ตอนที่ 116 ผมไม่ใช่พระเจ้า!

เมื่อได้ยินซูเจินพูดแบบนั้น แคลร์ก็จําขึ้นมาได้ในทันทีเลยว่าซูเจินก็มีความสามารถพิเศษเหมือนกับเธอ ซึ่งความสามารถของเขาก็คือ ไฟ ดังนั้นไฟก็ไม่น่าจะทําอะไรเขาได้ใช่ไหม?

“ระวังตัวด้วย”

ซูเจินก้มหัวของเขาลงมาเล็กน้อยพร้อมกับหัวเราะเบาๆ หลังจากนั้นเขาก็โบกมือซ้ายของเขาเบาๆ ไปทางจุดเกิดเหตุ โดยที่มีสายตาของแคลร์ที่มองไปที่ซูเจินด้วยความสงสัย ทันใดนั้น …. เธอก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับดึงไปที่แขนของซูเจินด้วยความตื่นเต้น

ถ้าถามว่าเธอเห็นอะไรอย่างงั้นหรอ ?

เธอเห็นสิ่งที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เพราะอยู่ดีๆ เปลวเพลิงที่กําลังโหมกระหน่ําอยู่มันก็เกิด การเคลื่อนไหวเล็กน้อย ซึ่งในตอนแรกมันยังไม่เร็วมากนัก แต่หลังจากนั้นไม่นานเปลวเพลิงที่อยู่รอบๆ มันก็เริ่มเข้ามารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าสถานการณ์แปลกๆแบบนี้ถูกสังเกตเห็นจากคนที่อยู่บริเวณรอบๆอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นนักดับเพลิง หรือคนที่กําลังยืนมุงดูอยู่รอบๆ พวกเขาต่างอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับค่อยๆหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเหตุการณ์ตรงหน้าเอาไว้

เห็นได้ชัดว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมันกินพื้นที่ขนาดใหญ่มาก และมันก็มีเปลวเพลิงลุกโชนไปทั่วบริเวณโดยรอบ แต่ในตอนนี้เปลวเพลิงที่กําลังลุกโชนเหล่านั้นกําลังเข้ามารวมตัวกัน แกว่งไปแกว่งมาตามสายลมบริเวณตรงกลางของจุดเกิดเหตุ

“พระเจ้า มันเกิดบ้าอะไรขึ้น”

“เอ่อ …รีบอยู่ห่างๆมันเอาไว้ดีกว่า เพราะว่ามันค่อนข้างดูแปลกๆ”

“นี่คือพรของพระเจ้า

พระเจ้าช่วยชีวิตของพวกเราเอาไว้!”

นักดับเพลิงในตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความหวาดกลัว

ในขณะเดียวกันเปลวเพลิงมันก็เริ่มหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทําให้นักดับเพลิงที่อยู่บริเวณรอบๆต้องถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความตกใจ มันหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เร็วขึ้นเรื่อ ๆ เหมือนกับพายุทอร์นาโดที่ผสมกับเปลวเพลิง และหลังจากนั้นไม่นานมันก็หายไป

หายไปจากชั้นอากาศอันเบาบาง!

หลังจากเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง คนที่อยู่บริเวณรอบๆ ก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นราวกับว่าเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นความฝัน พวกเขาอยู่ในอารมณ์ที่ซับซ้อนและไม่รู้ว่าจะอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี แต่ถึงอย่างไรก็ตาม นี่มันเป็นเรื่องที่ดี!

“พระเจ้า! คุณจะสุดยอดเกินไปแล้ว!”

หลังจากที่แคลร์และซูเจินเดินออกมาจากจุดเกิดเหตุแล้วสักพักหนึ่ง แคลร์ก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “คุณคือฮีโร่! คุณได้ยินที่พวกเขาเรียกคุณไหม … คุณคือพระเจ้า”

“ผมไม่ใช่พระเจ้า!” ซูเจินยักไหล่พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “อันเดดเกิร์ล : แคลร์ เบนเน็ตต์ ค่าความสัมพันธ์เพิ่มขึ้น 10%”

การแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ซูเจินไม่ได้ประหลาดใจมากนัก

ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะมีค่าความสัมพันธ์อยู่ 60% . ไม่แน่ว่าแคลร์อาจจะเป็นตัวละครคนแรกที่สามารถเข้าสู่สนามประลองได้

หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาทั้งสองคนก็เดินทางมาถึงภายในเมือง ซึ่งแคลร์ก็พาซูเจินไปที่โรงแรมภายในเมืองทันที

“เดี๋ยวผมจะเข้าไปเปิดห้อง ส่วนคุณก็ไปรอผมที่หลังโรงแรม” ซูเจินหันไปพูดกับแคลร์

” ทําไม ?” แคลร์ถามขึ้นมาด้วยความมึนงง

ซูเจินยิ้มและพูดว่า “คุณโง่หรือแกล้งโง่ ? ทุกคนภายในเมืองนี้รู้จักคุณเป็นอย่างดี และถ้าเกิดว่าพวกเขาเห็นคุณเข้าไปในโรงแรมกับผม คุณไม่กลัวว่าพวกเขาจะเข้าใจผิดอย่างงั้นหรอ? ดังนั้นผมจะเข้าไปเปิดห้องให้เอง หลังจากนั้นคุณก็ค่อยๆแอบเข้ามาทางหน้าต่างอย่างเงียบๆ!”

แคลร์ยิ้มขึ้นมาพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ

“อันเดดเกิร์ล : แคลร์ เบนเน็ตต์ ค่าความสัมพันธ์เพิ่มขึ้น 5%”

หะ ? แค่ทําสิ่งนี้ก็เพิ่มค่าความสัมพันธ์ได้อย่างงั้นหรอ?

ซูเจินส่ายหัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปในโรงแรม

โรงแรมแห่งนี้มีเพียงแค่สามชั้นเท่านั้น ดังนั้นซูเจินจึงเลือกห้องบนชั้นสามอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เขาเข้ามาภายในห้องเรียบร้อยแล้ว เขาก็พบว่าที่นี่มันค่อนข้างจะดูดีมากเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าขนาดมันจะเล็กมากไปหน่อยก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นที่นี้ก็ค่อนข้างสะอาด หลังจากที่เขาดูห้องจนพอใจแล้ว เขาก็เดินไปที่หน้าต่างพร้อมกับมองลงไปด้านล่าง เขาก็เห็นว่าแคลร์กําลังยืนรอเขาอยู่

ซึ่งกําแพงตรงด้านหลังของโรงแรมมันก็โล่งมาก ทําให้เธอไม่สามารถปืนขึ้นมได้

ในขณะที่แคลร์กําลังกังวลอยู่ว่าเธอจะขึ้นไปอย่างไรดี ทันใดนั้นเธอก็เห็นว่าซูเจินกระโดดออกมาจากทางหน้าต่าง

ซูเจินโน้มตัวลงเล็กน้อยพร้อมกับโอบไปที่เอวของแคลร์ หลังจากนั้นเขาก็ออกแรงกระโดดเบาๆ ทําให้ตัวของเขาพุ่งขึ้นไปที่หน้าต่างห้องของเขาบนชั้นสามอย่างรวดเร็ว เขาส่งตัวของแคลร์เข้าไปด้านในก่อนที่เขาจะเดินตามเข้าไปอย่างใกล้ชิด

หลังจากเข้ามาภายในห้อง แคลร์ก็มองไปที่ซูเจินด้วยความประหม่า

ซึ่งเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทําไมมันถึงได้มีอาการแบบนี้เกิดขึ้นมาได้ เพราะว่าเมื่อก่อนเธอก็ไม่เคยเป็นเช่นนี้ ซึ่งมันก็อาจจะเป็นเพราะอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมบริเวณรอบๆ ก็ได้ที่ทําให้เธอประหม่าเล็กน้อยหลังจากที่เข้ามาภายในห้อง เพราะถึงยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามาภายในโรงแรม และนี่ก็ยังเป็นครั้งแรกที่เธอได้อยู่กับผู้ชายสองต่อสองภายในห้องคนเดียว

และเธอก็ต้องขอยอมรับเลยว่าซูเจินเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก ทําให้แคลร์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวัล ถึงแม้ว่าเธอในตอนนี้จะยังเป็นเด็กอยู่ก็ตาม

“จะให้ผมเริ่มลองอีกครั้งเลยไหม? ” ซูเจินถามขึ้นมาเบาๆ

แคลร์พยักขึ้นมาเบาๆ และพูดว่า “อืม .. ฉันก็อยากกลับไปเป็นคนธรรมดาเร็วๆเหมือนกัน เพราะเวลาที่ฉันเจอกับพ่อแม่และน้องชาย ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะเผชิญหน้ากับพวกเขาอย่างไรดี และฉันก็กลัวว่าพวกเขาจะมองฉันว่าเป็นสัตว์ประหลาด หลังจากที่พวกเขารู้ความลับของฉัน!

