บทที่ 46 วางแผน

อวี่ชุนอิงรู้สึกเสียใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งนางครุ่นคิดเรื่องนี้มากเท่าใดก็ยิ่งรู้สึกเศร้ามากขึ้นเท่านั้น แต่แล้วหัวใจของนางกลับลิงโลดขึ้นมา หลันฮวาเป็นใบ้ หากได้เเต่งกับเสี่ยวกุ้ยของนางล่ะก็ ยอมเป็นเรื่องที่ดีต่อหญิงใบ้เช่นนาง!

ทันทีที่ตกลงกันได้ อวี่ชุนอิงและเฉาเสี่ยวกุ้ยจึงได้เดินทางมาหาหลันฮวาจนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

“แม่นั่นขี้เกียจตัวเป็นขน ทำอาหารก็ไม่ได้ เทียบหลันฮวาไม่ได้เลยสักนิด ข้าเลยให้เสี่ยวกุ้ยหย่ากับนาง!” อวี่ชุนอิงกล่าว

“หย่าหรือ? ไม่ใช่ว่านางหนีไปกับชายชู้หรือ? หมู่บ้านทั้งสองก็ไม่ได้ห่างไกลกันมาก อวี่ชุนอิง เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่หูหนวกตาบอดจนไม่รับรู้ข่าวคาวของครอบครัวเจ้าหรือ?” ป้าเกาเอ่ย

“แต่งงานกับสะใภ้ที่มีความสามารถงั้นหรือ? สะใภ้ของเจ้าช่างดีจริง ๆ”

อวี่ชุนฮวาอับอายมาก นางอยากจะตบปากป้าเกาเพื่อสั่งสอนแต่เมื่อนึกถึงรายได้จากการปักผ้าของหลันฮวาแล้ว นางจึงได้แต่ข่มใจเอาไว้

“ก็ด้วยเหตุนี้ … ข้าถึงได้รู้ว่าไม่มีใครเทียบหลันฮวาได้ หากสตรีที่เพียบพร้อมเช่นนางได้แต่งกับลูกชายข้า เสี่ยวกุ้ยย่อมปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี และจะดูแลครอบครัวของนางอีกด้วย ครอบครัวของเจ้าจะได้มีคนให้พึ่งพาไม่ดีหรือ ป้าเกา? ให้เสี่ยวกุ้ยได้ช่วยท่านแบกโลงศพเถิดนะ”

หน้าที่ของบุตรชายของนางคือแบกโลงศพในวันสุดท้ายของชีวิต นางสัญญาว่าจะให้เขาช่วยครอบครัวของป้าเกา หากป้าเกายังปฏิเสธอีก นางกับบุตรชายก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรอีกต่อไป

“ช่วยแบกโลงศพด้วยหรือ? ป้าเกา ลองคิดดูอีกครั้งดีไหม?” เพื่อนบ้านอดไม่ได้ที่จะช่วยโน้มน้าวใจนาง

“ท่านกับสามีก็แก่มากแล้ว ดังนั้นคิดดูให้ดีเถิด”

“ตอนบุตรชายเจ้าเข้าร่วมกองทัพ เจ้าก็ไม่ควรปล่อยเขาไป! ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ? หากไม่คิดวางแผนเอาไว้ พอถึงเวลานั้นก็สายไปเสียแล้ว”

ชาวบ้านส่วนใหญ่ล้วนต้องการที่จะมีบุตรชาย ประการแรกก็เพื่อสืบสกุล อีกประการก็เพื่อเอาไว้แบกโลงศพให้ในวันสุดท้ายของชีวิต เรื่องนี้นับได้ว่าเป็นประเพณีที่สำคัญของหมู่บ้านนี้เลยทีเดียว ตามความเชื่อของหมู่บ้านกล่าวคือ ถ้าไม่มีลูกชายแบกโลงศพให้ตอนเสียชีวิตไปแล้ว ดวงวิญญาณจะไม่สามารถไปสู่สุคติได้ ต้องกลายเป็นวิญญานเร่ร่อน ยิ่งหลานสาวอย่างหลันฮวาที่เป็นใบ้ด้วยแล้ว ขนาดเด็กสาวธรรมดา ๆ ยังไม่ค่อยจะมีใครอาสาอยากช่วยเหลือเลย

เว้นเสียแต่ว่านางจะออกเรือนกับชายพิการ หรือแต่งกับพ่อหม้ายลูกติด อย่างไรเสียการตบแต่งเข้ากับครอบครัวเฉา ย่อมดีกว่าเป็นไหน ๆ

“ใช่ แม้ว่าเสี่ยวกุ้ยจะดูผอมเล็กน้อย แต่เขาก็เป็นคนสุขภาพดี”

“หลันฮวาแต่งงานแล้วจะได้มีชีวิตที่ไม่ลำบากจนเกินไป”

หลันฮวาซ่อนอยู่หลังยายตัวเอง นางต่อต้านอย่างเต็มที่ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของเด็กสาว หากต้องแต่งงานกับเฉาเสี่ยวกุ้ยแล้วล่ะก็ชีวิตนางก็เหมือนโดนผลักตกเหวอีกครั้ง!

หลันฮวาไม่ต้องการแต่งงานกับเฉาเสี่ยวกุ้ย…แต่ยายของนางนั้น…

หลันฮวาตัดสินใจดึงแขนของป้าเกาแล้วส่งเสียง “อ้า อ้า อ้า!” นางตัดสินใจแล้ว นางจะแต่งงานกับเฉาเสี่ยวกุ้ย!

“ข้าเข้าใจแล้ว” ป้าเกาตบหลังมือของนางเบา ๆ

ถังหลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เดิมทีนางไม่ต้องการเข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่น แต่ก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้หากต้องเห็นหลันฮวาโดนผลักเข้าหลุมไฟ ถังหลี่อยากจะเอ่ยปากห้าม แต่ก็ได้ยินเสียงป้าเกาพูดขึ้นมาก่อน

“อวี่ชุนอิง อย่าพูดถึงเรื่องการช่วยแบกโลงศพเลย เฉาเสี่ยวกุ้ยและหลันฮวาไม่มีทางได้แต่งงานกันหรอก!”

“ป้าเกา อย่า…” เพื่อนบ้านรีบห้าม

“ข้ารู้…ว่าเจ้ามีเจตนาดี แต่ข้าไม่ต้องการผลักหลานสาวเข้าหลุมไฟเพียงเพราะเห็นแก่ตัวเองและสามีแก่ ๆ ของข้า ถ้าหลันฮวาเป็นเด็กไม่ดี ข้าก็ตายตาไม่หลับเพราะความเป็นห่วงนาง แต่หลานสาวของข้าเป็นเด็กดีถึงเพียงนี้ ข้าไม่สนใจหรอกหากข้าต้องเป็นผีเร่ร่อน ขอให้หลานข้ามีความสุขก็พอแล้ว” ป้าเการีบพูดขัดจังหวะเพื่อนบ้าน

หลันฮวากอดย่าตัวเองไว้แน่น ดวงตาของนางแดงก่ำ อวี่ชุนอิงไม่สามารถฝืนทนต่อไปได้ นางสาปแช่งอีกฝ่ายอย่างโกรธเคือง

“นี่ยายแก่! เหตุใดถึงคิดไม่ได้นะ! เสี่ยวกุ้ยของข้าชอบหลานสาวเจ้าแล้วยังเสนอตัวช่วยแบกโลงศพอีก…นี่นับว่าเป็นบุญของเจ้าแล้ว! เพ้ย[1]! หากวันหน้าเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องมาขอร้องข้าเลยนะ! ถึงตอนนั้นก็อยากจะรู้ว่าพวกเจ้าจะหันไปพึ่งใคร ตายไปแล้วจะเร่ร่อนอยู่ที่ไหนยังไม่รู้เลย!”

“เจ้านั้นแหละตาย!พูดจาอัปมงคล!” ป้าเกาโกรธมากนางตวาดกลับ หลังจากพูดจบนางหยิบไม้กวาดขึ้นแล้วชี้ไปที่อวี่ชุนอิง

“ข้าจะทำให้ปากเจ้าหยุดพ่นคำอุบาทว์ออกมา!”

อวี่ชุนอิงและเฉาเสี่ยวกุ้ยรีบหนีไป

“ไปซะ! ไม่งั้นข้าจะตบปากเจ้า!” ป้าเกาพูดอย่างโกรธเคือง นางขับไล่อวี่ชุนฮวาและเฉาเสี่ยวกุ้ยออกไป แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า หากนางกับสามีตายจากกันไปหมดแล้วหลันฮวาต้องอยู่ตัวคนเดียว นางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร ? ป้าเกาจึงได้แต่หวังว่าหลานสาวของนางจะได้พบกับผู้ชายที่ดี ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ หญิงชราก็ไม่อาจข่มตานอนหลับได้

สวรรค์…ได้โปรดเมตตาหลันฮวาของนางด้วยเถิด

“หลันฮวาเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ …นางจะต้องได้พบกับผู้ชายที่ดี” ถังหลี่กล่าว

คำพูดของป้าเกาและเพื่อนบ้านทำให้นางประทับใจ หลันฮวาโชคดีมากที่มีย่าที่รักนาง ในยุคที่ถังหลี่จากมาผู้หญิงสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่ในยุคนี้ไม่ใช่แบบนั้น สตรีต้องพึ่งพาบุรุษ ถังหลี่จึงหวังว่าหลันฮวาจะได้พบกับผู้ชายที่ดี

ยิ่งไปกว่านั้นถังหลี่ก็มีลางสังหรณ์ว่า…คงอีกไม่นานนักที่หลันฮวาจะได้เจอเนื้อคู่ของนาง ……

เมื่อป้าเกาได้ยินคำพููดของถังหลี่ ดวงตาของนางก็แดงระเรื่อ

“เสี่ยวถัง เจ้าเป็นดาวนำโชคของข้า เมื่อเจ้าพูดแบบนั้น ข้าก็รู้สึกสบายใจ”

“หลันฮวาจะต้องได้พบกับครอบครัวที่ดีอย่างแน่นอน”

………..

อวี่ชุนอิงและเฉาเสี่ยวกุ้ยรีบกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านพวกเขามองไปที่ผนังทั้งสี่ด้านพลันรู้สึกได้ถึงท้องที่ว่างเปล่าและหิวโหย

อวี่ชุนอิงนำข้าวเหนียวใส่ลงในหม้อและต้มแบ่งกินคนละชามกับลูกชาย เฉาเสี่ยวกุ้ยที่กำลังก้มหน้ากินข้าวต้มก็พูดขึ้นว่า

“แม่ หนึ่งร้อยอีแปะซื้อข้าวได้ถึงสิบถุงเลยนะ”

อวี่ชุนอิงรู้สึกข้าวต้มฝืดคอขึ้นทันที หนึ่งร้อยอีแปะสามารถซื้อข้าวได้สิบถุง หลันฮวาซื้อข้าวสารได้ถึงสิบถุงต่อหนึ่งวัน…

ข้าวสารสิบถุง ข้าวขาว ๆ มันควรจะเป็นของนางถึงจะถูกไม่ใช่หรือ ป้าเกา? ยิ่งนางคิดถึงมันมากเท่าไหร่ นางยิ่งโลภมากขึ้น ไม่! นางต้องได้กินข้าวขาว!

“ยายแก่นั่นปฏิเสธการแต่งงานของหลานสาวนาง แม่ว่าเรามาหาวิธีให้นางได้แต่งงานกับเจ้าจะดีกว่า “

“ท่านแม่ ท่านคิดวิธีได้แล้วหรือ?”

“ก็ทำให้นางเป็นของเจ้าเสียสิ เมื่อนางตกเป็นของเจ้าแล้วจะทำอะไรได้ …นอกจากจะต้องแต่งงานกับเจ้า!”

เฉาเสี่ยวกุ้ยคิดถึงผิวพรรณที่บอบบางและเนียนนุ่มของหลันฮวา นางสวยงามกว่าภรรยาเก่าของเขาเสียอีก

“งั้นข้าควรตามนางไปและรอโอกาส…หึหึ” เฉาเสี่ยวกุ้ยครุ่นคิด แต่แล้วก็ฉีกยิ้มอย่างชั่วช้าออกมา

“ใช่! จำสิ่งที่นางเกาทำกับเราในวันนี้ไว้ เมื่อหลันฮวาเหยียบเข้าประตูบ้าน เราจะปฏิบัติต่อหลานสาวที่มีค่าของนางให้สาสม !!”

เมื่อนางกลายเป็นสะใภ้บ้านนี้แล้ว ทำไมจะไม่ฉวยโอกาสเอาคืนล่ะ?

ยิ่งอวี่ชุนอิงคิดถึงมันมากแค่ไหน นางก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น วันแห่งความสดใสของนางกำลังจะมาถึงแล้ว !

[1] คําขับไล่ที่เปล่งเสียงแรง ๆ