ตอนที่ 115 ความรู้สึกที่สัมผัสได้

“ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณพูด ขอโทษด้วย … ฉันขอตัวกลับบ้านก่อน ลาก่อน!” คําพูดของซูเจินทําให้แคลร์ถึงกับตื่นตระหนกเมื่อเธอคิดว่าความสามารถของเธอถูกเขาค้นพบแล้ว ทําให้เธอรีบพูดตัดบทและเตรียมตัวที่จะจากไป

“คุณไม่เข้าใจจริงๆงั้นหรอ ? น่าเสียดายๆ ผมยังไม่ได้แสดงความสามารถพิเศษของผมให้กับคุณดูเลย!” ซูเจินแกล้งพูดขึ้นมาด้วยน้ําเสียงผิดหวังเล็กน้อย

แคลร์หยุดยิ่งไปครู่หนึ่งและถามขึ้นมาด้วยความลังเลว่า “คุณ คุณก็มีความสามารถพิเศษเหมือนกันอย่างงั้นหรอ? “

ซูเจินยกมือของเขาขึ้น ทันใดนั้นก็มีเปลวเพลิงปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็ว ทําให้ดวงตาของแคลร์ในตอนนี้เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า

ซูเจินดับไฟพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือความสามารถของผม”

“มันสุดยอดมาก!” แคลร์พูดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “คุณสามารถปล่อยเปลวเพลิงออกมาได้ และมันก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่เหมือนกับฉัน ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นสัตว์ประหลาด”

“บางทีผมอาจจะช่วยคุณได้!”

ซูเจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“คุณพูดจริงๆใช่ไหม?”

“ถ้าการความสามารถแบบนี้ และอยากเป็นคนธรรมดา ผมก็มีวิธีนํามันออกไปจากร่างกายของคุณได้”

สําหรับเด็กสาวที่สวยอย่างแคลร์แล้ว ซูเจินไม่ต้องการใช้ความรุนแรงกับเธอมากเกินไป อย่างไรก็ตามเธอก็ค่อนข้างที่จะเกรงกลัวความสามารถของตัวเธอเอง ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้ส่วนนี้เป็นข้อได้เปรียบในการทําให้เธอมอบความสามารถนี้ให้กับเขาด้วยความเต็มใจ

“คุณสามารถเอาความสามารถนี้ออกไปได้ ?” แคลร์รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเธอ ได้ยินคําพูดของซูเจิน เพราะว่าค่อนข้างที่จะกังวลเกี่ยวกับความสามารถนี้ของเธอมาโดยตลอด เธอไม่สามารถตายได้ไม่ว่าจะบาดเจ็บแค่ไหนก็ตาม เธอก็สามารถรักษาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เธอกลัวตัวเอง กลัวว่าจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ทําให้ทุกคนหวาดกลัว

“คุณอยากลองไหม ?”

ซูเจินยิ้มขึ้นมาพร้อมกับค่อย ๆ วางมือของเขาลงบนหัวของเธอ แคลร์ต้องการหลีกเลี่ยงโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเธอเห็นการแสดงออกที่จริงจังของซูเจิน และเธอก็คิดว่าเขาเพียงต้องการจัดการกับความสามารถของเธอให้ ดังนั้นเธอจึงค่อยๆรวบรวมสติและไม่ได้หลีกเลี่ยงการสัมผัสของซูเจิน

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ซูเจินก็เปิดใช้ความสามารถในการกลืนกินของเขาทันที

“เกิดอะไรขึ้น?”

ทันทีที่ความสามารถในการกลืนกินของเขามันเริ่มทํางาน เขาก็อดไม่ได้ที่จะพึมพําขึ้นมาเบาๆด้วยความประหลาดใจ

ในอดีตเมื่อเขาจะกลืนกินความสามารถของคนอื่น ถ้าเกิดว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้แข็งแกร่งมากเกินไป เขาก็จะสามารถกลืนกินมันได้อย่างง่ายดาย และถ้าเกิดว่าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่า เขามันก็จะเกิดการต่อต้าน ทําให้เขาสามารถกลืนกินความสามารถได้ยากลําบากยิ่งขึ้น แต่ในช่วงนี้หลังจากที่เขาได้กลืนกินอนุภาคอีเทอร์ เขาก็พบว่าความสามารถในการกลืนกินของเขามันแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม และในตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าแคลร์ไม่ได้มีอาการต่อต้านอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย

ซึ่งมันตรงกันข้ามกับอาการต่อต้านอย่างรุนแรงที่เขากําลังเจอในตอนนี้ เพราะหลังจากที่เขาเปิดใช้ความสามารถในการกลืนกิน ฝ่ายตรงข้ามก็เริ่มมีอาการต่อต้านอย่างรุนแรง ถึงแม้ว่าเขาจะยืนกลืนกินความสามารถแบบนี้ไปทั้งวัน เขาก็ไม่สามารถกลืนกินมันได้อยู่ดี

“แปลกมาก ระดับความสามารถของโลกใบนี้มันสูงมากขนาดนั้นเลยอย่างงั้นหรอ ? หรือว่าอาการต่อต้านอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันจะมาจากความสามารถพิเศษของเธอ?”

ซูเจื้นอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา

เมื่อแคลร์เห็นท่าทางของซูเจิน เธอก็เลยถามขึ้นมาด้วยความลังเลว่า “เกิดอะไรขึ้น มีอะไรบางอย่างผิดปกติอย่างงั้นหรอ ?”

“ดูเหมือนว่ามันจะมีปัญหาเล็กน้อย เพราะความสามารถของคุณมันค่อนข้างพิเศษ บวกกับการตระหนักรู้ในตนเองของคุณ มันจึงทําให้เกิดอาการต่อต้านอย่างรุนแรงเป็นพิเศษ ถ้าหากว่าคุณไม่รังเกียจ ผมคิดว่าเราควรที่จะหาที่ที่ไม่มีใครรบกวนจะดีกว่า แล้วค่อยลองอีกครั้งหนึ่ง” ซูเจินยิ้มขึ้นมาอย่างตลกขบขันพร้อมกับเอามือของเขาออกจากหัวของเธอ “เพราะถึงยังไงท้ายที่สุดแล้วถ้าเกิดว่ามีคนมาเห็นคุณและผมในสภาพนี้อาจจะทําให้เกิดความเข้าใจผิดได้”

ใบหน้าของแคลร์เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที สําหรับซูเจินแล้วเขาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการเข้าใจผิด แต่นั่นก็ไม่ได้รวมถึงแคลร์ที่เป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิง

“งั้นเดี๋ยวคุณช่วยพาผมเข้าไปในเมืองก่อน หลังจากนั้นผมจะได้หาสถานที่ปักหลักแล้วลองมันดูอีกครั้ง”

“คุณเดินตามฉันมา”

แคลร์พยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับเดินนําทางซูเจินไป

ในขณะที่พวกเขากําลังเดินเข้าไปในตัวเมืองพวกเขาก็พูดกันข้ามเวลา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแคลร์จะเป็นคนพูด ส่วนซูเจินจะเป็นคนฟังและจะพูดเพียงแค่หนึ่งหรือสองประโยคเป็นครั้งคราวเท่านั้น และถ้าถามว่าทําไมแคลร์ถึงได้พูดกับซูเจินมากเป็นพิเศษ? เขาก็ต้องบอกเลยว่าเธอค่อนข้างที่จะมีความลับมากมายที่ไม่สามารถพูดกับคนอื่นได้ ทําให้เธอได้แต่เก็บมันไว้ในใจ ซึ่งหลังจากที่แคลร์เห็นว่าซูเจินมีความสามารถพิเศษเหมือนกับเธอ เธอก็เลยค่อยๆเปิดใจให้กับเขาอย่างช้าๆ

” อันเดดเกิร์ล : แคลร์ เบนเน็ตต์ ค่าความสัมพันธ์เพิ่มขึ้น 50 %

ซูเจินถึงกับตกตะลึงเมื่อเขาได้ยินเสียงการแจ้งเตือนจากระบบขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ” แคลร์ถามขึ้นมา

“ไม่มีอะไร” ซูเจินส่ายหัวขึ้นมาเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ เพราะเขาก็ไม่คิดว่าเขาจะได้ค่าความสัมพันธ์เพิ่มขึ้นมา 50% ? มันเป็นเพราะว่าเธอเชื่อใจคนอื่นง่ายๆ หรือว่าเป็นเพราะ “เห็นว่าเขาเป็นคนใจดี”?

