บทที่ 43 นางมาพร้อมกับเหล่านางสนม

สำรับมนตราของชายาอ๋อง

ตอนที่ 43 นางมาพร้อมกับเหล่านางสนม

เมื่อนางเดินจากไปไกลแล้ว ฉินปู้เข่อก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะปัดฝุ่นบนร่างกายของตนออกราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วจับมือซวงหวน “ข้าหิวแล้ว กลับไปกินอะไรกันก่อนแล้วค่อยกลับมาพรุ่งนี้”

วันที่สอง ฉินปู้เข่อก็ยังคงมาตรงเวลา คราวนี้เพื่อหลีกเลี่ยงอาการคอแห้ง นางจึงนำกาน้ำชาติดมาด้วย นางคร่ำครวญอยู่สักสองสามครั้งแล้วก็ยกชาขึ้นจิบ ซึ่งมันก็ส่งผลดีมาก

ฮวาจิ่นชุนเดินผ่านนางเข้าไปในสวนชิงอวี้พร้อมกับขนม ไม่นานหลังจากนั้นฉินปู้เข่อก็แสดงความ ‘เศร้าโศก’ และ ‘เสียใจ’ อีกครั้ง

นางไปตรงเวลาราวกับตอกบัตรเข้าทำงานทุกวันเป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน

เหล่าสตรีที่นางไปเยี่ยมเยือนในวันนั้นก็เดินผ่านนางไปทุกวันเช่นกัน พวกนางแต่ละคนต่างเย้ยหยันนางอย่างเย่อหยิ่งเมื่อพวกนางออกมา

ในห้องอ่านหนังสือ หมี่โม่หรู่ยังสามารถนั่งสงบนิ่งได้ ส่วนหมี่ฉงมีอาการปวดหัวอย่างหนัก

“เหตุใดเจ้าไม่ปล่อยให้นางเข้ามา?! ได้ยินเสียงนางตรงเวลาทุกวันเช่นนี้ไม่ปวดหัวบ้างหรือ?!”

หมี่โม่หรู่มองหมี่ฉงที่ยืนขยับปากอยู่ตรงหน้าแล้วเอื้อมมือหยิบสำลีในหูของตนออกมา “พี่ชายสามพูดว่าอะไรนะ?”

“ข้าก็คิดอยู่ว่าเหตุใดเจ้ายังสงบอยู่ได้ทุกวัน ที่แท้ก็อุดหูไว้แล้วนี่เอง!” หมี่ฉงกัดฟันคำราม “หากพรุ่งนี้สตรีผู้นั้นยังคงมาร้องคร่ำครวญเช่นนี้อีก ข้าจะทุบนางเอง!”

“เอาเลย หากพี่ชายสามคิดว่ามันเพียงพอที่จะระงับพลังประหลาดของนาง” หมี่โม่หรู่ยกยิ้มอย่างเฉยเมย “ท่านคิดว่านางจะยังสามารถคร่ำครวญได้อีกสักกี่วัน?!”

“วันนี้เป็นวันสุดท้าย เพราะพรุ่งนี้หากนางกล้ามาปรากฏตัวที่สวนชิงอวี้ด้วยรูปลักษณ์ราวกับผีเช่นนั้นอีก ข้าจะจัดการนางเอง!” เขาเป็นคนใจร้อนและไม่มีความอดทนเหมือนกับหมี่โม่หรู่

ในวันถัดมา ซวงหวนยืนอยู่ตรงหน้าฉินปู้เข่อด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้าแล้วเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ “พระชายา วันนี้ท่านยังต้องการเสด็จไปอีกหรือไม่เพคะ”

“ไปสิ ไม่ไปได้อย่างไร วันนี้เป็นวันสำคัญ” ฉินปู้เข่อพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม นางแสบคอไปหมดจากการตะโกนคร่ำครวญในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันที่นางรอคอย

“ยังจะไปอีกหรือเพคะ?!” ซวงหวนก้มศีรษะลงพร้อมยกผงสีขาวที่หนาเตอะและสีแดงจัดมาให้นาง

“วันนี้ไม่แต่งหน้าเพราะจะไม่อาจเข้าไปในสวนได้” ฉินปู้เข่อเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าไปเรียกเหล่านางสนมที่ไปเยี่ยมท่านอ๋องในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาที แล้วพาทุกคนมาในวันนี้”

“เรียกพวกนางมาทุกคนเลยหรือเพคะ?” ซวงหวนมองนางด้วยความสงสัย “พระชายา เมื่อสองสามวันก่อนท่านได้บอกใบ้แก่พวกนาง ให้พวกนางทำตัวขยันขันแข็งต่อหน้าท่านอ๋อง แล้วเหตุใดวันนี้ท่านจึงพาพวกนางไปพบท่านอ๋องเล่าเพคะ?”

“โอ้ ข้าน้อยรู้แล้ว” ซวงหวนตบหน้าผากตัวเอง “พระชายายอมให้พวกนางเมื่อไม่กี่วันก่อนเพื่อดูว่าใครเป็นนางจิ้งจอกร้ายกาจ แล้วค่อยให้ท่านอ๋องถอดยศออกทีหลังใช่หรือไม่เพคะ?”

“ฮ่า ฮ่า ถูกต้องแล้ว” คำพูดเหล่านั้นไม่ถูกต้อง ฉินปู้เข่อขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบายให้ซวงหวนฟัง เพราะหากซวงหวนรู้เจตนาที่แท้จริงของนางแล้วก็คงไม่ยอมให้ความร่วมมือ

เมื่อเฉิงจือเซียงพาฮวาจิ่นชุนและคนอื่น ๆ มาถึง ฉินปู้เข่อก็ได้เปลี่ยนท่าทางของตนให้ดูเศร้าโศก

“น้องสาวทั้งหลาย ทุกวันนี้พวกเจ้าก็เห็นกันหมดว่าท่านอ๋องเกลียดชังข้ามากเสียจนไม่ต้องการแม้แต่จะมองหน้า ดังนั้นวันนี้ข้าจึงขอให้พวกเจ้าช่วยทูลขอท่านอ๋องให้ปล่อยข้าไปทีเถิด”

ประสบการณ์ในชาติก่อนบอกนางว่าการปรับทัศนคติของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญมาก

ในเมื่อความสามารถของบุคคลถูกจำกัดด้วยตัวของพวกเขาเองก็จำเป็นจะต้อง ‘กอบกู้ประเทศชาติทางอ้อม’ เพื่อให้ทุกคนสามารถสร้างแรงผลักดันนี้ร่วมกันได้

เฉิงจือเซียงมองดูบุปผางามที่เปียกชุ่มสายฝนแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ท่านต้องการให้ท่านอ๋องหย่ากับท่านหรือเพคะ? ท่านรู้หรือไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับสตรีที่หย่าร้าง?!”

“อย่าเกลี้ยกล่อมข้า! ตั้งแต่ข้าเข้ามาในตำหนัก ข้าก็ถูกขังในคุกใต้ดินและอับอายขายหน้าอยู่ตลอด ให้ข้าต้องเผชิญกับความอ้างว้างตามพระพุทธศาสนายังจะดีกว่าให้ข้าต้องเศร้าโศกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ไปชั่วชีวิต น้องสาวทั้งหลายโปรดช่วยข้าด้วยเถิด!”

ฉินปู้เข่ออดไม่ได้ที่จะรวมซีรีย์เกาหลี ละครน้ำเน่า ละครรันทดที่นางเคยดูในชาติก่อน…ทักษะการแสดงอารมณ์เศร้าทั้งหมดของนางเอกจึงถูกนำมาผสมผสานเข้าด้วยกัน และนางกำลังจะแสดงความมุ่งมั่นแบบ ‘ผูกขื่อทิ่มต้นขา’[1] ของตนต่อหน้าพวกนาง

หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ฉินปู้เข่อก็พากลุ่มนางสนมไปยังสวนชิงอวี้

อู๋เหินเผลอหยุดนางไว้โดยไม่รู้ตัว

ฉินปู้เข่อหัวเราะคิกคัก “ข้าขอถามหน่อยได้ไหมว่าวันนี้ข้าไม่อาจเข้าไปอย่างถูกต้องได้หรือ”

อู๋เหินพยักหน้า วันนี้พระชายาน่าจะสามารถเข้าไปได้เพราะไม่ได้แต่งหน้าแปลกประหลาด

“พี่ชายสาม ให้น้องสะใภ้เข้าไปเถิดเพคะ วันนี้หม่อมฉันพาเหล่าสตรีที่มาเยี่ยมเยือนท่านช่วงนี้มาด้วยเพคะ” หมี่ฉงมองเหล่าสตรีกลุ่มใหญ่ตรงหน้าแล้วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

……………………………………………………………………………

[1] ผูกขื่อทิ่มต้นขา (悬梁刺股) หมายถึง พากเพียรอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย