บทที่ 43 ความปรารถนาครอบครอง
คำพูดของลี่จุนถิงทำให้เจียงหยุนเอ๋อตะลึงงัน ไม่รู้ทำไมเขาจึงมีความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมา เจียงหยุนเอ๋อรู้ดีว่าลี่จุนถิงไม่ใช่คนที่พูดจาอะไรพร่ำเพรื่อ ที่เขาพูดอะไรแบบนั้นออกมา เขาคงมีเหตุผลอะไรบางอย่างมั้ง…
อย่างไรก็ตาม แม้คนสองคนที่ไม่มีความสัมพันธ์อะไรเกี่ยวข้องกันมาก่อน นิสัยใจคอกลับคล้ายกันบางส่วน ก็ดูไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก
คิดได้ดังนี้ เจียงหยุนเอ๋อราวกับได้รับคำอธิบายแล้ว
เมื่อมองไปยัง ถวนจื่อ บนเวที ลี่จุนถิงอดไม่ได้ตระหนักขึ้นบางเรื่อง ราวกับเวลาย้อนกลับไปเมื่อนาน นานมาแล้ว นิสัยของเขาคล้ายกับถวนจื่ออย่างไรอย่างนั้น
บางครั้งที่ได้อยู่พูดคุยกับถวนจื่อ ตัวเขาเองก็รู้สึกได้ ถวนจื่อราวกับเป็นลูกชายของเขาเองทีเดียว
แต่เขาจะมีลูกอย่างนี้ได้อย่างไร?
ใจของลี่จุนถิงนั้นรู้ดี เขาไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับตัวเจียงหยุนเอ๋อเลย และเป็นไปไม่ได้ที่นางจะตั้งครรภ์ลูกของเขาโดยที่ตัวเองเองไม่รู้
หรือว่า ทุกๆ อย่างต่างเป็นเรื่องของความบังเอิญ
ทว่าในตอนนี้ เจียงหยุนเอ๋อกลับเริ่มรู้สึกสงสัยในตัวพ่อของถวนจื่อขึ้นมา ในครั้งก่อนๆ เคยถามเจียงหยุนเอ๋อแล้วหลายครั้ง และเขาก็รู้ว่าเพราะเจียงหยุนเอ๋อตั้งครรภ์ของลูกของชายคนนั้น จึงถูกยกเลิกงานแต่ง และสุดท้ายก็ต้องร้างรากันไป
ตกลงว่าเป็นชายคนใดที่จะมีค่าพอให้นางถึงกับทำขนาดนี้ได้?ชายคนนั้นตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว?ทำไมถึงไม่อยู่ข้างกายสองแม่ลูกคู่นี้?
คำถามแต่ละคำถามค่อยๆ ผุดขึ้นในความคิดของลี่จุนถิง ยิ่งคิดถึงการมีอยู่ของชายคนนั้น จู่ๆ เขาก็รู้สึกแย่ขึ้นมา
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเจียงหยุนเอ๋อแปลกๆ ขึ้นมา
ถวนจื่อที่คว้าชัยชนะมาได้ถูกเชิญให้ร่วมการประกาศรับตำแหน่งผู้ชนะ ถวนจื่อยืนอยู่บนเวที พลางชูถ้วยผู้ชนะเลิศให้สูงที่สุด มืออีกข้างรับไมโครโฟนจากพิธีกร “ขอขอบคุณคุณแม่และคุณพ่อที่สนับสนุนผมให้เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้!ผมดีใจมาก ดีใจมากจริงๆ!ต่อไปผมจะพยายามมากขึ้นอีก จะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้ได้!”
เมื่อลดไมโครโฟนลง เสียงโห่ร้องตบมือก็ดังกระหึ่มเกรียวกราว แม้ถวนจื่ออายุจะยังน้อย พูดอะไรที่เป็นพิธีรีตองมากไม่เป็น แต่คำพูดเรียบง่ายไม่กี่คำก็เพียงพอที่จะกระแทกใจผู้ฟังได้แล้ว
เจียงหยุนเอ๋อมองอยู่ด้านล่างเวที แม้จะรู้สึกดีใจไปกับถวนจื่อแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเจ็บปวดไปพร้อมๆ กัน
ถ้าหากไม่ใช่เพราะลี่จุนถิง ถวนจื่อก็คงไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ เธอก็คงไม่ได้เห็นท่าทางและความสามารถอันโดดเด่นของถวนจื่อตอนแข่งขันได้
“ลี่จุนถิง ที่ถวนจื่อได้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ได้ ต้องขอบคุณคุณ” เจียงหยุนเอ๋อแสดงความขอบคุณลี่จุนถิงอย่างจริงใจ
ลี่จุนถิงแย้มยิ้มขึ้นน้อยๆ “ไม่ต้องเกรงใจ ถวนจื่อมีพรสวรรค์จริงๆ ฉันเองก็หวังให้เขาได้แสดงความสามารถของตัวเองออกมา อย่าให้โดนทับถมไปเลย”
แม้จะเกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้ว การแข่งขันก็ได้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
ถวนจื่อวิ่งลงมาจากบนเวที วิ่งอย่างตื่นเต้นดีใจมาเบื้องหน้าเจียงหยุนเอ๋อยกถ้วยรางวัลขึ้นสูงให้เจียงหยุนเอ๋อได้ดู “หยุนเอ๋อ แม่ดูสิ ผมทำได้แล้ว!”
เจียงหยุนเอ๋อตลกกับท่าทางของลูกน้อย พลางเอ่ยขึ้น “แม่รู้อยู่แล้ว ถวนจื่อของบ้านเราเก่งที่สุดแล้ว”
เมื่อได้ยินคำชมของเจียงหยุนเอ๋อถวนจื่อดูปลาบปลื้มดีใจยิ่งขึ้นไปอีก และหันมองไปยังลี่จุนถิง “คุณพ่อ ผมชนะได้รางวัลที่หนึ่งด้วยหล่ะ!”
ลี่จุนถิงแย้มยิ้มออกมา โค้งตัวลงตบลงบนบ่าของถวนจื่อเบาๆ “ถวนจื่อ ครั้งนี้นับเป็นเพียงการเริ่มต้นของเธอเท่านั้น ต่อไปเธอจะสามารถไปได้อีกไกล”
ถวนจื่อพยักหน้าราวกับเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ รอบๆ ตัวต่างมีคนจำนวนไม่น้อยร่วมแสดงความยินดีกับถวนจื่อ หนึ่งในนั้นคือคู่ต่อสู้ของถวนจื่อ ชื่อฟางฉี
“เจียงซิ่งหวี ฉันจะคอยโอกาสที่เราจะเข้าแข่งขันด้วยกันอีกในครั้งต่อไป” แม้ฟางฉีจะพ่ายแพ้ในครั้งนี้ แต่ก็รักษาอารมณ์ของตัวเองได้อย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นในใจของเขาก็ยอมรับในความสามารถของถวนจื่อจริงๆ และรู้สึกว่าหากถวนจื่อไม่บาดเจ็บ ยิ่งจะแสดงความสามารถได้มากกว่านี้อีก
ถวนจื่อยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ขอบคุณมาก นายก็เหมือนกันนะ”
ห่างออกไปไม่ไกล พ่อแม่ของฟางฉีเรียกเขาแล้ว ฟางฉีมองถวนจื่ออยู่ครู่หนึ่ง ราวกับมีบางอย่างอยากจะบอกแต่ก็เก็บเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก บอกลาถวนจื่ออีกครั้งแล้วก็ลาจากไป
“เมื่อครู่เขาดูเหมือนมีอะไรอยากจะพูดหรือเปล่านะ?” เจียงหยุนเอ๋อมองเงาหลังของฟางฉี พลางเอ่ยขึ้นเสียงเบา
ถวนจื่อส่ายศีรษะ พูดขึ้น “ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ในเมื่อไม่ได้พูดออกมา ก็คงไม่ได้สำคัญอะไรมากมั้งครับ”
เมื่อเห็นดังนั้น เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเมื่อครู่อีกเลย
แม้การแข่งขันกลุ่มเยาวชนรุ่นเล็กจะจบลงแล้ว แต่เป็นเพราะเวลานับว่าเข้มข้นมาก ยิ่งไปกว่านั้นถวนจื่อก็สนใจในการแข่งขันครั้งนี้มาก ดังนั้นเจียงหยุนเอ๋อกับถวนจื่อจึงอยู่ดูการแข่งขันอื่นๆ ต่อไป
จริงๆ แล้ว ถวนจื่อไม่ได้สนใจการแข่งขันครั้งนี้นัก ที่ถวนจื่อได้จบการแข่งขันทั้งหมดเธอก็นับว่าวางใจแล้ว เมื่อรวมกับที่เธอไม่เข้าใจเรื่องเกมส์เหล่านี้ เพราะไม่มีถวนจื่อเข้าร่วมแข่งขัน เธอก็ไม่มีกะจิตกะใจดูอีกต่อไป
แต่ในขณะเดียวกัน เจียงหยุนเอ๋อก็เข้าใจดี สิ่งเหล่านี้คือความสนใจของถวนจื่อ เธอก็ไม่อาจเอาความสนใจของ ถวนจื่อทิ้งใส่ตะกร้าไปได้ ควรจะสนับสนุนเขาอย่างไม่มีข้อแม้
ดังนั้น– เจียงหยุนเอ๋อจึงได้พบเจอกับสถานการณ์อย่างนี้
“คุณพ่อ พ่อคิดว่าการแข่งขันครั้งนี้ใครมีโอกาสชนะมากกว่ากัน?” ถวนจื่อยืนอยู่ข้างลี่จุนถิง ถกเถียงกับเขาเรื่องการแข่งขันนัดต่อไป
ลี่จุนถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พิจารณาครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “หมายเลขสองมั้ง ความสามารถของเขาก่อนหน้านี้ดีอยู่”
ถวนจื่อกลับสั่นศีรษะ ราวกับไม่เห็นด้วยกับความเห็นของเขา “ไม่ใช่ หมายเลขสองแม้จะมั่นคงมาโดยตลอด แต่ดูราวกับไม่มีพื้นที่จะพัฒนาอะไรขึ้นไปอีกเลย ผมกลับคิดว่าหมายเลขห้าดูมีความหวังมากกว่า เขาแม้จะดูวางตำแหน่งเข้าใกล้เกินไป แต่ละครั้งที่ออกกลยุทธ์กลับชัดเจนคมคาย ผมคิดว่าพ่อควรจะเรียนรู้จากเขา บางครั้งโอกาสดี แต่เป็นเพราะความลังเลของเราทำให้พลาดไป”
ลี่จุนถิงฟังอย่างตั้งใจ พลางพยักหน้าเบาๆ
ในขณะที่เขาทั้งสองถกเถียงกันอย่างสนุกสนาน เจียงหยุนเอ๋อกลับเริ่มรู้สึกเบื่อแล้ว เธอหาวครั้งหนึ่ง พยายามตื่นตัวยืนอยู่หลังพวกเขา
ทักษะการเรียนรู้ของถวนจื่อว่องไวนัก เพียงการแข่งขันไม่กี่สนาม ก็ได้เรียนรู้ทักษะจากผู้อื่นมาไม่น้อย และยังสอน ลี่จุนถิงอย่างไม่ลดละ
“ผมจะเล่าให้พ่อฟังก่อน รอต่อไปถ้ามีเวลาจะทำให้พ่อดูสักครั้ง พวกนี้ต่างมีประโยชน์ทั้งนั้น” ถวนจื่อ พูดอะไรเป็นเรื่องเป็นราว
ลี่จุนถิงราวกับเป็นลูกศิษย์ของเขาอย่างไงอย่างงั้น ถวนจื่อพูดอะไรเขาก็ตั้งใจฟัง ภาพแบบนี้ทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกอดหัวเราะไม่ได้
ถวนจื่อช่างมีความสามารถจริงๆ แม้ขนาดลี่จุนถิงต่อหน้าเขายังกลายเป็นว่านอนสอนง่าย เจียงหยุนเอ๋ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกทอดถอนใจขึ้น