บทที่ 45 แผนการณ์ของอวี่ชุนอิง

ไม่กี่วันต่อมาที่หมู่บ้านลี่เจีย

เช้าวันนั้นถังหลี่ตื่นขึ้นเพราะมีแขกมาที่บ้าน เมื่อดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้ารถเทียมม้าก็แล่นเข้ามาในหมู่บ้านลี่เจีย ฮั่วจีว์เป็นคนขับรถม้า มีไป๋มู่หยางนั่งมาในรถคันนั้น

ไป๋มู่หยางกินยาที่หมอซูสั่งและแช่น้ำสมุนไพรมาได้ 1 เดือนแล้ว เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองดีขึ้น จากที่เคยเหนื่อยหอบหลังจากนั่งทำงานเพียงแค่ครึ่งชั่วยาม แต่ตอนนี้เขากลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลยทั้งวัน! ร่างกายดูเหมือนคนปกติทั่วไปแบบนี้มันมากเกินกว่าที่เขาจะกล้าจินตนาการไว้ หากรักษาไปอีกสักพักเขาอาจจะวิ่งได้หรือไม่นะ?

หมอซูผู้นี้มีความสามารถอย่างแท้จริง!

ไป๋มู่หยางเริ่มรู้สึกว่า น้องสาวของเขาคือดาวนำโชค!

ประการแรกนางได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ และตอนนี้ก็ยังหาหมอฝีมือดีมารักษาเขาได้จริง ๆ

ชายหนุ่มรู้สึกแข็งแรงขึ้นมาก เขาจึงอยากไปที่บ้านของน้องสาวและดูโรงงานผลิตถุงหอม หลังจากที่ฮั่วจีว์ทราบข่าว เขาก็ขอตามไปด้วยทันที ภายในรถม้านอกจากตัวเขาแล้วยังเต็มไปด้วยข้าวของอีกมากมาย อาทิแป้งหมี่ ผ้าแพรและของเล่นทั้งของเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย ทันทีที่รถม้าหยุดลง ฮั่วจีว์พับแขนเสื้อขึ้นและเดินเข้าไปด้านใน สิ่งของเหล่านี้คงแน่นเต็มห้องฟืนที่บ้านของนางเลยทีเดียว

พี่ชายมาแล้วหรือ? พวกท่านไม่จำเป็นต้องนำของมาฝากข้ามากมายถึงเพียงนี้หรอก “ ถังหลี่กล่าว

ไป๋มู๋หยางคลี่ยิ้มอ่อนโยน แต่ฮั่วจีว์ก็พูดขึ้นมาทันควัน

“น้องเล็ก นี่เป็นสิ่งของที่พี่ชายเจ้ามอบให้ เจ้าก็รับไว้เถิด” ว่าแล้วเขาก็เดินไปหาเอ้อร์เป่าและซานเป่า

“เด็ก ๆ ลุงรองเอาม้าไม้ไผ่มา พวกเจ้าอยากไปขี่ม้าไม้ไผ่หรือไม่?”

ดวงตาของเด็กน้อยเป็นประกาย …ขี่ม้าหรือ? น่าสนุกมาก!

“ดีเลย ๆ” ฮั่วจีว์อุ้มเด็กน้อยขึ้น เขาเข้ากับเด็กทั้งสองได้อย่างรวดเร็ว เด็ก ๆ เดินตามชายหนุ่มไม่ห่าง พวกเขาชอบฮั่วจีว์กันมาก

“พี่รอง ท่านมีลูกสองคนเลยหรือ?” ฮั่วจีว์ตอบรับส่ง ๆ เมื่อได้ยินถังหลี่เย้า

“พี่ใหญ่ จะให้ข้าพาท่านไปที่โรงงานผลิตถุงหอมหรือไม่?” ถังหลี่มองไปที่ไป๋มู่หยาง

“ตกลง” ชายหนุ่มพยักหน้า

ทั้งสองเดินไปลัดเลาะไปตามสันเขา ในที่สุดก็มาถึงบ้านที่ถังหลี่ซื้อไว้ หญิงสาวผลักประตูรั้วเข้าไป ไป๋มู่หยางเดินตามนางเข้ามาในลานบ้าน

กลิ่นของสมุนไพรที่โชยมา ทำให้เขาเห็นสมุนไพรตากแห้งอยู่ในลานบ้าน สิ่งของต่าง ๆ ถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ไป๋มู่หยางกวาดสายตามองผ่านห้องในบ้านหลังนั้น เขาเห็นวัตถุดิบต่าง ๆ จำแนกแยกประเภทไว้อย่างเหมาะสม น้องสาวของเขาคนนี้ช่างเฉลียวฉลาด และมีหัวการค้าจริง ๆ

ไป๋มู่หยางเห็นหมอซูในห้องเตรียมสมุนไพร ชายหนุ่มทักทายหมอซู จากนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องปักผ้า เมื่อเขาเข้าไปด้านใน มู่หยางถึงกับตกตะลึงไปในทันที ชายหนุ่มแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“ท่านป้าฟู่ฉิง?”

“เจ้าเป็นใครหรือ?” ซูฟู่ฉิงมองมาที่ชายหนุ่มอย่างสับสนเล็กน้อย

“ข้าเป็นเจ้าของร้านเย็บปักของตระกูลไป๋ ข้าเคยไปเยี่ยมท่านมาก่อน!” ไป๋มู่หยางแทบจะยับยั้งความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ได้ คนที่สามารถทำให้ไป๋มู่หยางเรียกอย่างยกย่องว่า “ท่านป้าฟู่” นั้นไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป

เดิมทีซูฟู่ฉิงเป็นนางกำนันในวังและมีฝีมือในงานเย็บปักมาก เมื่อนางอายุได้ยี่สิบห้าปีก็ลาออกจากวังหลวง ในตอนนั้นมีร้านปักผ้าจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเชิญนางไปร่วมงานด้วย เจ้าของกิจการเย็บปักทั้งเมืองหลวงมาเคาะประตูบ้านและเชื้อเชิญนางไปเป็นหัวหน้างานด้านเย็บปักของพวกเขา

ไป๋มู่หยางที่เพิ่งหันมาจับธุรกิจปักผ้าในตอนนั้น ก็ได้ไปเชื้อเชิญซูฟู่ฉิงถึงหลายครั้งหลายครา เขาชื่นชมฝีมือของนางมากจริง ๆ และหวังว่านางจะตอบตกลงมาทำงานกับเขา

แต่ซูฟู่ฉิงไม่ตกลงร่วมงานกับผู้ใดเลย ไม่นานนักข่าวการเจ็บป่วยที่ร้ายแรงของนางก็แพร่สะพัดออกมา

ไป๋มู่หยางเศร้าเสียใจอยู่นานทีเดียว

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพี่สาวที่ปักผ้าในโรงงานผลิตถุงหอมของน้องสาวจะเป็นท่านป้าฟู่! นั่นหมายถึงงานปักก่อนหน้านี้เป็นฝีมือของนางหรือ ? !

น้องสาวของเขาทำให้เขาประหลาดใจมาก ท่านป้าฟู่กำลังทำงานให้เขา!

ไป่มู่หยางรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก

น้องสาวเป็นดาวนำโชคของเขาจริง ๆ !

ถังหลี่รับรู้เรื่องราวในอดีตจากบทสนทนาระหว่างไป๋มู่หยางและซูฟู่ฉิงก่อนจะถอนหายใจ อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่นางจะเป็นคนมีชื่อเสียง ในเมื่อฝีมือการปักผ้าของนางช่างวิจิตรและสวยงามมากขนาดนั้น

ตอนเที่ยงวัน ถังหลี่พาพี่ชายทั้งสองคนของตนมาที่บ้านเพื่อกินอาหาร หญิงสาวทำอาหารเสียจนเต็มโต๊ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฮั่วจีว์และไป๋มู่หยางได้กินอาหารฝีมือถังหลี่

“น้องสาว ฝีมือการทำอาหารของเจ้าดีกว่าพ่อครัวในเหลาของไป๋มู่หยางอีก เหตุเจ้าจึงไม่เปิดร้านอาหารเล่า?” ฮั่วจีว์เสนอในขณะที่อาหารยังอยู่เต็มปาก

“หากเป็นอย่างนั้นเจ้าจะไปกินข้าวทุกวันเลยหรือไม่?” ไป๋มู่หยางหยอกเย้า

เมื่อมีคนมองเห็นความคิดของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง ฮั่วจีว์ ก็หัวเราะแห้ง ๆ และกวาดอาหารทุกอย่างจนเกลี้ยงลงท้องไป ถังหลี่ออกไปส่งพี่ชายตัวเอง และพาบุตรทั้งสองเดินไปที่โรงงานผลิตถุงหอม

……

ในเวลานั้นที่โรงงานผลิตถุงหอมเกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อย

ตอนนี้เฉาเสี่ยวกุ้ยมากับมารดา ชายผู้นี้เคยเป็นอดีตคู่หมั้นของหลันฮวา เขามาเยือนถึงหน้าประตูบ้าน

“หลันฮวา เป็นความผิดของข้าเอง ข้าขอโทษเจ้าจริง ๆ ขอโอกาสในข้าชดเชยได้หรือไม่?” เฉาเสี่ยวกุ้ยกระซิบอ้อนวอน อวี่ชุนอิงมารดาของเขาพูดเสริมขึ้นว่า

“หลันฮวาเอ๋อร์เด็กดี ตอนนั้นเสี่ยวกุ้ยมันตามืดตาบอด เขาสำนึกแล้วว่าเขาเป็นคนผิด ท่านป้าเกา หลันฮวาเอ๋อร์ ให้โอกาสเขาอีกสักครั้งเถิดนะ ”

หลันฮวาซ่อนตัวอยู่หลังป้าเกา ใบหน้าแสดงความไม่ยินยอมพร้อมใจ ป้าเกามองสองแม่ลูกด้วยสีหน้าบูดบึ้ง พวกเขาย่ำยีหลันฮวาของนาง โดยปล่อยข่าวลือว่านางเป็นหญิงโง่ ปัสสาวะเรี่ยราดตามท้องถนน ทำให้หลันฮวาเป็นตัวตลกของหมู่บ้าน

“ให้โอกาสหรือ? ส้วมที่บ้านข้าเต็มพอดี เฉาเสี่ยวกุ้ยเจ้าจะช่วยข้าเก็บอุจจาระพวกนั้นได้หรือไม่?” ป้าเกาพูดอย่างเย็นชา ใบหน้าของชายหนุ่มดูไม่ดีนัก เขาจะถูกกดดันโดยหญิงสาวที่โง่เง่าแบบนี้ได้อย่างไร ? ชายหนุ่มกำลังจะส่ายหน้าปฏิเสธ หากมารดาเขาตบเข้าที่แผ่นหลังและฉีกยิ้มให้ป้าเกา

“ท่านป้า… ท่านก็สูงอายุและทำงานหนักมากไม่ได้แล้ว เสี่ยวกุ้ยอยากจะช่วยเหลือพวกท่าน หากได้แต่งงานกับหลันฮวาเขาจะช่วยเหลือท่านเต็มที่ ดีหรือไม่? ท่านคิดอย่างไรหากครอบครัวเราจะได้เกี่ยวดองกัน”

“แต่งงาน? เสี่ยวกุ้ยของเจ้าตบแต่งกับลูกสะใภ้ที่แข็งแรงและมีความสามารถไปแล้วมิใช่หรือ?”

ป้าเกาจำคำพูดของอวี่ชุนอิงได้ ในวันที่นางมาขอยกเลิกงานแต่งงานโดยบอกว่าครอบครัวของเสี่ยวกุ้ยต้องการลูกสะใภ้ที่แข็งแรงและมีความสามารถ นางดูถูกหลันฮวา

“เหตุใดพวกเจ้าจึงกลับมาหาหลันฮวาของข้า ? ในเมื่อได้สะใภ้ที่ดีเช่นนั้นแล้ว”

อวี่ชุนอิงถึงกับหน้าเสีย ในตอนนั้นนางภูมิใจมากที่เฉาเสี่ยวกุ้ยได้ตบแต่งกับลูกสาวของคนขายเนื้อในหมู่บ้าน นางแข็งแรงและสามารถทำงานได้ อวี่ชุนอิงที่ไม่มีเงินทองต้องจ่ายค่าสินสอดถึงสิบตำลึง นางต้องขายที่ดินถึงหนึ่งหมู่เลยทีเดียวเพื่อที่จะได้ลูกสะใภ้แบบนั้น แต่ตอนนั้นนางนับได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าหลันฮวามากนัก อย่างไรเสียก็ถือได้ว่าเป็นการแต่งงานที่คุ้มค่ามาก หญิงสาวแข็งแรงและทำงานเก่งกว่าหญิงใบ้อย่างหลันฮวาไม่รู้กี่เท่า

แต่เมื่อแต่งงานแล้วนางกลับเป็นหญิงเกียจคร้าน ไม่ทำงานทำการ ไม่ทำอาหารไม่ซักผ้า แม้แต่น้ำล้างเท้ายังต้องประเคนให้นาง ทั้งเท้าของนางก็มีกลิ่นเหม็นอีกด้วย ต่อมาอวี่ชุนอิงให้ลูกชายสั่งสอนบทเรียนให้กับนางบ้าง หญิงสาวลูกคนขายเนื้อโกรธมากเมื่อรู้ว่าอวี่ชุนอิงยุแยงสามีให้เล่นงานนาง

ด้วยเหตุนี้เสี่ยวกุ้ยจึงถูกภรรยาทุบตีจนร้องลั่น เท่านั้นยังไม่พอ นางหันกลับมาเล่นงานแม่สามีด้วย สองแม่ลูกสู้นางไม่ได้ อวี่ชุนอิงใช้เงินถึงสิบตำลึงแต่งภรรยาให้ลูกชาย สุดท้ายได้แต่เสียเงินไปอย่างไร้ค่า

ต่อมาเมื่อรู้ว่าอวี่ชุนอิงและบุตรชายไม่เห็นหัวนางอีกแล้ว นางจึงได้ติดต่อกับพ่อค้าคนหนึ่ง จากนั้นนางได้กวาดของมีค่าทั้งหมดในบ้านและหนีไป ตอนแรกสองคนแม่ลูกพากันโล่งอกที่รู้ข่าวว่านางหนีไป หากต่อมาพวกเขากลับพบว่านางได้ขนของไปจนหมดบ้าน ครอบครัวถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัวไปเลย

ก่อนจะตบแต่งสะใภ้คนนี้ สองแม่ลูกยังพอมีพอกิน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากจะเสียหน้าแล้วมิหนำซ้ำท้องยังหิวอีกด้วย

ต่อมาพวกเขาได้ยินว่ามีโรงงานผลิตถุงหอมเปิดขึ้นที่หมู่บ้านลี่เจีย ทุกคนที่ทำงานปักผ้าได้เงินเป็นจำนวนมาก และหลันฮวาก็ทำงานที่นี่ด้วย

ได้เงินหนึ่งร้อยอีแปะต่อวัน!

อวี่ชุนอิงเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง ถ้านางเลือกหลันฮวาเป็นสะใภ้ของบ้านล่ะก็ เงินค่าแรงนี้ก็จะตกเป็นของนาง โรงงานผลิตถุงหอมไม่ได้วุ่นวาย อีกทั้งหลันฮวายังซักผ้าและทำอาหารเป็น

ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหญิงม่ายที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว ดังนั้นหากมีลูกสะใภ้ที่ดี นางจะได้เพลิดเพลินไปกับความสุขที่แท้จริงในยามแก่เฒ่าได้ !

———–