ตอนที่ 117 สนามประลอง

” พ่อคะ … พ่อมาที่นี่ทําไม ?” แคลร์ถามขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับมองไปที่ชายวัยกลางคนที่วิ่งเข้ามาด้วยความประหลาดใจ

เบนเน็ตต์ พ่อบุญธรรมของแคลร์

“ลูกรัก ลูก…ลูก… ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?” เบนเน็ตต์ ถามขึ้นมาด้วยความลังเล ในขณะที่เขากําลังมองสํารวจไปที่แคลร์ และพบว่าเสื้อผ้าของแคลร์ยังคงปกติดีอยู่

“หนูไม่เป็นอะไรค่ะพ่อ เขา… “แคลร์ส่ายหัวขึ้นมาเบา ๆ และกําลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ได้ยินเบนเน็ตต์ พูดแทรกขึ้นมาก่อนว่า “ไม่เป็นอะไรลูกรัก ลูกไปรอพ่อข้างนอกแปปหนึ่งนะ…พ่อมีอะไรบางอย่างอยากคุยกับเขาสักหน่อย”

แคลร์รู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นซูเจินกระพริบตาและยิ้มให้กับเธอพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า ”ได้สิ ผมก็อยากคุยกับพ่อของคุณเหมือนกัน”

“อืม!”

แคลร์พยักหน้าและค่อย ๆ หันหลังเดินออกจากห้องไป

เบนเน็ตต์ เดินไปปิดประตูอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นสีหน้าที่แสนใจดีของเขาก็หายไปในทันทีพร้อมกับคว้าจับไปที่เสื้อของซูเจินและตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธว่า “แกเป็นใคร…แล้วแกทําอะไรกับลูกสาวของฉัน!”

“แล้วคุณคิดว่าผมทําอะไรกับเธอล่ะ ? “

ความรู้สึกของซูเจินที่มีต่อเบนเน็ตต์ นั้นไม่เลวเลยทีเดียว เพราะว่าตัวของเขานั้นมีความเป็นพ่ออยู่เต็มเปี่ยม ถึงแม้ว่าชีวิตของเขาจะเต็มไปด้วยความหลอกลวงและการโกหก แต่ซูเจินก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าเบนเน็ตต์ คนนี้เป็นคนดีต่อแคลร์มากและเขาก็พยายามที่จะปกป้องแคลร์ออกมาจากใจจริง

ดังนั้นซูเจินก็เลยไม่ได้โกรธกับการกระทําของเบนเน็ตต์ เขาค่อย ๆ จับมือของเบนเน็ตต์ ออกมาจากเสื้อผ้าของเขา หลังจากนั้นเขาก็จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและพูดขึ้นมาว่า “ถ้าคุณกลัวว่าผมจะหลอกลูกสาวคุณโดยใช้ความสัมพันธ์แบบเพื่อน … คุณสามารถวางใจได้เลย ถึงแม้ว่าคุณจะได้ยินเสียงร้องว่า เจ็บ! อย่าขยับ เดี๋ยวมันก็ออกมาแล้ว! ที่มันอาจจะทําให้คุณเข้าใจได้ ซึ่งตอนแรก ๆ ที่คุณได้ยินคุณอาจจะคิดไปแบบนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นอย่างแน่นอน!”

“คุณเป็นใครกันแน่ ?”

แน่นอนว่าเบนเน็ตต์ เข้าใจผิดจริง ๆ นั่นแหละ มีใครบางที่ได้ยินเสียงร้องแบบนั้นและจะไม่เข้าใจผิด ซึ่งในตอนนั้นเขาก็กําลังยืนอยู่หน้าประตูห้องด้วย

“เจ็บ…เจ็บ…”

“อย่าขยับ เดี๋ยวอีกสักพักมันก็ออกมาแล้ว”

“อ๊าก…จะออกแล้ว”

ได้ยินเสียงร้องแบบนี้ประกอบกับเสียงตะโกนขึ้นมาเบา ๆ เหมือนกับว่ากําลังจะมีอะไรปลดปล่อยออกมา มันก็ไม่น่าแปลกใจหรอกที่เขาจะเข้าใจผิด

“ผมชื่อซ่เงิน…ผมดีใจนะที่ได้พบคุณ คุณเบนเน็ตต์ ” ซูเจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“คุณทําอะไรกับลูกสาวฉันกันแน่!”

