดหน่อย มีสีดำอยู่ตรงปลายๆ ทำให้นึกนึงหูหมา
เป็นคนที่แค่ปรายตามองก็รู้แล้วว่าเป็นสาวสวย
มีกฏว่าคนที่จะเป็นเซนต์ได้นี่จะมีแต่สาวสวยรึเปล่านะ?
อีกอย่างนึงคือ…หน้าอกนี่ไซส์แตงโมเลยเว้ย! ใหญ่โคตร!
นี่ดูจะใหญ่กว่าฟาร่าเซนเซย์อีกนะเนี่ย…?
ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็จริง แต่ชั้นมีเฟติชเกี่ยวกับสาวในหลอดทดลองล่ะ…
แบบในอนิเมะไง ที่จะมีแทงค์ทดลองอันใหญ่ๆ ด้านในก็จะมีสาวสวยเปลือยกายอยู่ อะไรแบบนั้นแหละ
ของขึ้นเลยเว้ย!!
ก็ไม่เชิงว่าหลอดทดลองอ่ะนะ แต่คริสตัลก็คล้ายๆกันน่า
เยี่ยมยอด อร่อยเหาะ
เอาล่ะ ช่างรสนิยมของชั้นไปก่อน
อุตส่าห์มาถึงตรงนี้แล้ว นี่ชั้นต้องทำไรต่อหว่า?
ถ้าเอามือจับคริสตัลจะเกิดอะไรมั้ยนะ?
พอเอามือแตะ รอบด้านของชั้นก็เปลี่ยนไป แล้วชั้นก็ลอยอยู่ท่ามกลางละอองแสงอะไรสักอย่าง
ยิ่งกว่านั้นเสื้อผ้าชั้นยังหายไปด้วย
ทำไมตูต้องโป๊ตามด้วยเนี่ย? ใครมันจะอยากดูกัน?
ชั้นใช้ท่าไม้ตายสุดยอด แสงปริศนา เพื่อปิดจุดซ่อนเร้นของตัวเองไว้ แต่ใจก็ยังไม่เย็นลงแฮะ
นี่คงจะเป็นโลกในความคิดของชั้นไรงี้แหงเลย
ชั้นยังสัมผัสได้ถึงร่างกายของตัวเองอยู่ ถ้าตั้งสมาธิดีๆก็ยังสามารถขยับมือได้
“ยินดีต้อนรับ เซนต์แห่งยุคสมัยนี้เอ๋ย เรารอที่จะได้พบเจ้ามานานแสนนานแล้ว”
ชั้นหันไปเจอกับสาวโป๊คนเมื่อกี๊ ลอยอยู่ข้างๆชั้น ไม่ได้สังเกตเลยนะเนี่ย
อุว้าว—ของดีจริงๆพับผ่า
การที่ได้เห็นผู้หญิงโป๊ชัดๆแบบ Full HD ได้แบบนี้นี่แหละถึงจะเป็นข้อดีของการโดน TS(สลับเพศ)
เพราะว่าเป็นเพศเดียวกันเลยไม่ต้องอายไงล่ะ
จะว่าไงดีล่ะ…ผมนี่โด่เลยครับ
“ท่านคือเซนต์คนแรก อัลเฟรียใช่ไหมคะ?”
ถามเพื่อคอนเฟิร์มก่อน
ก็น่าจะใช่ไปกว่า 90 เปอร์เซนต์แล้วนั่นแหละ แต่ก็ต้องย้ำให้แน่ใจ
“ใช่แล้ว เจ้าคือเซนต์ของยุคสมัยนี้ เอลริสสินะ?”
“…ค่ะ ชั้นถูกนับว่าเป็นเซนต์ของยุคปัจจุบันค่ะ”
“ถูกนับว่า…อย่างนั้นรึ?”
