ตอนที่ 70 เซนต์คนแรกและเซนต์ตัวปลอม

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

เซนต์คนแรกอัลเฟรียถือกำเนิดขึ้นเมื่อกว่าพันปีที่แล้ว

ถ้าจะให้เจาะจงก็คือเมื่อ 1020 ปีก่อน แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัวเลขที่แน่ชัดเหมือนกัน ยังไงซะจะพันปีหรือพันยี่สิบก็ไม่ได้ต่างอะไรกันนักหรอก

ตั้งแต่เกิดมา อัลเฟรียไม่เคยพบบิดาของตัวเอง มีเพียง อีฟ ผู้เป็นมารดาเท่านั้น

ด้วยเหตุผลบางอย่าง แม่ของเธอมักจะถูกตามล่าโดยกลุ่มคนหลากหลายกลุ่ม ชีวิตวัยเด็กของเธอจึงมีแต่การหลบหนีซ่อนตัว แต่ตัวอัลเฟรียเองก็ไม่ได้ปริปากบ่นว่ามันเป็นเรื่องลำบากแต่อย่างใด

ชีวิตเช่นนั้นยังคงเป็นไปต่อจนอัลเฟรียอายุได้แปดปี

ในตอนที่เธอกำลังเล่นอยู่กับปีศาจลูกสมุนของท่านแม่ จู่ๆแสงก็เปล่งออกจากฝ่ามือของเธอ เผาผลาญปีศาจตนนั้นจนสิ้นซาก

ในเวลานั้น อัลเฟรียไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอรู้แค่ว่าท่านแม่อารมณ์เกรี้ยวกราดแค่ไหนเมื่อได้เห็นพลังนั้นของเธอ

เธอร่ำร้องบอกว่า “ไอ้โลกสาระยำ!” “แกคิดคิดจะใช้พลังนี้เพื่อกำจัดข้างั้นรึ!?” “ถึงกับมอบพลังนี้ให้แก่ลูกสาวของข้า!”

หลังจากนั้นอัลเฟรียก็ถูกอีฟทอดทิ้ง ก่อนที่จะรู้ตัว เธอก็มาอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว

เมื่ออัลเฟรียอายุได้ 14 ปี เธอก็ได้รับรู้ว่ามารดาของเธอคือตัวตนที่ถูกเรียกว่า “แม่มด” และเป็นที่เกลียดชังจากทั่วทั้งโลก

แม่ของเธอรุกรานประเทศมากมาย ทำลายสิ่งแวดล้อม สังหารผู้คน เมื่อได้รับรู้ถึงเรื่องเหล่านั้น เธอก็ตั้งปณิธานที่จะหยุดยั้งแม่ของตัวเองให้ได้

เธออยากรู้ว่าทำไมตัวเธอถึงถูกทอดทิ้ง ทำไมท่านแม่ถึงทำเรื่องโหดร้ายเหล่านั้น เธออยากจะหยุดท่านแม่ที่ถูกรังเกียจโดยคนทั่วโลก

พอลองมาคิดดูดีๆ การกระทำเช่นนั้นของท่านแม่ก็คงเป็นไปตามความต้องการของโลกเช่นกัน

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ตัวอัลเฟรียก็มีพลังที่สามารถหยุดยั้งแม่ของตนได้ รวมเข้ากับพวกพ้องที่มีเป้าหมายเดียวกัน สองปีหลังจากนั้น ในที่สุดอัลเฟรียก็สามารถปราบมารดาของตัวเองได้สำเร็จ

ตั้งแต่นั้นมา เธอก็กลายเป็นวีรสตรีและถูกขนานนามว่าเป็น เซนต์อัลเฟรีย

สี่ปีผ่านไป

โลกเข้าสู่ยุคสมัยที่สงบสุข ตัวอัลเฟรียเองก็หมั้นหมายกับสหายร่วมรบของเธอ รอวันแต่งงานที่ใกล้มาถึง