“เชื่อผมสิ พวกเขาจะไม่คิดกับคุณอย่างงั้นอย่างแน่นอน

ซูเจินยิ้มขึ้นมาพร้อมกับพาแคลร์ไปนั่งลงบนเก้าอี้ หลังจากนั้นแคลร์ก็สูดหายใจเข้าไปลึกๆ และพยักหน้าให้กับซูเจินเพื่อเป็นสัญญาณว่าเธอพร้อมแล้ว

“อย่าเครียด.. ผ่อนคลายเข้าไว้”

ซูเจินเอามือไปวางไว้บนหัวของแคลร์พร้อมกับเริ่มใช้ความสามารถในการกลืนกินของเขาอีกครั้ง

แต่ถึงอย่างนั้นผลลัพธ์มันก็ยังคงเป็นเช่นเดิม หลังจากที่ซูเจินเริ่มใช้ความสามารถในการกลืนกินมันก็เกิดอาการต่อต้านอย่างรุนแรง และดูเหมือนว่ามันจะรุงแรงมากกว่าครั้งก่อนด้วย

“ติ๊ง!”

“ภารกิจรองได้ถูกปล่อยออกมาแล้ว!”

“ภารกิจรอง : ได้รับความสามารถของอันเดดเกิร์ล!”

ในขณะที่ซูเจินกําลังพยายามกลืนกินความสามารถของแคลร์ ระบบก็ปล่อยภารกิจรองออกมาในทันที ทําให้ซูเจินในตอนนี้รู้สึกมีความสุขมาก ซึ่งก็ดูเหมือนว่าภารกิจรองมันจะทับซ้อนกับภารกิจหลัก แต่มันก็ดีเหมือนกัน เพราะว่าตอนนี้ … มันเหมือนกับว่าเขากําลังยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ซูเจนเลิกคิดฟุ้งซ่านและหันมาจดจ่อกับการกระตุ้นความสามารถในการกลืนกินของเขา

เขาเริ่มรู้สึกได้ว่าพลังงานทั้งสองอย่างมันกําลังต่อต้านกันอย่างรุนแรงดึงกันไปดึงกันมา ทําให้หน้าผากของซูเจินในตอนนี้มันเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มชิงความได้เปรียบมาทีละนิด

“ยอมให้ฉันกลืนกินซะดีๆ!”

ซูเจินกัดฟันแน่นและตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว

แคลร์ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เพราะว่าแรงบีบของซูเจินมันเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่เธอยังรู้สึกแปลกๆอีกด้วย ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าเหมือนกําลังมีอะไรบางอย่างกําลังออกมาจากภายในร่างกายของเธอ ทําให้เธอค่อยๆหายใจอย่างช้าๆ เพื่อรวบรวมสติและพยายามที่จะไม่รบกวนสมาธิของซูเจิน

“มันจบแล้ว!”

เมื่อซูเจินรู้สึกได้ว่าความสามารถของแคลร์มันเริ่มอ่อนแอลง และกําลังจะโดนความสามารถของเขากลืนกิน ซูเจินก็รีบกระตุ้นความสามารถในการกลืนกินของเขาทันที

“เจ็บ เจ็บ อ้า!”

เมื่อซูเจินเพิ่มพลังเข้าไปอีก ทําให้แคลร์ที่ตอนแรกไม่ได้เจ็บปวดมากนัก ถึงกับร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดทรมาณ

” อย่าขยับ คุณต้องอดทนอีกสักพัก มันใกล้จะสําเร็จแล้ว ” ซูเจินตะโกนขึ้นมา

“อ๊าก ……..”

ซูเจินคํารามขึ้นมาดังลั่น พร้อมกับความสามารถในการกลืนกินของเขาที่กลับเข้ามาสู่ร่างกาย ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกได้ว่าความสามารถของแคลร์มันตกเป็นของเขาเรียบร้อยแล้ว!

“ปัง!”

ในขณะที่ซูเจินกําลังจะผ่อนคลายลง ทันใดนั้นประตูก็ถูกกระแทกเปิดเข้ามาอย่างรุนแรง พร้อมกับมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่วิ่งเข้ามาด้วยความโกรธเกรี้ยว และเมื่อเขาเห็นฉากตรงหน้า จู่ๆเขาก็หยุดยืนอยู่กับที่