พวกเรานั่งมองดาวกัน สิ่งที่คอยปลอบใจเราในยามเหงาใจที่มีกันและกัน
‘เฮ้ระบบ โลกนี้จะคงอยู่ได้อีกนานแค่ไหนกัน?’
[ โลกนี้จะอยู่ได้อีกประมาณ 2 วันเท่านั้น ]
‘อีกแค่ 2 วันงั้นเหรอ? ทำไมกัน?’
[ โฮสน่าจะสังเกตเห็นแล้วว่าโลกนี้ไม่ได้เป็นเพียงภาพลวงตาธรรมดา แต่มันใกล้ความเป็นจริงเข้าไปทุกทีแล้ว ดังนั้นปริมาณมานาที่ต้องใช้จึงสูงจนน่าตกใจ ถ้าปีศาจยังคงทำแบบนี้ต่อ เขาอาจจะสูญเสียมรดกของตัวเองก็ได้ ]
เมื่อได้ยินคำพูดของระบบผมก็ผ่อนคลายลง ดูเหมือนว่าในที่สุดผมก็จะได้ออกจากสถานที่แห่งนี้ในอีก 2 วัน แต่ในเวลานั้นความกังวลเล็กๆ ก็ก่อตัวขึ้นในตัวผม เนื่องจากผมรู้ว่าเจ้าปีศาจนั่นคงไม่ปล่อยพวกเราไปง่ายๆ แน่
ซึ่งผมก็คิดถูกแล้ว เมื่ออยู่ๆ โลกก็เริ่มสั่นสะเทือนขึ้นพร้อมกับแรงกดดันมหาศาลที่เริ่มปรากฏขึ้นภายในป่า สัตว์ร้ายดูเหมือนจะทำราวกับว่าวันโลกาวินาศได้เกิดขึ้นแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”
ในขณะเดียวกันผมก็ได้ยินเสียงของเอเลนอร์ที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง ผมรีบปลดบาเรียและซ่อนมานาของพวกเราทั้งคู่ก่อนจะวิ่งไปยังถ้ำเล็กๆ และซ่อนอยู่ในนั้น
‘ระบบเกิดอะไรขึ้น?’
[ ในตอนที่วาฬสู้กันกุ้งมักจะได้รับบาดเจ็บ ]
‘ไอ้เวร? แกหมายความว่าไงฟะ?’
ทันทีที่ผมถามคำถามนี้ เสียงกรีดร้องของสัตว์ร้าย 5 ตัวก็ดังขึ้น แม้แต่ผมเองในตอนที่ได้ยินเสียงกรีดร้องยังรู้สึกว่าร่างกายสั่นและปวดหัว ผมเลยรีบปกป้องเอเลนอร์ด้วยมานาในทันที
“น -นี่มัน!”
ผมเห็นว่าเอเลนอร์รู้สึกประหลาดใจและผมก็เดาได้ว่าเพราะอะไร
‘5 โอเวอร์ลอร์ดสู้กันใช่ไหม?’
[ ใช่แล้ว ]
มันเป็นคำตอบง่ายๆ ที่ได้ยินแล้วทำให้หัวใจเหมือนถูกบีบรัด ดูเหมือนไอ้ปีศาจนั่นอยากจะพาเราออกไปแบบนี้ เราโชคดีที่ไอ้สารเลวนั่นตายไปแล้ว อาจกล่าวได้ว่านี่คงเป็นกฎของธรรมชาติ กฏนั้นเรียบง่ายมาก คนตายไม่สามารถทำร้ายคนเป็นได้ มันเป็นกฏง่ายๆ ที่สร้างโดยเทพธิดาผู้สร้าง ปีศาจจากเมื่อก่อนและคนในโลกประวัติศาสตร์เป็นเพียงเศษเสี้ยวของจิตสำนึกดั้งเดิมของพวกเขาเท่านั้น
พวกเขาถูกทิ้งไว้ข้างหลังให้ปกครองโลกประวัติศาสตร์และพวกเขามีข้อจำกัดที่จะไม่สามารถฆ่าคนที่เข้ารับการทดสอบแบบตรงๆ ได้ ไม่เช่นนั้นไอ้ปีศาจนั่นคงฆ่าเราไปแล้ว ทำไมต้องให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้นด้วยงั้นเหรอ?