ถ้าเกิดว่าเขาพยายามมากขึ้นอีกหน่อยให้ค่าความสัมพันธ์มันถึง 80% เขาก็จะสามารถเปิดสนามประลองขึ้นมาได้ แต่ถ้าเกิดว่าเขากลืนกินความสามารถของเธอ เธอก็จะกลายเป็นคนธรรมดา และเธอก็จะขอบคุณเขา? ทําให้ค่าความสัมพันธ์อาจจะเพิ่มขึ้นถึง 80% แต่ถึงอย่างนั้น

“ระบบ ถ้าเกิดว่าฉันกลืนกินความสามารถของแคลร์ และค่าความสัมพันธ์มันถึง 80% และฉันก็เปิดสนามประลองขึ้นมา เธอจะยังมีความสามารถนี้อยู่ไหมในสนามประลอง?”

แน่นอนว่าคําถามที่เขาถามกับระบบมันสําคัญมาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่สําหรับแคลร์

” หลังจากเข้าสู่สนามประลอง ความสามารถพิเศษของตัวละครจะอ้างอิงจากลักษณะจริงๆของคนๆนั้น!”

” พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าเกิดว่าแคลร์ไม่มีความสามารถพิเศษอยู่แล้วเมื่อค่าความสัมพันธ์เพิ่มถึง 80% เธอก็จะไม่มีความสามารถพิเศษในสนามประลองด้วยใช่ไหม? และถ้าเกิดว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ แล้วสนามนี้จะมีไว้เพื่อ?”

ซูเจินรู้สึกหดหูเล็กน้อยถ้าเกิดว่าตัวละครที่ปรากฏตัวขึ้นในสนามประลองมันไม่มีความสามารถ แล้วสนามอันนี้จะมีไว้เพื่ออะไร? แต่ถ้ามันเป็นแค่กับแคลร์ก็ไม่เป็นอะไรหรอก เพราะถึงยังไงการต่อสู้กับเธอมันก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มทักษะการต่อสู้อะไรให้กับเขาอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดว่าเป็นคนอื่นๆล่ะ ? ตัวอย่างเช่น เดอะแฟลช

เพราะว่าเขาต้องการความสามารถของเดอะแฟลชและประสบการณ์การใช้ความสามารถของเขา

ซึ่งทางเดียวที่เขาจะทําได้ในตอนนี้ก็คือรอจนกว่าค่าความสัมพันธ์มันจะเพิ่มขึ้นจนเพียงพอต่อการประเบิดสนามประลอง และหลังจากนั้นเขาก็ค่อยกลืนกินความสามารถในสนามประลอง มันเป็นไปได้หรือไม่?

ก่อนที่จะกลืนกินความสามารถได้ เขาจะต้องเพิ่มค่าความสัมพันธ์กับตัวละครพวกนี้ก่อน ? นี่มันอะไรกันเนี้ย ยุ่งยากเกินไปไหม

“ระบบ นายไม่คิดว่าฉากของสนามประลองมันจะดูจืดชืดไปหน่อยหรอ ?” ซูเจินถามขึ้นมาอย่างหดหู่

ระบบเงียบและไม่ตอบคําถามของซูเจิน

เมื่อเห็นว่าระบบไม่ตอบ ซูเจินก็ทําอะไรไม่ได้อีกต่อไป

“ดูเหมือนว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นข้างหน้า ? พระเจ้า! ดูเหมือนว่าจะเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์!”

แคลร์ตะโกนขึ้นมาทันที ทําให้ซูเจินค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามอง และเขาก็พบว่าบริเวณโดยรอบมีรถดับเพลิงจอดอยู่สองสามคันกําลังล้อมรอบเป็นวงกลมอยู่ ซึ่งภายในวงกลมนั้นมีรถบรรทุกหลายคันชนกันอย่างรุนแรง จนเกิดเปลวเพลิงขนาดใหญ่ และก็ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะเลวร้ายเป็นอย่างมาก

แคลร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปพูดกับซูเจินเบาๆว่า “ฉันขอตัวไปดูพวกเขาหน่อย” “ให้ผมช่วยไหม ?” ซูเจินถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“ไม่เป็นไร เพราะถึงยังไงฉันก็ไม่ตาย” แคลร์พูดขึ้นมาเบาๆ

“แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทรมาณอยู่ดีใช่ไหม? ให้ผมจัดการเองดีกว่า!”