บทที่ 44 แขกรับเชิญลับ

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่ 44 แขกรับเชิญลับ

ในที่สุด รอบชิงชนะเลิศของทุกๆ รอบก็นับว่าจบสมบูรณ์ทั้งหมดแล้ว

เมื่อผู้ชนะทั้งกลุ่มเยาวชนรุ่นใหญ่และกลุ่มผู้ใหญ่ต่างได้รับรางวัลกันครบถ้วนแล้ว ต่างพากันตั้งใจมาถ่ายรูปคู่กับ ถวนจื่อ

“เธอเป็นผู้ชนะกลุ่มเยาวชนรุ่นเล็ก เจียงซิ่งหวีใช่ไหม?สนใจถ่ายรูปคู่กันเป็นที่ระลึกหน่อยได้ไหม?” ผู้ชนะกลุ่มเยาวชนรุ่นใหญ่ซูอวี้ และผู้ชนะกลุ่มผู้ใหญ่หลี่อี้ เดินมาเบื้องหน้า ถวนจื่อ

ถวนจื่อกะพริบตาปริบๆ พลางหันกลับมามอง เจียงหยุนเอ๋อราวกับจะขอความเห็นจากเธอ เป็นดังคาด เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่ท่าทีปฏิเสธแต่อย่างใด ผู้คนเหล่านี้ต่างเป็นผู้ที่เดินร่วมทางเส้นเดียวกันกับ ถวนจื่อ ให้พวกเขาได้พูดคุยแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

ดังนั้น เมื่อพวกเขาทั้งสามถ่ายรูปร่วมกันเสร็จ ต่างก็เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องการแข่งขันในวันนี้

“เพื่อนตัวน้อย ไม่คิดเลยว่าเธออายุน้อยขนาดนี้ ต่างเล่นเกมส์เก่งกันได้ขนาดนี้” หลี่อี้ยิ้มพลางพูดกับ ถวนจื่อ

ถวนจื่อเงยหน้าขึ้นมามองเขา แล้วเอ่ยขึ้น “ผมคิดว่าคุณก็เก่งมากเลย แต่ว่ามีบางครั้งคุณก็ดูจะเร่งร้อนเกินไปหน่อย แม้ว่าบางครั้งผลจะออกมาดีเกินคาด แต่ก็สามารถพาตัวเองไปสู่จุดเสี่ยงได้เหมือนกัน”

หลี่อี้ตะลึงงันในตอนแรก เมื่อพบกับคำพูดเหล่านี้ของเด็กราวกับถูกติเตือน เขาไม่เพียงไม่รู้สึกแย่ กลับหัวเราะเสียงดังขึ้น “ไม่คิดเลยว่าเด็กคนนี้จะเก่งกาจขนาดนี้ ครูฝึก ของฉันก็บอกกับฉันอย่างนี้เหมือนกัน เพียงแต่ไม่มีวิธีแก้ นิสัยเสียนี้ไม่เคยแก้เลย”

“ไม่เป็นไร ความเคยชินแบบนี้จะเปลี่ยนแบบฉับพลันทันทีคงเป็นไปได้ยาก ต่อไปอาจต้องระวังมากกว่านี้” ถวนจื่อพูดสีหน้าตั้งใจ

เมื่อเริ่มแรกที่ได้ยินถวนจื่อพูดอย่างนั้น เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกกังวล เกรงว่าหลี่อี้จะโกรธเพราะเรื่องนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นคนใจกว้างได้ขนาดนี้ น้อมรับฟังความเห็นของ ถวนจื่อ เธอจึงลอบถอนหายใจได้

“พวกเรามาเพิ่มเป็นเพื่อนในเกมส์กันดีกว่า ต่อไปถ้ามีโอกาสจะได้เล่นด้วยกัน” ซูอวี้ริเริ่มนำโทรศัพท์ออกมา เพิ่มทั้งสองเป็นเพื่อน

แม้ว่าถวนจื่อจะอายุน้อยที่สุดในทั้งสามคน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความสามารถของเขาต่างเป็นที่ยอมรับของทั้งสองคน ทั้งสามพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ดูไปแล้วเหมือนกับอายุไม่ได้แตกต่างกันเลย