เธอและพวกพ้องดื่มด่ำกับสุราเพื่อฉลองคืนก่อนแต่งงาน เธอเมาได้ที่ถึงขนาดเอาเต่าสัตว์เลี้ยงของตนไปทิ้งขยะ เรียกได้ว่าหัวราน้ำกันเลยทีเดียว

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะ

ในพริบตานั้น จู่ๆปีศาจจำนวนมากก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ พร้อมกับหัวหน้าของพวกมัน ท่านแม่ที่สมควรจะตายไปแล้ว

ด้วยความที่เมาถึงขนาดนั้น ผนวกเข้ากับการที่ไม่ได้ต่อสู้เลยในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เธอพ่ายแพ้อย่างง่ายดายและโดนพาตัวไปทั้งอย่างนั้น

ก่อนที่จะตั้งสติได้ เธอก็โดนจับผนึกไว้ในคริสตัลแล้ว

เมื่อรู้สึกตัวอีกที มารดาของเธอก็ถูกเซนต์คนอื่นที่ไม่ใช่เธอปราบลงได้สำเร็จ แต่เซนต์คนนั้นกลับถูกเปลี่ยนกลายเป็นแม่มดคนต่อไป ในขณะที่เซนต์คนต่อจากนั้นก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา

อัลเฟรียคืออาวุธที่โลกสร้างขึ้นมาเพื่อต่อกรกับแม่มด

และเมื่อโลกได้ตัดสินว่าอัลเฟรียได้จากไปแล้ว จึงให้กำเนิดเซนต์คนใหม่ขึ้นมาแทนที่

ในสถานที่ที่เธอหลับไหลอยู่นี้ พวกพ้องของเธอคนหนึ่งก็ตามมาเพื่อที่จะปกป้องเธอด้วย

…แต่หมอนี่ไม่ใช่คนที่เธอหมั้นด้วยนะเออ

เป็นเพียงพวกพ้องอีกคนที่ตกหลุมรักเธอก็เท่านั้น

เธอได้รับรู้ว่าคู่หมั้นของเธอเองก็เศร้าโศกกับการจากไปของเธอเช่นกัน แต่สุดท้ายก็ทำใจได้และแต่งงานใหม่จนมีลูกหลาน

ส่วนพวกพ้องที่ตกหลุมรักเธอเธอคนนี้นี่ไม่ใช่แค่จะปกป้องเธอจนวันตาย แต่ตายแล้วก็ยังจะวนเวียนอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องต่อไป

จริงๆแล้วเป็นเพราะความรักที่ดุดันแบบนี้นี่แหละที่ทำให้อัลเฟรียขนลุกและไม่รับรักเจ้านี่

อัลเฟรียยังมีอัศวินอีกคนนึง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหมอนั่นจะโดนเมียทิ้งไปหลังจากจับได้ว่ามีชู้ถึงห้าคนเลย เลยกระโดดลงทะเลฆ่าตัวตายไป จากนั้นคนก็ดันตั้งชื่อทะเลนั้นตามไอ้เวรนั่นซะอีก

อัลเฟรียไม่สามารถขยับไปไหนได้ก็จริง แต่เธอก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงเซนต์คนอื่นๆได้อยู่

เธอสามารถเฝ้ามองโลกภายนอกได้ในระดับหนึ่ง บางครั้งก็สามารถพูดคุยกับเซนต์ของยุคสมัยนั้นๆได้ด้วยซ้ำ

แต่ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไป เซนต์ที่ปราบแม่มดจะถูกเปลี่ยนเป็นแม่มดคนถัดไป

ชะตากรรมของเซนต์นั้นมีเพียงยอมตายหรือกลายเป็นแม่มด เป็นวังวนอุบาทว์ที่ไม่มีวันจบสิ้น

โลกถูกย้อมเป็นสีดำด้วยฝูงมาร จำนวนปีศาจมากขึ้นในแต่ละวัน ในขณะที่สิ่งแวดล้อมต่างๆก็ค่อยๆถูกทำลายไปพร้อมกับจำนวนประชากรที่ลดลงเรื่อยๆ

ระยะเวลากว่าเซนต์จะสามารถปราบแม่มดลงได้นั้นยาวนาน ในขณะที่ระยะเวลาในการเปลี่ยนเซนต์ให้กลายเป็นแม่มดนั้นสั้นนิดเดียว

การจะซ่อมแซมนั้นใช้ความพยายามและเวลามากกว่าการทำลายตั้งไม่รู้กี่เท่า

ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน สุดท้ายสถานการณ์ก็มีแต่จะแย่ลง

สำหรับโลกแล้ว เซนต์ก็เป็นแค่ของใช้แล้วทิ้ง จะเสียไปเท่าไรก็ไม่ต่าง

อัลเฟรียเข้าใจถึงวังวนนี้ดี และคิดว่ามันจะคงอยู่ต่อไปจนโลกถึงกัลปาวสาน

ถึงอย่างนั้นเธอก็หวัง

หวังว่าอะไรหรือใครบางคนจะหยุดวังวนนี้ได้

หวังว่าปาฏิหาริย์จะถือกำเนิดขึ้นและทำลายวังวนนี้ทิ้งไปซะ

เธอรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เธอก็ยังภาวนา เพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้

—เธอไม่คิดด้วยซ้ำว่าความหวังนั้นจะกลายมาเป็นจริง

เซนต์ของยุคสมัยปัจจุบันนั้นอยู่เหนือมาตรฐานของอัลเฟรียไปมาก

เธอแข็งแกร่งเกินไปเมื่อเทียบกับเซนต์คนก่อนๆ

เธอคนนั้นเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดที่มีความสามารถไม่สิ้นสุด

แค่พรสวรรค์แต่เกิดของเธอก็มากพอที่จะสู้กับเซนต์รุ่นก่อนได้แล้ว แต่เธอยังคงหมั่นขัดเกลาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เธอค่อยๆพัฒนาและวิวัฒนาการไปเรื่อยๆ ผลลัพท์ก็คือเซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ผู้สามารถที่จะต่อกรเซนต์และแม่มดจากทุกยุคทุกสมัยรวมกันได้ในขณะที่ใช้มือข้างเดียว

เมื่อเธอโบกมือ ผืนดินก็สั่นไหว เมื่อเธอหายใจ คลื่นทะเลก็กรรโชก

กระทั่งลมฟ้าอากาศก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ เธอนำมาซึ่งพายุและสายฟ้า ทำลายล้างกองทัพปีศาจที่ขวางหน้าจนสิ้นซาก

เธอสามารถทำให้ภูเขาไฟระเบิดหรือสร้างภัยพิบัติใดๆขึ้นมาได้

การป้องกันของเธอเองก็ไร้เทียมทาน ไม่ว่าการโจมตีชนิดใดก็ไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้เธอได้

ตราบเท่าที่ยังไม่ตาย เธอก็สามารถนำชีวิตของผู้คนกลับคืนมาได้ โรคภัยไข้เจ็บใดๆ บาดแผลสาหัสแค่ไหนก็ไม่เคยคณามือเธอ

เธอนำความเขียมชอุ่มกลับมาสู่ผืนดินที่แห้งแล้ง

‘เธอคนนี้มันอะไรกันเนี่ย?’ อัลเฟรียทำได้เพียงคิดเช่นนั้น

ราวกับว่าโลกเบื่อหน่ายกับความมืดที่ปกคลุมอยู่ จึงสร้างเทพธิดาแห่งแสงขึ้นมาเพื่อปัดเป่าพวกมันออกไปให้หมดในทีเดียว

เธอคนนั้นคือสัญลักษณ์แห่งความยุติธรรมและแสงสว่าง

แม่มดจำนวนมากมายใช้เวลาหลายร้อยปีเพื่อย้อมโลกให้เป็นสีดำ ในขณะที่เธอใช้แค่ไม่กี่ปีเพื่อเปลี่ยนมันกลับมาเป็นสีขาว

หากเป็นเธอคนนี้ล่ะก็ อาจจะทำสำเร็จก็ได้ อัลเฟรียเปี่ยมไปด้วยความหวังเช่นนั้น

…ไม่สิ ต้องบอกว่าถ้าไม่สามารถจบวังวนในรุ่นนี้ได้ล่ะก็ โลกก็จะถูกทำลายลงในรุ่นต่อไป

หากเอลริสกลายเป็นแม่มด ก็จะไม่มีใครสามารถกำราบเธอลงได้

อัลเฟรียจึงพยายามอย่างมากที่จะติดต่อเธอ แต่ก้ไม่เป็นผล ตรงข้ามกับพลังมหาศาลของเอลริสกลายเป็นว่าพลังเซนต์ของเธอกลับต่ำที่สุดในหมู่เซนต์ทุกรุ่น

หากเทียบเป็นคะแนนเต็มสิบ พลังเซนต์ของเอลริสนั้นมีไม่ถึงหนึ่งด้วยซ้ำ

ถึงอย่างนั้นด้วยพลังเวทย์และความสามารถที่เธอมีอยู่ ก็ไม่มีเซนต์คนใดที่สามารถต่อกรกับเธอได้อยู่ดี

เป็นเซนต์ที่ไม่สมดุลเลยให้ตายเถอะ

ไม่ว่าจะพยายามกี่หน อัลเฟรียก็ยังไม่อาจส่งข้อความใดๆหาเธอได้

กลับกลายเป็นว่าเอเทอร์น่าที่ไม่ใช่เซนต์กลับรับสัญญาณได้ซะอย่างนั้น

แต่แล้วโชคดีของอัลเฟรียก็มาถึง

เอลริสเดินทางมายังฟุกุเทน ที่ซึ่งอัลเฟรียถูกผนึกอยู่

ถ้ามาใกล้ขนาดนี้ล่ะก็ จะต้องติดต่อได้แน่

ข้อความของอัลเหรียนำทางเอลริสมาถึงสุสานของตัวเธอได้สำเร็จ

เมื่อได้พบกับเอลริสตัวเป็นๆ ก็ทำเอาอัลเฟรียสูญเสียความมั่นใจเลย

แค่รูปร่างหน้าตานี่ก็แพ้ขาดแล้ว

ไม่ว่าจะผิว ผม ใบหน้า รูปร่าง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสมบูรณ์แบบ ราวกับเป็นงานศิลปะ ขนาดเพศเดียวกันอย่างอัลเฟรียยังอดไม่ได้ที่จะมองเธอด้วยสายตาหื่นกระหาย

แต่ไม่รู้ทำไมส่วนลับถึงโดนแสงบังไว้ซะนี่ น่าเสียดายจริงๆ

แต่ความคิดเหล่านั้นก็หายไปหมดเมื่อได้ยินความจริงที่น่าตกใจจากเอลริส

“ชั้นไม่ใช่เซนต์หรอกค่ะ เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่เกิดในหมู่บ้านเดียวกับเซนต์ เป็นเพียงสามัญชนที่มีพลังเวทย์มากกว่าคนทั่วไปเท่านั้นค่ะ”

จะให้พูดอะไรได้ล่ะ

กลายเป็นว่าเซนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เซนต์ในหมู่เซนต์ที่ทำให้เซนต์คนอื่นๆทุกคนดูงี่เง่าเมื่อเทียบกันแล้ว ดันไม่ใช่แม้กระทั่งเซนต์ด้วยซ้ำ

เป็นเพียงตัวปลอม

ถ้าคนคนนี้เป็นตัวปลอม แล้วตัวจริงอย่างพวกเธอจะมีประโยชน์อะไรล่ะ จุดยืนของเซนต์ทุกคนกำลังสั่นคลอน

เพื่อกันไม่ให้สูญเสียตัวตนนั้นไป อัลเฟรียจึงต้องยัดเยียดตำแหน่งเซนต์ให้แก่เอลริส

เป็นการโจมตีทางด้านจิตใจที่รุนแรงจริงๆ

อัลเฟรียหันไปมองสาวงามตรงหน้าอีกที

โดยปกตินี่ไม่มีทางที่คนจะเข้าใจผิดระหว่างสามัญชนและเซนต์ได้อยู่แล้ว จึงบอกได้ว่าตัวเอลริสนั้นสมกับเป็นเซนต์มากเพียงใด

ราวกับว่าเป็น”เซนต์”ที่ถือกำเนิดจากอุดมคติ…เป็นความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

จะว่าผิดก็ไม่ใช่

เอลริสใช้เวทมนตร์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของเซนต์ในอุดมคติขึ้นมาหลอกชาวบ้าน

เพราะว่าเป็นตัวปลอม จึงต้องทำให้ดูสมจริงเสียยิ่งกว่าตัวจริง

ตัวตนของ”เซนต์เอลริส”ที่เอลริสสร้างขึ้นนั้นสมจริงมากเสียจนสามารถหลอกสายตาของเซนต์คนแรกได้ มันก็เท่านั้น

อัลเฟรียที่ไม่รู้ถึงความจริงก็ทำได้เพียงคิดว่า

‘ก็เธอเหมือนเซนต์ซะขนาดนี้ เราจะเข้าใจผิดก็ไม่แปลกอะไรใช่มั้ยล่ะ?’

ต่อให้เธอไม่พยายามอะไร แค่เดินเฉยๆก็ทำให้คนเข้าใจผิดได้แล้ว เธอดูสมบูรณ์แบบถึงขนาดนั้นเลยล่ะ

‘เราไม่ผิดอะไรนะ’

อัลเฟรียจึงได้คำตอบเช่นนั้นมา

จากนั้นอัลเฟรียก็พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอและแม่มด…หรือถ้าจะให้พูดก็คือเอลริสสามารถเข้าใจได้เองโดยที่เธอยังไม่ทันได้พูดเลย

เอลริสอาจจะไม่ใช่เซนต์ก็จริง แต่นั่นอาจจะดีแล้วก็ได้

เซนต์ที่ปราบแม่มดจะกลายเป็นแม่มดคนต่อไป แต่ถ้าคนที่ปราบแม่มดไม่ใช่เซนต์ เรื่องนั้นก็จะไม่เกิดขึ้น

ถือว่าโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ…เธออยากจะขอร้องให้เอลริสหยุดวังวนนี้ให้ได้

อัลเฟรียมีวิธีเตรียมไว้แล้ว

“ท่านอัลเฟรียคะ ท่านเรียกชั้นมาที่นี่ด้วยเหตุผลใดหรือคะ?”

“หืม? อยากรู้เหรอ? อยากรู้ล่ะสิ ช่วยไม่ได้น้าาา ถ้าขอร้องดีๆก็จะช่วยบอกให้ก็ได้”

เพราะว่าเด็กคนนี้เข้าใจหมดทุกเรื่องได้ด้วยตัวเอง อัลเฟรียเลยเกิดหมั่นไส้นิดหน่อย เลยอยากจะแกล้งเล่น

จากนั้นเอลริสก็หายไปจากโลกจินตภาพ

ดูเหมือนว่าเธอจะเอามือออกจากคริสตัลและทำท่าจะเดินกลับ

“ดะ เดี๋ยวสิ —! จะพูดแล้วค่ะ! ช่วยรอเดี๋ยวก่อน!”

สุดท้ายเธอก็ยอมหลับมา ทำเอาอัลเฟรียใจหายแว้บเลย