ทุกอย่างล้วนมีช่องโหว่ หากคุณไม่สามารถฆ่าพวกมันได้แบบตรงๆ ก็จงฆ่าพวกมันด้วยการทดสอบของคุณซะสิ คุณสามารถใช้ข้ออ้างว่า ‘เฮ้ มันเป็นความผิดของเขาที่อ่อนแอและไร้ความสามารถเกิดกว่าที่จะผ่านการทดสอบของฉันได้’
กลับมาที่หัวข้อหลักกัน หากโอเวอร์ลอร์ดเหล่านั้นเข้าสู่สนามรบ พลังที่เหลือก็มากเกินพอที่จะกำจัดเราในปัจจุบันจากการดำรงอยู่แล้ว
‘เห้อออ ดูเหมือนว่าจะมาถึงตอนจบกันแล้วสินะ’
ขณะที่ผมกำลังจะหยิบป้ายเรียกมังกรออกมาก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว ผมยิ้มพร้อมกับเปิดฟังก์ชั่นร้านค้าของระบบก่อนจะนำของบางอย่างออกมา หลังจากนั้นผมก็วางเอเลนอร์ลงบนพื้น
“ออสติน?”
เอเลนอร์มองมาที่ผมด้วยความสงสัย เธอรู้ว่าสถานการณ์กำลังเลวร้ายและในตอนที่เธอกำลังจะเผาผลาญพลังชีวิตของตัวเองอยู่นั้น เธอก็รู้สึกว่าออสตินวางเธอลงบนพื้น
ผมมองไปที่เอเลนอร์อย่างจริงจัง
“อาจารย์รออยู่ตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมกลับมา”
“เธอกำลังจะไปไหน?”
“ไม่ต้องห่วงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับผมนะครับ ผมมีแผนอยู่”
“ไม่อย่าไปนะ อยู่กับฉันที่นี่ ฉันมีแผนที่จะหนี เธอแค่อยู่กับฉันก็พอ”
“ขอโทษด้วยนะครับอาจารย์”
ก่อนที่เอเลนอร์จะทันได้ตอบโต้ผมก็ตึเข้าที่คอของเธอจนทำให้เธอสลบไป ไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะก็รู้ได้ว่าเธอกำลังจะทำอะไรและผมไม่กล้าเสี่ยง
ผมที่ตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าเธอสลบไปแล้วก็กางบาเรียอย่างเข้มงวดก่อนที่จะเริ่มวิ่งไปยังตำแหน่งที่พวกโอเวอร์ลอร์ดทั้ง 5 กำลังสู้กันอยู่
ขณะที่ผมวิ่งไปนั้นก็พบกับสัตว์ร้ายหลายตัวที่กำลังวิ่งหนี
ยิ่งผมเข้าใกล้มากเท่าไหร่ แรงกดดันบางอย่างก็เริ่มตกมาที่ผม
ความกดดันนั้นดำเนินต่อไปจนกระทั่งผมมาถึงจุดหมาย ในเวลาเดียวกันนั้นเอง 5 โอเวอร์ลอร์ดกำลังรวมตัวกันเพื่อตัดสินผู้ครองป่าเพียงหนึ่งเดียวกันอยู่
ด้านหนึ่งมีงูตัวใหญ่อยู่ มันมีผิวสีเขียวและมีรอยกรีดที่ดวงตา อีกด้านหนึ่งมีลิงตัวโตตัวหนึ่งยืนอยู่ มันมีขนสีน้ำตาลและกล้ามเนื้อที่ขยับเป็นจังหวะ
ข้างลิงตัวนั้นมีเสือขาวตัวหนึ่งยืนอยู่ มันดูเหมือนจะมีสายฟ้าออกมาจากตัวมันและข้างๆ งูมีหมีตัวใหญ่ยืนอยู่ มันมีลำตัวเหมือนรถถังซึ่งแสดงถึงพลังของมันและสุดท้ายคือนกอินทรีตัวใหญ่ที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า
“งั้นมาเริ่มกันเถอะ”
หลังจากที่นกอินทรีที่เหมือนสัตว์ร้ายพูดจบบรรยากาศก็ร้อนขึ้น เจ้าเสือแสดงสีหน้าสับสนและมองไปยังทิศทางหนึ่ง สัตว์ร้ายตัวอื่นก็มองไปทางนั้นเช่นกัน
เมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ สัตว์ร้ายทั้ง 5 ก็ประหลาดใจและในจุดที่พวกสัตว์ร้ายมองกันนั้นก็ปรากฏร่างของออสตินอยู่
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต