ตอนที่ 59 เจอหนีจื่อหยางครั้งแรก

รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ

ตอนที่ 59 เจอหนีจื่อหยางครั้งแรก

หลิงเล่ขมวดคิ้วอย่างไม่มีความสุข แล้วกวาดสายตามองจั๋วซีอย่างรวดเร็ว!

เรื่องเหล่านี้ ไม่ควรจะเอามาพูดในบรรยากาศแบบนี้ และนอกจากนี้ ไม่ว่าหลิงหยวนจะเล่นหรือใช้อุบายอะไรก็แล้วแต่ คนที่เขาต้องการจะขอแต่งงาน ก็จะต้องมีวิธีที่จะทำให้แต่งงานได้แน่นอน และไม่ต้องให้ใครมาก้าวก่าย!

“ตระกูลหลิงกับตระกูลเมิ่งของเมืองชิงเฉิงมีความเห็นตรงกันและตกลงกันใหม่ได้”พูดด้วยน้ำเสียงที่ละมุนละไมและอ่อนโยน ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่ดึงดูดมาก“ดังนั้นตามนิสัยหลิงหยวนที่เห็นแก่ได้จนขาดศีลธรมมความถูกต้องไปนั้น จำเป็นต้องยกเลิกงานแต่งงาน และรวมถึงใช้กำลังความสามารถเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการในเรื่องงานแต่งงานของคุณหนูมู่กับเมิ่งเสี่ยวหลงด้วย

เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งเดินมา ทุกคนจึงเงยหน้าไปมองประตูทางเข้าของห้องอาหารอีกครั้ง

เพียงแค่แวบเดียว ก็ทำให้มู่เทียนซิงเคลิบเคลิ้มไปด้วย

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอายุ แต่รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีบุคลิกและความสามารถที่โดดเด่นที่สุดในยุคเลย จนกระทั่งเธอไม่กล้าจะคิดว่าตอนที่เขาเป็นวัยรุ่นนั้น จะหล่อและเท่มากขนาดไหน

ผ้าคลุมไหล่สีม่วงที่สุภาพบุรุษท่านนั้นได้ถือไว้ในมือ ได้เอาไปคลุมไว้บนไหล่ของคุณหณิงหนีต่อหน้าทุกคน

เขายังกระซิบข้างๆหูของเธอด้วยความรักความเอ็นดู และความนุ่มนวล“ห้องอาหารเปิดแอร์เย็นมาก ระวังจะหนาว”

คุณหณิงหนียิ้มเล็กน้อย แล้วจึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของสามี

มู่เทียนซิงมอง แล้วรู้สึกถึงความนุ่มนวล ความอบอุ่นและยังเต็มไปด้วยความรู้สึกอิจฉา !

หนีหย่าจูนหัวเราะ“ตอนนี้ไม่มีคนนอกแล้ว ทุกคนนั่งคุยกันสักหน่อย แล้วค่อยกินข้าว”

ในระหว่างที่พูด เขาก็ตบไหล่ของหลิงเล่ ก่อนที่จะเดินไปนั่งลงหน้าโซฟา และทำท่าโบกไม้โบกมือให้หลิงเล่เข้ามา

หลิงเล่เหลียวมองหน้ามู่เทียนซิง แล้วยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วไอสองครั้ง แล้วลึกๆของดวงตานั้น ก็ค่อยๆหลบซ่อนจนหมดเกลี้ยง แล้วหันไปส่ายหัวให้หนีหย่าจูน

สีหน้าของหนีหย่าจูนงง แต่จั๋วซีเข็นรถเข็นของหลิงเล่มาอยู่ข้างๆหนีหย่าจูนแล้ว“คุณชายหนี แบบนี้ซื่อซ่าวก็นั่งด้วยกันกับท่านแล้ว”

มู่เทียนซิงยังตกอยู่ในความอิจฉาของความรักของคู่สามีภรรยาหนีจื่อหยาง และเพิ่งจะตั้งสติกลับมาได้ ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางการกระทำระหว่างหลิงเล่กับหนีหย่าจูน

หลังจากที่เธอดึงสติกลับมาแล้วนั้น คุณหณิงหนีก็ลากมือของเธอไป ลากเธอไปนั่งบนโซฟาอีกด้านหนึ่ง แล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากพร้อมกับหยิบกล่องของขวัญผ้ากำมะหยี่สีฟ้าสวยงามออกมา ซึ่งเป็นต่างหูไข่มุกทองคำที่ทั้งงดงามและละเอียดมากๆคู่หนึ่ง แล้วยื่นให้เธอ“คุณมาครั้งแรก ฉันเลยอยากจะเตรียมอะไรไว้ให้ แต่ตอนนั้นไม่สามารถตัดสินใจได้และเยว่หยาเตือนฉัน บอกว่าในกล่องเครื่องประดับในห้องเธอยังมีต่างหูไข่มุกทองคำอยู่คู่หนึ่ง เธอบอกว่า ให้ฉันเอาให้คุณให้ได้ และขอบคุณที่ทำให้หลิงเล่ มีความสุข”

มู่เทียนซิงมองดูไข่มุกทองคำคู่นี้ตรงหน้าเธอ แล้วเธอก็ตกใจเล็กน้อย

ถ้าใส่แบบนี้ออกไปข้างนอก จะเป็นการบอกให้คนอื่นรู้ว่าเธอมีเงิน แล้วรอให้คนอื่นปล้นไหม?

“คุณหณิงหนี ของสิ่งนี้สวยมากๆ และเป็นของที่ดูมีค่ามากเกินไปด้วย ท่านดูบนตัวของฉัน ไม่เคยมีของหรูหราแบบนี้เลย ฉันชอบอะไรง่ายๆ แบบตอนจะอาบน้ำ ก็แค่หยิบเสื้อผ้าแล้วก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำได้เลย ไม่ต้องมานั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วถอดเครื่องประดับทีล่ะชิ้นออกจากร่างกาย มันยุ่งยากเกินไป!”

มู่เทียนซิงปฏิเสธอย่างชัดเจน แต่ก็ใช้น้ำเสียงที่ไพเราะอ่อนหวาน เพื่อเกลี้ยกล่อมผู้อื่นให้มีอารมณ์ความรู้สึกร่วมด้วย

และเมื่อเธอยิ้ม ก็ทำให้โลกทั้งโลกดูมีคุณค่าขึ้นมา

มู่เทียนซิงใส่ชุดเดรสกระโปรงสีขาว เป็นสีขาวบริสุทธิ์ และเมื่อเปรียบเทียบกันชุดพระจันทร์เสี้ยวของคุณหณิงหนี ก็ทำให้ยิ่งดูอ่อนวัย ยิ่งไร้เดียงสา แต่ยังไงก็ตามเธอก็เพิ่งจะอายุ 18 ปี

คุณหณิงหนียิ้ม แล้วมองหนีจื่อหยาง

หนีจื่อหยางก็ยิ้ม และมองมู่เทียนซิงพร้อมพูดว่า“นี้เป็นคำสั่งของเยว่หยา ซึ่งพวกเราเป็นพ่อกับแม่ และต้องปฏิบัติตามความต้องการของลูกๆ ไม่ว่าคุณจะอยากได้หรือไม่ ก็ต้องรับไปก่อน และถ้าครั้งหน้าเจอเยว่หยา ก็ค่อยคืนให้กับเธอเองก็ได้”

“เหอเหอ~”มู่เทียนซิงยิ้มเขินๆอย่างทำตัวไม่ถูก“ฉัน ฉันก็แค่ประชาชนคนธรรมดา จะมีโอกาสเจอคุณหณิงเยว่หยาผู้หญิงที่มีเกียรติสูงศักดิ์แบบนั้นได้ยังไงกัน”

คุณหณิงหนียิ้มและส่ายหัว “เยว่หยา ก็แค่ผู้หญิงธรรมดาๆ พวกคุณอย่าคิดว่าเธอจะเป็นตำนานมากเกินไป”

“เอาไปเถอะ!”

ทันใดนั้น มู่เทียนซิงก็หันไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งหลิงเล่พูดออกมาเบาๆ

มู่เทียนซิงมองไปอย่างประหลาดใจ และเห็นสายตาที่ลึกซึ้งคาดเดาได้ยากของหลิงเล่ พร้อมกับความหมายที่ซับซ้อน

เธอเอื้อมมือออกไปรับไว้ พร้อมกับความรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย“ฉัน ของมีค่าขนาดนี้ ฉันรู้สึกว่าถึงจะขอบคุณยังไงก็ไม่พอ”

ไข่มุกทองคำสองเม็ดนี้ มีสีสัน มัมวาว กลมๆ ละเอียดลออ มีขนาดประมาณ 13 มิลลิเมตร และเมื่อผู้เชี่ยวชาญจับต้อง ก็จะรู้ได้ทันทีว่าเป็นของจริงหรือของปลอม ซึ่งแม่ของมู่เทียนซิงชอบไข่มุกมากๆ เพราะตั้งแต่เล็กจนโต เครื่องประดับมุขของแม่เยอะมากเป็นพิเศษ และของเธอก็เยอะมากเป็นพิเศษเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงดูออกเล็กน้อย

เธออยากจะปิดกล่องเล็กๆนี้อย่างทะนุถนอม แต่ว่าคุณหณิงหนีเอื้อมมือออกมา แล้วใส่ต่างหูทีละข้างบนติ่งหูของมู่เทียนซิง

เธอมองหลิงเล่ในช่วงเวลาสั้นๆ

แต่พบว่า เมื่อคุณหณิงหนีใส่ต่างหูให้เสร็จ หลิงเล่ก็ยิ้มให้เธออย่างนุ่มนวล“สวยมาก”

ในตอนนั้นเอง หลิงเล่ก็คิดขึ้นมาได้ ตั้งแต่เด็กจนโตเขายังไม่เคยได้รับของขวัญอะไรเลย

ในวันเกิดตอน 10 ขวบปีนั้น คุณหณิงเยว่หยาให้คนเอาบัตรทองมามอบให้เขา

ในวันเกิดตอน 12 ขวบปีนั้น คุณหณิงเยว่หยามอบโรงงานเครื่องดนตรีห้วนเทียนที่มีประวัติศาสตร์มาครึ่งศตวรรษให้เขาเป็นกดูแล

ดูเหมือนว่าเธอจะปรากฏตัวแต่แค่ในทีวี บนหนังสือพิมพ์และนิตยสาร และไม่เคยมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาเลยสักครั้ง แต่เขาก็ส่งตัวจั๋วหรัน จั๋วซีและฉวีซือเหวินมาให้เขา เพื่อให้มาอยู่เป็นเพื่อนในวันที่เขามืดมนและเจ็บปวดที่สุด

ในใจของหลิงเล่ คุณหณิงเยว่หยาเป็นผู้หญิงที่สำคัญเหมือนกับแม่แท้ๆ

เขาไม่อยากที่จะคิดถึงเรื่องราวในอดีตว่าเกิดอะไรขึ้น

เขาเคยต่อต้านบุญคุณแบบนี้ เพราะรู้สึกเหมือนนี้คือการให้ทาน

แต่ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ เขาก็ค่อยๆเห็นว่าคุณหณิงเยว่หยาดีกับเขา ไม่เห็นแก่ตัว และไม่ต้องการอะไรตอบแทน

เมื่อคิดถึงตอนหลิงหยวนปฏิบัติต่อตัวเองต่างๆนานา หลิงเล่ก็สงสัยว่าสรุปแล้วตัวเองเป็นลูกแท้ๆของหลิงหยวนหรือไม่

เมื่อคิดอย่างเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้ว ซึ่งผู้ชายคนหนึ่ง มีผู้หญิงที่รักมากที่สุดมอบลูกชายของเขาไว้ให้ และยังเป็นเด็กที่พิการอีกด้วย หลิงหยวนผู้เป็นพ่อแท้ๆ ควรจะให้ความห่วงใยรักใคร่เอ็นดูลูกชายคนนี้มากกว่านี้

แล้วมีอย่างที่ไหนที่มีลูกแท้ๆที่พิการ แล้วปล่อยให้เขาไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเลย?

โดยส่วนตัวแล้วไม่น่าจะตัดสินใจทิ้งได้ลง?

อย่างน้อยที่สุด ถ้าหากหลิงเล่มีลูกเป็นของตัวเอง จะไม่มีทางตัดสินใจทิ้งไปเด็ดขาด!

ถอนหายใจเล็กน้อย หลิงเล่หลับตาลงในทันที เหมือนราวกันว่าความทรงจำที่ไม่ดีในวัยเด็กทั้งหมดจะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อโดนตบไหล่ เขาจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็พบกับสายตาที่เป็นห่วงของหนีจื่อหยาง“ลูก อย่าคิดมาก ต้องดำเนินชีวิตต่อไปอย่างเต็มที่และดีที่สุดนะ”

หลิงเล่มองเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อน และอยากจะถามคำถามหนึ่งคำถาม “ทำไมพวกคุณถึงดีกับผม?”

แต่ว่า หนีจื่อหยางจะไม่บอกเขาแน่นอน

ไม่มีใครบอกเขาได้เลย

จริงๆแล้วมู่เทียนซิงแค่รู้สึกว่าต่างหูนี้มีค่ามากๆ และไม่มีความรู้สึกอย่างอื่นเลย แต่เมื่อได้ยินหลิงเล่ชมตัวเองว่าสวยมาก เธอจึงลุกขึ้นยืน แล้วพูดออกไปอย่างละอายใจเล็กน้อยว่า“มีกระจกไหม?ฉันอยากจะส่องดูหน่อย!”

คุณหณิงหนียิ้มและหัวเราะกิ๊กกั๊กออกมา แล้วยกมือขึ้นชี้นิ้วออกไปอีกห้องหนึ่ง พร้อมพูดว่า“ในนั้น ห้องของเยว่หยา ไปสิ!”