หลังจากนั้น มีคนเดินมาขอสัมภาษณ์พวกเขา เพราะอายุของถวนจื่อน้อยที่สุด พวกเขาจึงเตรียมจะมาสัมภาษณ์ผู้ปกครองแทน

เจียงหยุนเอ๋อจริงๆ แล้วไม่ชอบอยู่หน้ากล้อง แต่เมื่อถึงเวลานี้ เธอก็ไม่อาจพลักลี่จุนถิงไปแทนได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงพยายามปั้นหน้ารับสัมภาษณ์ไป

“สวัสดีค่ะ ขออนุญาตสอบถาม คุณเป็นคุณแม่ของเจียงซิ่งหวีผู้ชนะการแข่งขันในกลุ่มเยาวชนรุ่นเล็กใช่ไหมคะ?”

เมื่อเจียงหยุนเอ๋อจดจ้องไปยังกล้อง รอยยิ้มบนใบหน้าก็ดูแข็งๆ ชอบกล “ใช่ค่ะ ถูกต้อง ฉันคือคุณแม่ของเขา”

“ในครั้งนี้เจียงซิ่งหวีทำคะแนนดีมากจริงๆ รบกวนถามในฐานะเป็นคุณแม่ของเขา คุณมีความคิดเห็นอย่างไรคะ?” นักข่าวถามต่อไป

เจียงหยุนเอ๋อมองไปยังถวนจื่อที่ยืนอยู่ข้างกายของเธอ รอยยิ้มกลับเปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้น “ตอนแรกฉันคิดไม่ถึงเลย ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ขนาดนี้ ก็ต้องขอบคุณการแข่งขันในครั้งนี้ ให้ฉันได้รู้จักลูกชายของฉันใหม่อีกครั้ง”

“ผู้ปกครองส่วนมากไม่ให้การสนับสนุนลูกของตัวเองเล่นเกมส์ แล้วคุณส่งลูกของคุณเข้ามาแข่งขันที่นี่ได้อย่างไรคะ?”

“เรื่องนี้… เพราะฉันไม่อยากแย่งสิทธิ์ในการตัดสินใจของลูกชายตัวเอง ในสายตาของฉันแล้ว การเล่นเกมส์ในปริมาณที่เหมาะสมก็ไม่ได้สร้างปัญหาหนักอะไรในภายหลัง” เจียงหยุนเอ๋อตอบคำถามด้วยความตั้งใจ

นักข่าวพยักหน้าเห็นด้วย เอ่ยถามต่อไป “อย่างนั้นขอเรียนสอบถาม คุณได้อบรมหรือสอนนี้ให้กับลูกของคุณไหม?”

เจียงหยุนเอ๋อส่ายหน้าอย่างเก้อเขิน “ในเรื่องของเกมส์แล้ว เป็นเรื่องที่ฉันไม่สันทัดจริงๆ ดังนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะการฝึกฝนด้วยตนเองของถวนจื่อ

“ดูไปแล้ว ผู้ชนะกลุ่มเยาวชนรุ่นเล็กของเราเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ!” นักข่าวเอ่ยพลางยิ้มขึ้น

เมื่อถามไปแล้วหลายคำถาม นักข่าวก็จากไปด้วยความพอใจ

พิธีกรประกาศการสิ้นสุดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ เมื่อผู้คนจำนวนไม่น้อยกำลังเดินออกไปนั้น พิธีกรกลับขึ้นบนเวทีขึ้นมาทันที

“ทุกคนรอก่อน!พวกเรายังเรียนเชิญแขกรับเชิญลับอีกหนึ่งท่าน!”

เมื่อเห็นชายคนหนึ่งบนเวที ผู้ชมจำนวนไม่น้อยเบื้องล่างเวทีต่างฮือฮาขึ้น แล้วทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสียงกรี๊ดกร๊าด

เจียงหยุนเอ๋อที่ไม่ค่อยเข้าใจโลกแห่งเกมส์เริ่มไม่สนใจชายบนเวที แล้วถามขึ้น “คนนี้คือใครหรือ?”