เบนเน็ตต์ ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากที่เขาตั้งสติได้ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันจะไม่ใช่เรื่องแบบนั้น แต่มันก็ชัดเจนว่าชายแปลกหน้าคนนี้ที่ชื่อซู่เจินจะต้องทําอะไรบางอย่างกับแคตร์อย่างแน่นอน

“คุณไม่ต้องกังวล ที่จริงแล้ว…คุณก็มีจุดประสงค์เดียวกับผม ดังนั้นคุณควรที่จะขอบคุณผม ด้วยซ้ํา” ซูเจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับมองไปที่ท่าทางของเบนเน็ตต์ และพูดขึ้นมาต่อว่า “ผมรู้ว่าคุณกําลังทํางานอยู่ในโรงงานกระดาษ ซึ่งจริง ๆ แล้วคุณกําลังทํางานให้กับองค์กรหนึ่งอยู่โดยที่คุณมีหน้าที่ในการมองหาคนที่มีความสามารถพิเศษโดยเฉพาะ ในตอนแรกคุณคิดที่จะรับแคลร์เข้ามาในองค์กร แต่คุณก็ดันมีความรู้สึกดี ๆ กับเธอ ดังนั้นคุณก็เลยพยายามที่จะปกป้องเธอมาหลายปีแล้วเพื่อไม่ให้คนในองค์กรรู้ผมพูดถูกไหม ?”

“ฉันไม่รู้ว่าคุณกําลังพูดอะไรอยู่!”

เบนเน็ตต์ ส่ายหัวขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับหันหน้าไปข้างหลัง และค่อย ๆ หยิบปืนออกมาจากข้างในเสื้อของเขา และเขาก็หันกลับไปหาซ่เงินอย่างกะทันหันพร้อมกับชี้ปืนไปทางซูเจิน และเบน เน็ตต์ ก็ถามขึ้นมาด้วยความเย็นชาว่า “คุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ? หรือว่าคุณก็เป็นคนที่มีความสามารถพิเศษ ?”

เมื่องมองไปยังปากกระบอกปืนสีดําที่ชี้มา ซูเจินก็ส่ายหัวของเขาขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับกระดิกนิ้วของเขาเล็กน้อย ทันใดนั้นปืนของเบนเน็ตต์ ก็ลอยขึ้นมาและบินไปที่มือของซูเจินอย่างรวดเร็ว

เบนเน็ตต์ มองไปที่ซ่เงินด้วยความวิตกกังวลเล็กน้อย ในขณะเดียวกันซูเจินก็เหลือบมองไปที่ปืนเล็กน้อยพร้อมกับชี้ปืนไปที่แขนของเขา

“ปัง!”

เสียงปืนดังขึ้น พร้อมกับลูกกระสุนที่เจาะทะลุแขนของซูเงินไปอย่างรวดเร็ว

โชคดีที่เสียงของปืนกระบอกนี้มันเบามาก ทําให้คนอื่น ๆ ที่อยู่ภายในโรงแรมไม่ได้ยินมัน

” คุณ ” เบนเน็ตต์ ไม่เข้าใจว่าซูเจินกําลังทําอะไรอยู่ ทําไมเขาถึงได้ยิงตัวเอง ? แต่หลังจากนั้นไม่นาน เบนเน็ตต์ ก็เห็นว่าแผลบนแขนของซูเจินที่โดนปืนยิงมันเริ่มรักษาตัวเองอย่างรวดเร็ว และในชั่วพริบตามันก็หายเป็นปลิดทิ้ง ราวกับว่าซูเจินไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน

“ความสามารถนี้มันสุดยอดมาก” ซูเจินมองไปที่แขนของเขาเล็กน้อย เขาพบว่าภายในไม่กี่วินาทีบาดแผลของเขามันก็หายเป็นปกติแล้ว

ถึงแม้ว่าเขาจะมีความสามารถในการรักษาตัวเองของไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิส แต่มันก็ไม่ได้ รวดเร็วขนาดนี้

และเขายังสัมผัสได้อีกว่าตอนนี้ความสามารถของแคลร์กําลังผสานเข้ากับความสามารถในการรักษาตัวเองของไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิส แต่ถึงอย่างนั้นความเร็วของการผสานเข้าด้วยกันมันก็ไม่ได้เร็วมากนัก ดังนั้นเขาก็เลยยังไม่หมดสติไปในทันที

“คุณไม่ได้ถามผมหรอว่าผมทําอะไรกับแคลร์ ? นี่ไง!”

ซูเจินยกแขนของเขาขึ้นมาให้ดูพร้อมกับพูดกับเบนเน็ตต์

เบนเน็ตต์ ส่ายหัวและถามขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อว่า “คุณ … คุณหมายถึงอะไร ? คุณเอาความสามารถของแคลร์ไปอย่างงั้นหรอ ? คุณคือเซอร์ร่าใช้ไหม?”