อ๊ะ คนๆนี้ไม่รู้จริงๆด้วย
เข้าใจล่ะ เซนต์คนแรกพยายามจะปรับตัวให้ดูดีมีสง่าแบบนี้ แต่ในสมองนี่คือเพี้ยนๆแหงเลย
จะให้เข้าใจผิดต่อไปก็ใช่ที่ บอกไปเลยแล้วกัน
“ชั้นไม่ใช่เซนต์หรอกค่ะ เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่เกิดในหมู่บ้านเดียวกับเซนต์ เป็นเพียงสามัญชนที่มีพลังเวทย์มากกว่าคนทั่วไปเท่านั้นค่ะ”
“เอ๋!?”
อัลเฟรียดูจะช็อกมากจนตาโตเป็นไข่ห่านเลย
ภาพลักษณ์ไม่เหลือแล้วเฮ้ย
จริงๆทำให้คนที่พยายามจะปั้นหน้าให้ดูสูงส่งตกใจจนแอ็คหลุดได้นี่ก็เป็นความรู้สึกที่ไม่เลวเลยนะ
ถ้าตัวชั้นปล่อยให้สีหน้าที่แท้จริงหลุดออกมาได้นี่มันจะแย่เอา เลยปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด แต่สำหรับคนที่เนื้อในก็ออกไปทางน่ารักนี่ ถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างนึงเลยนะ
“เอ๋ โกหกน่า… เจ้าที่ถูกเรียกว่าเป็นเซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์นี่นะ? เจ้าที่สามารถทำเรื่องที่กระทั่งเซนต์ในอดีตรวมกันก็ไม่สามารถทำได้…จะบอกว่าเป็นของปลอมงั้นหรือ? แค่เรื่องเข้าใจผิด? โกหกกันแน่ๆเลย… แบบนั้นไม่ใช่ว่าสามัญชนคนไหนก็สามารถมาถึงระดับนี้ได้ถ้าพยายามมากพอหรอกเหรอ? แบบนั้นไม่ว่าใครก็สามารถขึ้นเหนือเซนต์ได้ไม่ใช่รึไง? …ถ้าเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าเซนต์อย่างพวกเรานี่มันไร้-ไร้-ไร้ประโยชน์หรอกรึ? แล้วมันจะมีตำแหน่งเซนต์มาตั้งพันปีทำบ้าอะไรล่ะ พวกเราไม่มีประโยชน์เลยไม่ใช่รึไง? บอกทีว่าล้อกันเล่นน่ะ อุ๊ แต่พอมาลองคิดดู ถึงพลังเวทย์ของเจ้าจะกล้าแกร่งก็จริง พลังเซนต์ของเจ้ากลับต่ำเตี้ยที่สุดในประวัติศาสตร์เซนต์เลย เพราะอย่างนั้นเลยติดต่อเจ้าได้ยากขนาดนี้… แถมยัยหนูเอเทอร์น่าก็มักจะจับสัญญาณได้แทนเจ้าบ่อยครั้ง ทั้งๆที่ไม่ใช่เซนต์…หา? อย่าบอกนะว่าเธอคนนั้นคือเซนต์ตัวจริงน่ะ…?
โอ-โอ้ กระวนกระวายสุดๆเลยแฮะ
อัลเฟรียเริ่มพล่ามอะไรไม่รู้ยืดยาวพร้อมเอามือกุมหัวตัวเอง
ว่าไปแล้วชื่ออัลเฟรียกับอเล็กเซียนี่สับสนชะมัดยาดเลยแฮะ ตัวอักษรต้นกับท้ายเหมือนกัน แถมยังตัวอักษรเท่ากันอีก[อัลเฟรีย=อะ-รุ-ฟุ-ริ-อะ / อเล็กเซีย=อะ-เระ-คุ-ชิ-อะ
“เจ้าเป็นแค่สามัญชนธรรมดาๆนี่ต้องล้อกันเล่นแน่! ขนาดในหมู่เซนต์ด้วยกันนี่ยังไม่มีใครสมกับเป็นเซนต์ไปมากกว่าเจ้าเลยนะ! เป็นเซนต์ในหมู่เซนต์เลยล่ะ! จะบอกว่าเป็นแค่เด็กสาวปกติที่ได้รับตำแหน่งมาด้วยความเข้าใจผิดนี่ไม่ตลกเลยนะ! บอกทีเถอะว่าโกหกน่ะ!”
“อ่า… แล้วชั้นควรจะทำอย่างไรดีล่ะคะ ให้ไปเรียกเอเทอร์น่าซังเข้ามาแทนไหมคะ? คนคนนั้นคือเซนต์ตัวจริงค่ะ”
“บ้ารึเปล่า! ถ้าอย่างนั้นเราก็เหมือนคนโง่ที่แยกของจริงกับของปลอมไม่ออกเลยสิ! แบบนั้นไม่ได้นะ! เราตัดสินใจแล้ว เจ้านั่นล่ะคือเซนต์ตัวจริง! เราพูดเองในฐานะเซนต์คนแรก ไม่ผิดพลาดแน่! ชนะแล้ว! ถือว่าปิดศาลได้! จำเลยไร้ความผิด! ตัวเราไม่ผิดนะเออ!”
…
แย่ล่ะ ดูจะเพี้ยนกว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย
ก็ว่าอยู่แล้วว่าน่ะจะเป็นพวกไม่เต็มเต็ง แต่ก็ไม่นึกว่าจะขนาดนี้
นึกว่าจะมีความบ้าอยู่ที่ซักเก้าแสนห้า แต่เปิดตัวมาด้วยพลังถึงหนึ่งร้อยล้านซะได้
ดีไม่ดีนี่จะเป็นคนที่มีความเป็นเซนต์น้อยที่สุดในหมู่เซนต์ทั้งหมดเลยนะเนี่ย
แต่ถ้าเป็นงี้ต่อไปจะคุยกันไม่รู้เรื่องเอา ถามอะไรก่อนดีกว่า
“ท่านอัลเฟรียคะ ชั้นมีคำถามสองข้อค่ะ หนึ่ง…ทำไมร่างกายของท่านถึงถูกผนึกไว้ที่นี่ และไม่ได้กลายเป็นแม่มดไปหรือคะ? ตัวชั้นมีทฤษฎีที่มั่นใจอยู่ แต่ก็อยากจะถามให้ชัดเจน… ท่านไม่ได้ปราบแม่มดคนแรกใช่หรือไม่คะ?”
“…”
อัลเฟรียหลบสายตาอย่างชัดเจนพอได้ยินคำถามนี้
อา ว่าแล้วเชียว
ถ้าเธอปราบแม่มดไปล่ะก็ คงไม่มีสุสานแบบนี้อยู่หรอก
เพราะว่าเมื่อปราบแม่มดเสร็จ ก็เท่ากับว่าจะต้องกลายเป็นแม่มดคนต่อไปนี่นา
ฉะนั้นศพที่หลงเหลือหลังการต่อสู้ก็จะเป็นศพของแม่มดที่ถูกรังเกียจ ไม่มีทางจะได้สุสานดีๆแบบนี้หรอก
แต่ตัวอัลเฟรียเองกลับถูกปกป้องอย่างดี แถมเท่าที่ดูก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับการเป็นแม่มดเลย
ถ้าอย่างนั้นก็มีคำตอบเพียงอย่างเดียว
ตัวเธอ…ไม่ได้ปราบแม่มด
“…ขะ เข้าใจผิดแล้วน่า เราปราบเธอไปแล้วครั้งนึงจริงๆนะ…แต่กันกลายเป็นว่าเธอเพียงแค่แกล้งตายซะได้… หลังจากนั้นหลายปี ตอนที่นึกว่าความสงบสุขกลับคืนมาแล้ว ตอนที่กำลังเมา…ไม่สิ ตอนที่ไม่ระวังตัวก็โดนลอบโจมตีเข้า หลังจากนั้นเธอก็ผนึกเราเอาไว้ในสภาพเสมือนตาย ปล่อยให้อยู่ที่นี่ตัวคนเดียว”
สรุปก็ไม่ได้ปราบเธอใช่มั้ยล่ะ
แต่แม่มดแกล้งตายเหรอ?… เป็นวิธีที่เรียบง่ายแต่ก็มีผลใช้ได้เลยนะ
ทำเป็นว่าตายจากการต่อสู้ คอยรวบรวมพลังอยู่หลังฉาก จากนั้นก็ลอบโจมตีศัตรูทีเผลอ
ตัวชั้นเองก็ต้องระวังอเ็กเซียจะทำแบบนี้เหมือนกัน
“ในส่วนของคำถามที่สอง…ถึงท่านจะตอบมาส่วนหนึ่งแล้ว ตอนแรกชั้นจะถามท่านว่าใครเป็นผู้ที่ผนึกท่านไว้ที่นี่ แต่ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นฝีมือของแม่มดคนแรก จึงขอเปลี่ยนคำถามใหม่… เหตุใดแม่มดจึงไม่สังหารท่าน แต่กลับผนึกท่านไว้ในคริสตัลเช่นนี้หรือคะ? …ชั้นไม่เข้าใจตรงนั้นค่ะ”
“อุ…”
การผนึกเซนต์เอาไว้เป็นวิธีที่มีประโยชน์มาก
เป็นวิธีที่ดีซะจนนึกไม่ถึงเลย? ทำไมถึงไม่มีใครคิดให้เร็วกว่านี้นะ? สงสัยมันจะง่ายซะจนเป็นจุดบอด
ประมาณว่าเป็นเงาใต้ประภาคาร มนุษย์เรามักจะลืมสิ่งที่อยู่ใต้เท้าตัวเอง อะไรแบบนั้น
เซนต์รุ่นต่อไปจะเกิดขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อเซนต์คนปัจจุบันกลายเป็นแม่มด หรือเสียชีวิต
ถ้าเป็นแบบนั้น แค่แช่เซนต์คนปัจจุบันเอาไว้ ให้อยู่ในสภาพที่เสมือนตาย รอให้เซนต์คนใหม่เกิดขึ้นมา จากนั้นก็คลายผนึกเซนต์ที่ถูกแช่อยู่ออก เท่านี้ในยุคนั้นก็จะมีเซนต์สองคนแล้ว
เป็นวิธีที่ทำให้ทางฝั่งเซนต์ได้เปรียบขึ้นมาก แต่กับทางแม่มดจะมีแต่เสียเปรียบ
ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งไม่เข้าใจใหญ่ว่าแม่มดคนแรกทำไปทำไม
ถ้าไม่ฆ่าแต่จับตัวไป เพื่อกันไม่ให้เซนต์คนใหม่เกิดขึ้นมาก็ว่าไปอย่าง
แต่นี่ไม่ใช่ ขังเธอไว้ในสภาพเสมือนตายแบบนี้ ทั้งยุ่งยากกว่าแถมยังไม่สร้างประโยชน์อะไรให้กับแม่มดทั้งสิ้น
ถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก
“อะ-อะไรเนี่ย อะไรล่ะนั่นน่ะ! ทั้งๆที่นี่เป็นช่วงเปิดเผยความจริงแท้ๆ เจ้าควรจะตกใจอู้หูฮู่สิ! ทำไมถึงทำตัวเหมือนรู้ทุกอย่างแล้วล่ะ! …ถึงกระทั่งรู้เรื่องจุดหมายของท่านแม่ที่จับเราผนึกไว้อย่างนี้ด้วย”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
เฮ้ย เดี๋ยวดิ
นั่นเป็นคำที่ทำเป็นไม่ได้ยินไม่ได้นา
ท่านแม่…ท่านแม่งั้นเรอะ!
ก็คือว่า แม่มดคนแรกคือหม่าม้าของอัลเฟรียจังนี่เอง เพราะอย่างนี้ถึงทำเรื่องยุ่งยากอย่างแกล้งตายแล้วค่อยลอบโจมตีทีเผลอ จะฆ่าก็ฆ่าได้ แต่กลับจับมาผนึกไว้อย่างนี้
อ้าา—เข้าใจล่ะ…งี้นี่เอง
ปริศนาทั้งหมดไขกระจ่างแล้ว
เพราะว่าไม่อยากให้ลูกสาวของตัวเองต้องกลายเป็นแม่มดนี่เอง
ว่าไปแล้ว เหมือนอิจูอินจะเคยพูดอะไรทำนองนี้ไว้นะ
“แต่แม่มดกลับเกิดอาละวาดและพยายามที่จะทำลายล้างมนุษยชาติแทน แถมยังทำลายธรรมชาติแถมเข้าไปอีก โลกเลยสร้างตัวแทนอีกคนขึ้นมา นั่นคือเซนต์คนแรกอัลเฟรีย แต่เมื่อแม่มดถูกปราบลง ความเคียดแค้นและความมืดในใจของแม่มดก็ถูกถ่ายทอดสู่เซนต์และเปลี่ยนพวกเธอให้กลายเป็นแม่มดคนต่อไป”
ไม่เคยบอกว่าอัลเฟรียถูกเปลี่ยนเป็นแม่มดคนที่สองไว้เลย
อิจูอินเองก็ไม่ใช่คนเขียนหลัก ก็คงไม่รู้ว่า “แม่มดคนที่สอง =/= อัลเฟรีย”
“เข้าใจสถานการณ์แล้วค่ะ…สรุปก็คือแม่มดคนแรกก็คือท่านแม่ของท่านอัลเฟรีย…เหตุผลที่เธอวางแผนยุ่งยากเช่นนี้และเลือกที่จะผนึกท่านไว้ในคริสตัลเองก็เพราะสัญชาตญาณความเป็นแม่ของเธอ ไม่ว่าความเป็นมนุษย์ของตัวเธอจะเหลือน้อยเท่าใดก็ตาม แต่เธอก็ไม่อยากที่จะให้ท่านต้องติดอยู่กับวังวนระหว่างเซนต์และแม่มด และในสถานการณ์ที่เธอจะถูกปราบโดยเซนต์ อย่างน้อยที่สุดเซนต์ที่จะกลายเป็นแม่มดคนต่อไปก็ไม่ใช่ท่านอัลเฟรีย…เช่นนั้นสินะคะ”
“อู…”
เหมือนคำพูดจะติดคอนะอัลเฟรีย
คงจะเดาถูกสินะ รีแอคชั่นมาอย่างนี้
อัลเฟรียเริ่มจะน้ำตาคลอแถมตัวสั่น
“อะไรเล่า อะไรเล่า—! อย่างน้อยให้เราได้อธิบายอะไรหน่อยสิ! ทำไมถึงวิเคราะห์ทุกอย่างได้หมดเปลือกก่อนที่เราจะได้พูดอะไรซะอีกล่ะ! ก็ถูกแหละ! แต่ให้คนเค้าได้อธิบายอะไรบ้างสิ! อย่างน้อยช่วยทำเป็นตกใจอะไรหน่อยก็ได้!”
เอ๊า แล้วจะให้ตูทำยังไงล่ะเธอก็
คนคนนี้น่ารำคาญจังแฮะ
ปล่อยเป็นงี้ไปเธอจะไปนั่งจ๋อยอยู่มุมห้องเอาน่ะสิ ก็ถามอะไรไปหน่อยละกัน
“ท่านอัลเฟรียคะ ท่านเรียกชั้นมาที่นี่ด้วยเหตุผลใดหรือคะ?”
“หืม? อยากรู้เหรอ? อยากรู้ล่ะสิ ช่วยไม่ได้น้าาา ถ้าขอร้องดีๆก็จะช่วยบอกให้ก็ได้”
…น่ารำคาญจริงๆแหละ
กลับบ้านดีกว่า
“ดะ เดี๋ยวสิ —! จะพูดแล้วค่ะ! ช่วยรอเดี๋ยวก่อน!”
ตอนที่กำลังจะหันหลังกลับ เธอก็มาขอร้องน้ำตาคลอเลย ช่วยไม่ได้เลยต้องอยู่ต่อ