ลี่จุนถิงจ้องมองเขาครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบ “ชายผู้นี้คือผู้แข่งขันที่เก่งที่สุดในประเทศนี้ ครูฝึกหลักแห่งทีม AY ชื่อจูลี่”

“จูลี่?” เจียงหยุนเอ๋อพึมพำเสียงเบา เธอรู้สึกไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ แต่กลับผู้ที่เข้าใจเกมส์ย่อมคุ้นเคยเป็นอย่างดี

“ผมรู้ ผมรู้! ครูฝึกจูลี่แห่งทีม AY เก่งมากๆ เลย!” ถวนจื่อเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นสุดขีด

เจียงหยุนเอ๋อหันหน้าไปเบาๆ “อ๋อเป็นอย่างนี้นี่เอง … สงสัยจังเลย ที่เขามาปรากฏตัวนี่เพื่ออะไร?”

แม้ทุกคนจะไม่รู้ว่าจูลี่มาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไร แต่ต่างก็สามารถเดาได้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับการแข่งขันครั้งนี้แน่นอน ดังนั้นต่างรอให้จูลี่ประกาศ

“การแข่งขันในวันนี้ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว กระบวนการการแข่งขันผมได้เห็นหมดแล้ว ที่ผมมาในวันนี้ ที่จริงแล้วก็มาเพื่อหาเลือดใหม่เติมเข้าไปยังทีมของเรา ถูกต้อง ไม่ผิดแล้ว ผมเตรียมที่จะคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันที่โดดเด่นเข้าร่วมทีมเดียวกับผม และเมื่อผ่านการฝึกฝนชั่วระยะเวลาหนึ่ง ยังสามารถเปลี่ยนจากตัวสำรองมาเป็นตัวจริงได้อีกด้วย”จูลี่ประกาศ

เสียงเพียงเพิ่งหยุดลง รอบสนามต่างกลับมาโห่ร้องเสียงกระหึ่มอีกครั้ง

การเข้าร่วมกับทีม AY ไม่รู้เป็นความใฝ่ฝันของเกมเมอร์ไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ผู้เข้าแข่งขันที่ตกรอบตั้งแต่รอบแรกๆ ต่างพากันทอดถอนใจ โกรธตัวเองที่ไม่ได้แสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ สำหรับเหล่าผู้เข้าแข่งขันที่ได้ลำดับดี ต่างเริ่มคาดหวังขึ้น ต่างพากันตื่นเต้นรอคอยเพราะไม่รู้ว่าจูลี่จะเลือกตัวเองไหม

ถวนจื่อที่สนใจในเกมส์มาโดยตลอด และยังคุ้นเคยกับชื่อทีม AY ต่างก็ชื่นชมทีมนี้มาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อเห็นการปรากฏตัวของจูลี่ ทั้งตัวต่างตื่นเต้นถึงขีดสุด

จูลี่ปราดมองไปยังผู้ชมที่ตื่นเต้นกัน ปรากฏรอยยิ้มแห่งความพอใจขึ้น แล้วเอ่ยต่อว่า “ทุกคนโดยรอบต่างรู้ การเข้าร่วมทีม AY มิใช่เรื่องง่าย ดังนั้นในครั้งนี้ผมจึงไม่ได้จะเลือกเฟ้นจำนวนเยอะ ในใจผมตอนนี้ก็มีสามผู้เข้าแข่งขันแล้ว ทุกคนลองทายดูว่าเป็นใครกัน?”

ด้านล่างเวทีต่างมีเสียงตะโกนโหวกเหวกไปมา เมื่อเจียงหยุนเอ๋อได้ยินดังนั้น จึงลองทายเสียงเบา “หรือจะเป็นผู้ชนะของการแข่งขันทั้งสามกลุ่ม?”

“อาจจะเป็นอย่างนั้น” ลี่จุนถิงเอ่ยตอบ หากคิดตามสถานการณ์ทั่วไป วิธีนี้ดูจะเป็นวิธีที่ยุติธรรมที่สุดแล้ว

แม้เสียงโห่ร้องจะแตกต่างกัน แต่เมื่อรู้ว่าจูลี่จะเลือกสามคนแล้ว ทุกคนต่างก็เข้าใจในทันทีว่าเป็นผู้ชนะทั้งสามคน

จูลี่ยกมือขึ้น ท่าทีให้ผู้ชมเงียบเสียง แล้วจึงยกไมโครโฟนขึ้นเอ่ย “ผมจะประกาศ รายชื่อผู้เข้าแข่งขันที่เผมเลือกทั้งสามคนคือ หลี่อี้ ซูอวี้และฟางฉี