ตอนที่ 60 คำพูดเหล่านี้ ห้ามพูดอีก

รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ

ตอนที่ 60 คำพูดเหล่านี้ ห้ามพูดอีก

ใบหน้าเล็กๆแดงๆชะงักเล็กน้อย ซึ่งเธอยังยืนอยู่ที่เดิม“ห้อง ห้องของคุณหณิงเยว่หยา ฉันจะกล้าเข้าไปได้ยังไงกัน?”

คุณหณิงเยว่หยา ซึ่งนั่นคือความภาคภูมิใจของประเทศหนิง

เธอเล่นการเมือง ไม่ว่าที่ไหนจะเจอภัยพิบัติธรรมชาติ ที่ไหนจะต้องจัดสัมภาษณ์เรื่องราวของประเทศชาติเกี่ยวกับเด็กและสตรี ที่ไหนจะมีเด็กยากจนและผู้หญิงที่ถูกดูถูกเหยียดหยาม ก็จะมีรูปร่างที่ทั้งสวยและงดงามของเธอจะปรากฏขึ้นที่นั่น

เธอคือนางฟ้าที่ประเทศหนิงทั้งประเทศเคารพและศรัทธา

หนีจื่อหยางหันกลับไปมองภรรยาแล้วพูดว่า“ในเมื่อเธอกังวล คุณก็ไปเป็นเพื่อนเธอสิ”

คุณหณิงหนียิ้มเล็กน้อย แล้วดึงมือเล็กๆของมู่เทียนซิงมาจับไว้แน่น“ไป ย่าไปเป็นเพื่อนคุณเอง มาส่องดูหน่อยว่าเสี่ยวเทียนซิงของพวกเราจะสวยมากขนาดไหนกัน”

ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องโถง ดูเงาของผู้หญิงสองคนที่ค่อยๆหายไปหลังม่านคริสตัลสีม่วง

ภายในอากาศยังสามารถได้ยิ่งบทสนทนาของพวกเธอแต่ก็ค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ——

“คุณชื่อเทียนซิงเนอะ ฉันมีพี่น้องอยู่คนหนึ่ง ที่ดูแลกันและกันมาหลายปี และเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน ก็ชื่อเทียนซิง”

“เหอๆ ตอนที่แม่ฉันยังเด็ก ผู้หญิงที่น่าเลื่อมใสศรัทธาที่สุด ก็คือโล่เทียนซิง ดังนั้นจึงตั้งชื่อนี้ขึ้นมาให้ฉัน”

“ฮ่าๆ จริงๆแล้ว พูดก็พูด พี่น้องคนนั้นของฉัน ก็ชื่อโล่เทียนซิง”

“เหอๆ~คุณหณิงหนี ท่านรู้จักคนในราชวงศ์เยอะมากนะเนี่ย!”

มู่เทียนซิงตามคุณหณิงหนีเข้าไปในห้องนอนของคุณหณิงเยว่หยา แล้วส่องกระจกอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งตัวเองรู้สึกทึ่งในความสวยงามของตัวเอง

ก็เหมือนมนุษย์ที่ต้องพึงเสื้อผ้าในการสวมใส่ และเหมือนพระพุทธเจ้าที่ต้องพึงทองคำในการหลอม

ไข่มุกทองคำที่อยู่บนติ่งหูหรูหรามากขนาดนี้ และมีเสน่ห์มากจริงๆ

เมื่อหันหลังกลับ เธออยากจะรีบออกไป เพราะของทุกอย่างในนี้ดูมีความสง่างามและล้ำค่าอย่างมาก ซึ่งเธอที่ทำตัวสะเพร่ามาตลอด ก็กลัวว่าจะไปทำอะไรเสียหายเข้า

แต่ในระหว่างที่เธอกำลังหันกลับมานั้น เธอก็เห็นรูปภาพขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนังทันที

ในรูปภาพนั้น มีกลุ่มคนที่ไม่รู้จัก และกลุ่มคนที่เคยเห็นในทีวี แล้วยังมีควรอบครัวของหนีจื่อหยาง

ซึ่งนั่นคือการถ่ายรูปร่วมกันของครอบครัวของหนีจื่อหยางกับสมาชิกในราชวงศ์

“นี่คือคุณหณิงหรูเกอ?” มู่เทียนซิงขมวดคิ้ว แล้วตั้งใจอย่างมากที่จะกวาดสายตามองไปรอบๆ และพูดออกมาอย่างแปลกใจโดยไม่ต้องหยุดคิดเลย“คุณหณิงหรูเกอกับพระมหากษัตริย์เทียนหลิงหน้าตาคล้ายๆกันเลย! และหน้าตาของพวกเขากับหน้าตาของอาหลิงเล่ก็คล้ายกันมาก! ”

และจู่ๆก็มีมือข้างหนึ่งมาปิดปากเล็กๆที่กำลังพูดออกมาของเธออย่างรวดเร็ว!