เซอร์ร่า เป็นคนที่อันตรายเป็นอย่างมากในโลกของซูเปอร์ฮีโร่ ถ้าเกิดว่าเขาตัดหัวของคนที่มีความสามารถพิเศษ เขาก็จะสามารถมองเห็นวิธีการทํางานของความสามารถพิเศษได้พร้อมกับ ได้รับความสามารถพิเศษของอีกฝ่ายมา

ว่ากันว่าความสามารถนี้ของเขาสามารถมองเห็นความสามารถได้ทุกอย่างว่ามันทํางานอย่าง

ซึ่งซ่เงินก็ไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถนี้เหมือนกัน ทําให้เขาสงสัยว่านี่คือความสามารถพิเศษหรือความสามารถตามปกติ ? เพราะถึงอย่างไงท้ายที่สุดแล้วการที่สามารถมองเห็นการทํางานของความสามารถพิเศษได้ทุกอย่างนั้น มันค่อนข้างจะเกินจริงมากเกินไป

เมื่อเห็นความกระวนกระวายใจของเบนเน็ตต์ ซูเจินก็ส่ายหัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ถ้าเกิดว่าผมเป็นเซอร์ร่าจริง ๆ แคลร์จะยังคงมีชีวิตอยู่ในตอนนี้อย่างงั้นหรอ ? ผมสามารถเอาพลังของเธอมาเป็นของผมได้โดยที่ไม่ต้องทําร้ายเธอ ดังนั้น คุณก็ไม่จําเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเธออีกต่อไปคุณสามารถพาเธอกลับไปได้แล้ว และไม่ต้องกังวลว่าเธอจะตกอยู่ในอันตราย!”

เบนเน็ตต์ ไม่ได้ตอบซูเจิน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก

การกระทําของซูเจินในครั้งนี้ได้ช่วยแก้ปัญหาให้กับเขาจริง ๆ ถึงแม้ว่า … เขาจะรู้สึกขอบคุณซูเจิน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถปล่อยตัวของซูเจินไปได้ เพราะว่าซูเงินเป็นบุคคลที่มีความสามารถในการกลืนกินความสามารถของคนอื่นได้ และเขาก็ไม่ต้องการให้ฆาตกรแบบเซอร์ร่าเกิดขึ้นมาอีกคน บวกกับว่านี่เป็นการค้นพบที่สําคัญต่อองค์กรเป็นอย่างมาก!

เบนเน็ตต์ มองไปที่ซูเจินเล็กน้อย ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบปืนของเขากลับคืนมา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หันหลังเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดสักคํา

ซูเจินเดินไปที่หน้าต่างพร้อมกับมองไปที่แคลร์ที่กําลังเดินตามเบนเน็ตต์ เข้าไปในรถ แต่ก่อนที่เธอจะขึ้นรถเธอก็หันไปมองทางซูเจินเล็กน้อย เมื่อซูเจินเห็นแบบนั้นเขาก็ยิ้มให้กับเธอและโบ กมือเล็กน้อย

“อันเดดเกิร์ล : แคลร์ เบนเน็ตต์ ค่าความสัมพันธ์เพิ่มขึ้น 30% ตอนนี้ค่าความสัมพันธ์เพิ่มขึ้นถึง 959% แล้วกําลังเปิดสนามประลองพร้อมกับป้อนข้อมูลของตัวละครลงในสนามประลอง

ทันใดนั้นเสียงการแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นมา ทําให้ซ่เงินเดินไปนั่งลงบนเตียงและพูดขึ้นมา ”เปิดขึ้นมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

“โฮสต์สามารถอัพเดทสถานนะได้ตลอดเวลาหลังจากที่ตัวละครเข้าสู่สนามประลองเรียบร้อยแล้ว และถ้าเกิดว่าตัวละครนั้นเข้าสู่สนามประลองก่อนสูญเสียความสามารถไป โฮสต์ก็สามารถอัพเดทตัวละครของเขาลงในสนามประลองได้ นอกจากนี้สนามประลองยังสามารถเพิ่มค่าความ สัมพันธ์ได้อีกด้วย และเมื่อค่าความสัมพันธ์สูงขึ้น โฮสต์ก็จะสามารถใช้เวลาอยู่ในนี้ได้นานขึ้น บวกกับพื้นที่ที่ขนาดใหญ่ขึ้น!”

เมื่อได้ยินคําตอบของระบบ ซูเจินก็รู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที

และหากมันเป็นแบบที่ระบบบอกจริง ๆ ละก็เขาก็อาจจะต้องลองคิดเกี่ยวกับสนามประลองนี่ไหมอีกครั้งหนึ่ง