คุณหณิงหนีกังวลเล็กน้อย แล้วมองเธอด้วยสายตาที่เป็นการเตือนและแฝงไปด้วยความหมายบางอย่าง“คำพูดเหล่านี้ ถ้าออกจากห้องนี้ไปแล้ว ห้ามพูดอีก!”

มู่เทียนซิงเหงื่อออกทันที

คุณหณิงหรูเกอกับพระมหากษัตริย์เทียนหลิงหน้าตาคล้ายกัน ก็เพราะว่าพวกเขาเป็นแม่ลูกกัน แต่อาหลิงเล่กับพวกเขาหน้าตาคล้ายกัน ได้ไงล่ะ?

หรือก็แค่เป็นเรื่องบังเอิญ เพราะโลกใบนี้ทั้งกว้างและใหญ่ และมีคนที่มีลักษณะหน้าตาที่คล้ายๆกันเยอะมากๆ

แต่เห็นเป็นห่วงของทุกคนที่มีให้หลิงเล่แตกต่างกัน และยังมีท่าทางแปลกๆเมื่อกี้ของคุณหณิงหนี มู่เทียนซิงจึงอดคิดไม่ได้ว่า แม่ของหลิงเล่คือบุคคลในราชวงศ์?

ตาดำๆของเธอได้หันกลับไป แล้วพยักหน้าเป็นการรับปากหลายๆครั้ง

คุณหณิงหนีเห็นเธอเชื่อฟังแบบนี้ จึงวางใจ แล้วพูดออกไปด้วยความรู้สึกเสียใจ“ฉันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรอย่างอื่น แค่เพราะว่าคุณหณิงหรูเกอกับพระมหากษัตริย์เทียนหลิง เป็นบุคคลที่สูงศักดิ์ ซึ่งสูงจนไม่อาจไขว่คว้าถึงได้แบบนั้น และไม่ใช่ว่าพวกเราจะสามารถคาดคะเนหรือแสดงความคิดเห็นอะไรออกมาอย่างตามใจแบบนี้ได้ ที่หลังอย่าทำแบบนี้อีก”

“ใช่ เมื่อกี้ฉันบุ่มบ่าม พูดไม่คิดเอง”

“อื้ม ไปกันเถอะ พวกเราไปกินข้าวกัน”

พอมู่เทียนซิงกลับมาถึงห้องอาหาร ก็เห็นหลิงเล่มองเธอด้วยสายตาที่เป็นห่วง ด้วยความอบอุ่นในใจ เธอจึงแกว่งต่างหูไปมา และยิ้มให้เขา“คุณพูดถูก มันสวยมากจริงๆ!”

หลิงเล่ยิ้มออกมาเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไร

และหลังจากนั้น ทุกคนก็รับประทานอาหารด้วยกัน ด้านหน้าของทุกคนจะมีบัวลอยข้าวหมากคนละหนึ่งถ้วยที่คุณหณิงหนีเป็นคนทำเอง

ดูเหมือนหลิงเล่จะชอบกินมากจริงๆ ซึ่งกินไปสามถ้วยแล้ว

มู่เทียนซิงดื่มไปครึ่งถ้วย แก้มก็เริ่มแดงแล้ว

หนีหย่าจูนพูดถูกว่า สาโทของคุณหณิงหนี มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ค่อนข้างสูง

หลิงเล่หันไปมองทางเธอ แล้วมือใหญ่ๆขาวๆก็เอื้อมออกไปจับมือของเธอพร้อมพูดว่า “กินข้าวกับอย่างอื่นบ้างสิ เดียวสักพักพอเมา ก็จะก่อเรื่องวุ่นวายให้คนอื่นอีก”

มู่เทียนซิงพยักหน้าอย่างน่าเอ็นดู แล้วอิงแอบข้างๆตัวเขา เขารอเธอกินส่วนนั้นเสร็จ ซึ่งไม่ว่าเขาจะคีบอะไรจากจานของตัวเอง เธอก็ไม่ปฏิเสธที่จะเอาเข้าปากแล้วกลืนลงไป

บุคคลที่น่ารัก อ่อนโยนตอนนี้มีสายตาที่พร่ามัวมองไม่ชัดด้วยความเมา และเนื้อตัวขาวๆนั้นก็กำลังค่อยๆขยับลงมาบนแขนของหลิงเล่ อย่างคนไม่มีเรี่ยวแรงและอ่อนยวบๆ แล้วตกหลุมพรางอยู่ในสายตาทั้งสองข้างของหลิงเล่ เหมือนถูกปกคลุมไปด้วยความนุ่มนวลและอ่อนโยน

หลังจากการรับประทานอาหารกลางวันจบลง ซึ่งมู่เทียนซิงก็เมาเละแล้ว

คุณหณิงหนีให้คนห่อบัวลอยข้าวหมากกลับบ้านหนึ่งชุด แล้วเอาให้จั๋วหรัน ให้จั๋วหรันเอากลับไปให้ฉวีซือเหวินลองชิม

จั๋วซีคิดขึ้นได้ว่าได้เอาของขวัญมาด้วย ซึ่งมู่เทียนซิงเป็นคนเลือก และหลังจากที่มอบให้แล้ว ทุกคนเปิดดู เป็นชุดน้ำชาเซรามิกที่ทั้งสวยและงดงาม ซึ่งบังเอิญ ที่เด็กน้อยคนนี้ช่างเลือกได้ดีมาก เพราะเธอเลือกลวดลายที่มีเค้าโครองของดอกไม้สีม่วงของรูปสัญลักษณ์ประจำเผ่าด้วย

เมื่อหนีจื่อหยางเห็นแล้ว ก็ชอบมากเป็นพิเศษ จึงหันไปบอกพ่อบ้านว่า“เอาไปไว้ในห้องของเยว่หยา และครั้งหน้าถ้าเธอกลับมาก็เอาให้เธอ”

หลิงเล่เหลือบไปมองคนขี้เมาบนโซฟา แล้วเงยหน้าขึ้นมา และมองไปทางหนีจื่อหยางด้วยสายตาที่รอคอย“ปู่ ผมแค่คนพิการและเด็กที่ถูกพ่อแม่ทิ้ง ซึ่งพวกคุณทั้งหมดเป็นบุคคลที่มีเกียรติสูงศักดิ์ ทำไมถึงรักและเมตตาผมขนาดนี้?”

หนีจื่อหยางหันไปมองลูกชายของตัวเอง

หนีหย่าจูนจึงรีบส่ายหัว เป็นการแสดงออกไปว่าตนเองยังไม่ได้บอกอะไร

หนีจื่อหยางมองหลิงเล่แล้วพูดว่า“คุณเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมดีเด่นคนหนึ่ง เพราะไม่ว่าเยว่หยา จะให้อะไรคุณ คุณก็สามารถเริ่มทำจากหนึ่งขึ้นไปถึงสิบได้ เพราะแบบนี้จึงทำให้พวกฉันปลื้มอกปลื้มใจมากๆ และผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่พวกฉันคาดการณ์ไว้ด้วย คุณอย่าสนใจกับสายตาของคนอื่นมากเกินไป เพราะมีเรื่องบางเรื่อง ที่ได้ตัดสินใจไปในวันที่มีคนคนหนึ่งเกิดมาแล้ว”

“ฉันก็รู้อยู่แล้วว่า ท่านจะไม่มีทางบอก” สายตาของหลิงเล่แสดงออกถึงความผิดหวัง ความเจ็บปวดและความมืดมน เมื่อเห็นอย่างนั้น ทำให้คุณหณิงหนีรู้สึกเจ็บปวดใจ“หลิงเล่ คุณไม่ต้องเศร้า คุณเศร้าแบบนี้ ย่าก็ไม่สบายใจ”

หลิงเล่ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดกับพวกเขาว่า“นี่ก็ได้เวลาแล้ว พวกเราขอตัวกลับก่อนนะ ปีหน้าค่อยเจอกันใหม่”

หนีจื่อหยางสูดหายใจเข้าลึกๆ “โอเค!”

เพราะว่าตอนกลางวันพวกเขาทุกคนดื่มสาโทไป ดังนั้นตระกูลหนีจึงเรียกคนขับรถให้ไปส่งพวกเขา

หลังจากเดินทางมาถึงโรงแรม มู่เทียนซิงก็รู้สึกตัวเล็กน้อย แล้วมองบริเวณรอบๆ พร้อมถามด้วยความแปลกใจว่า“พวกเรากลับโรงแรมแล้วเหรอ?”

หลิงเล่ที่กำลังนั่งอยู่ข้างเตียง ใช้มือสองมือจับขาของเธอไว้ เพื่อจะถอดรองเท้าให้เธอ“อื้ม”

แก้มเธอแดงเล็กน้อย และอยากจะพับขาเล็กๆเข้ามา“ฉันถอดเอง”

แต่เขาไม่ปล่อย และยังจับไว้แน่นมากๆ แล้วปลดสายรัดของรองเท้าออกอย่างรุนแรง แล้วเขาก็หยุดและเงยหน้ามองเธอ“พรุ่งนี้ก็ต้องกลับไปเมือง M แล้ว เรื่องระหว่างพวกเรา คุณมีความคิดเห็นอะไรไหม?”

“ความคิดเห็นอะไรนะ?” เธอหยุดชะงัก แล้วเนื่องจากเพิ่งจะเป็นคนขี้เมา ตอนนี้ก็เลยเริ่มแกล้งโง่ต่ออีก“คุณพูดว่าอะไรฉันไม่เข้าใจ”

หลิงเล่ถอนหายใจ แล้วมองเธอพร้อมพูดว่า“พรุ่งนี้คุณกลับบ้านตระกูลมู่แล้ว แล้วก็จะได้เจอพี่เสี่ยวหลงของคุณ งั้น ถ้าเขาขอคุณแต่งงาน ไม่ว่าคุณจะตกลงหรือไม่ แต่แค่มีผู้ชายคนอื่นมาสารภาพรักกับคุณ มาขอคุณแต่งงาน ผมก็จะเสียใจ เศร้าใจ และเป็นทุกข์”