ตอนที่ 65 องค์รัชทายาท (1)
นางนั่งอยู่เงียบๆ อย่างนั้น ก้มหน้าลงต่ำและไม่มีเงาของผู้ใดปรากฏในครรลองสายตาของนาง ราวกับว่าเสียงในห้องโถงไม่เกี่ยวข้องกับนางอย่างไรอย่างนั้น นางเพียงแต่อยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง
ทั้งสง่างามและโดดเด่นราวเทพธิดา
นี่คือคำนิยามที่สมควรจะถูกใช้บนตัวไป๋อวิ๋นเซียน แต่ตอนนี้ผู้คนกลับรู้สึกว่ามันเหมาะสมกับจวินอู๋เสียมากกว่า
จวินอู๋เสียที่ไร้ซึ่งความโมโหร้ายและอารมณ์ร้อนนั้นงดงามยิ่ง ความเย็นชาที่ทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้นั้นดีกว่าไป๋อวิ๋นเซียน ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า และทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าไปรบกวนความสงบนั้น ทำได้เพียงแอบมองดูนางจากที่ไกลๆ
ไม่อาจไม่กล่าวว่าความสง่างามและเสน่ห์ของจวินอู๋เสียเพิ่มขึ้นหลายเท่าเมื่อนางเงียบสงบลง
จวินอู๋เสียเพราะนิ่งเงียบมาตั้งแต่เริ่มงาน ทำให้ผู้คนมองข้ามนางไป แต่เมื่อผู้คนสังเกตเห็นนาง พวกเขาก็ถูกดึงดูดโดยการเปลี่ยนแปลงของนางทันที
มองจวินอู๋เสียแล้ว จากนั้นก็หันไปมองไป๋อวิ๋นเซียน…
ไป๋อวิ๋นเซียนยามนี้ดูเหมือนจะไม่ได้งดงามเหมือนดั่งในความทรงจำของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
หากเอ่ยถึงเทพธิดาแห่งความเยือกเย็นและสูงส่ง ไป๋อวิ๋นเซียนคล้ายจะยังห่างไกลจากจวินอู๋เสียในยามนี้มากนัก
“เฉี่ยนยวน เจ้าเมาแล้ว” ฮ่องเต้ทรงขมวดพระขนงแน่น พระองค์ไม่เข้าใจว่าองค์รัชทายาทผู้ไม่พูดมากในวันปกติ เหตุใดวันนี้จึงออกตัวปกป้องจวินอู๋เสีย พระองค์จำได้ชัดเจนว่านี่เป็นครั้งที่สองที่มั่วเฉี่ยนยวนและจวินอู๋เสียพบหน้ากัน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่พวกเขาพบกันครั้งแรก มั่วเฉี่ยนยวนก็ไม่ได้มีความประทับใจที่ดีนักต่อนาง
“ใช่ ลูกเมาแล้ว ลูกดื่มมากเกินไปจริงๆ โปรดอนุญาตให้ลูกได้กลับไปพักผ่อนด้วยพ่ะย่ะค่ะ” มั่วเฉี่ยนยวนกระตุกมุมปากของเขา เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เสแสร้งเล็กน้อย
“ไปเถิด” ฮ่องเต้ตรัสอย่างเคร่งขรึม
มั่วเฉี่ยนยวนลุกขึ้นเดินจากไปโดยไม่ลังเล เขายกมือขึ้นและสะบัดแขนเสื้อ ปฏิเสธบ่าวรับใช้ประจำตำหนักที่ถลาเข้ามาช่วยประคองเขา พูดออกไปอย่างโมโหว่า “ข้ายังเดินได้อยู่ ไม่ต้องมายุ่งกับข้า”
ท่าทางสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปขององค์รัชทายาท ทำให้เกิดความไม่พอใจในกลุ่มขุนนางที่ยังอยู่ในห้องโถงของพระตำหนัก
จวินอู๋เสียมองตามการจากไปของมั่วเฉี่ยนยวน ในขณะที่ทุกคนกำลังดื่มสังสรรค์พูดคุยกันอยู่ นางก็กระเถิบเข้าไปใกล้จวินชิง กระซิบกล่าวไปด้วยเสียงต่ำว่า “ท่านอาเล็ก ข้าอยากออกไปเดินเล่นสักหน่อยเจ้าค่ะ”
จวินชิงชะงักไปชั่วครู่ แต่เพราะคิดว่าจวินอู๋เสียกำลังเสียใจที่ได้เห็นฉากแสดงความรักระหว่างมั่วเซวี่ยนเฝ่ยและไป๋อวิ๋นเซียน เขาจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถิด แต่อย่าเถลไถลไปไกลจากตำหนักหลินยวนมากเล่า และก็รีบกลับมาเร็วๆ ด้วย”
“เจ้าค่ะ”
“อู๋เสีย”
“อะไรหรือเจ้าคะ”
“คนอย่างมั่วเซวี่ยนเฝ่ยไม่คู่ควรกับเจ้า เจ้าอย่าเสียใจไปกับคนเช่นนี้อีกเลย”
“…” เท้าของจวินอู๋เสียที่กำลังจะก้าวออกจากห้องโถงชะงักกึกทันที
ตาข้างไหนของท่านอาเล็กของนางที่มองว่านางกำลังเสียใจให้กับคนพรรค์นั้น!
ดวงจันทร์สว่างไสว ในอุทยานดอกไม้หลังตำหนักหลินยวน มั่วเฉี่ยนยวนกำลังนั่งถือไหสุราอยู่บนโต๊ะหินในศาลาด้วยใบหน้าที่ฝืนยิ้ม เขากระดกไหสุรานั้นดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า
“ถ้าอยากตายเร็วกว่านี้ ก็จงดื่มต่อไป” เสียงที่แผ่วเบาแฝงความเยือกเย็นทำลายความเงียบในอุทยานลง
มั่วเฉี่ยนยวนมองตามต้นเสียงไป พลันก็รู้สึกฉงนใจนัก ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง เด็กสาวตัวเล็กในชุดอารณ์สีเหลืองอ่อนกำลังอุ้มเจ้าแมวดำยืนอยู่ท่ามกลางอุทยานดอกไม้ แสงจันทร์ที่ส่องกระทบลงบนตัวนางสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่ดูงดงามของนางจนคล้ายไม่เหมือนความจริง
“จวินอู๋เสีย” มั่วเฉี่ยนยวนยิ้มมุมปาก มองจวินอู๋เสียไปอย่างเมามาย
“ข้าก็คิดอยู่ว่าผู้ใดกันช่างกล้าไม่กลัวตายเสียจริง ถึงขั้นสาปแช่งให้องค์รัชทายาทองค์ปัจจุบันเช่นข้าตายเร็วๆ เจ้านี่ยิ่งนานวันก็ยิ่งใจกล้ามากขึ้นนะ”
จวินอู๋เสียเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าศาลา กลิ่นหอมจางๆ ของสุราลอยวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวมั่วเฉี่ยนยวน นางหยุดชะงักเล็กน้อย สุดท้ายตัดสินใจไม่เดินเข้าไปต่อ
“ถึงข้าไม่พูด เจ้าก็ตายอยู่ดี อีกอย่าง…เจ้าจะเป็นองค์รัชทายาทได้อีกนานแค่ไหนกันเชียว”
…………..
ตอนที่ 66 องค์รัชทายาท (2)
สีหน้าของมั่วเฉี่ยนยวนเปลี่ยนไปแทบจะฉับพลัน ดวงตาที่พร่ามัวของเขาเฉียบคมขึ้น และกลิ่นอายที่น่ากลัวก็ค่อยๆ แผ่กระจายออกจากร่างเขาอย่างเงียบๆ อารมณ์ร้อนและความเมามายในอุทยานบัดนี้ได้สลายหายไปหมดแล้ว มั่วเฉี่ยนยวนในเวลานี้ดูเหมือนพยัคฆ์ทมิฬตัวเขื่องที่กำลังจ้องตะครุบเหยื่ออยู่ในเงามืด
“เจ้ากำลังพูดเรื่องบ้าอะไรกัน” ดวงตาของมั่วเฉี่ยนยวนดูอันตรายขึ้นมา
จวินอู๋เสียลูบแมวดำในอ้อมแขนของนางอย่างไม่ใส่ใจ นางไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง แต่กล่าวตอบโต้ไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คนบางคนไม่ต้องการให้เจ้าเป็นองค์รัชทายาทต่อไป ต้องการให้เจ้าตายไปเร็วๆ และรีบไปเกิดใหม่เสีย แต่หากเจ้าเองก็คิดเช่นนั้น งั้นก็จงโขกศีรษะตายเสียแต่ที่นี่ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาผู้อื่น”
มุมปากของมั่วเฉี่ยนยวนกระตุกยิกๆ เดิมทีเขาคิดว่าจวินอู๋เสียค่อนข้างที่จะไร้เหตุผล แต่ตอนนี้ เกรงว่าเขาต้องเพิ่มคำพูดที่เป็นพิษให้กับนางอีกอย่างหนึ่งแล้ว
สาวน้อยคนนี้ พูดจาดีๆ นางจะตายหรือไม่!
“อย่าพูดส่งเดชแบบนี้อีก ข้าจะถือเสียว่าไม่เคยได้ยินมันมาก่อน” มั่วเฉี่ยนยวนนวดหว่างคิ้วของเขา
“พูดจาส่งเดชหรือ ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะขอพูดมากกว่านี้อีกสักหน่อย หากเจ้ายังต้องการมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อล้างแค้นให้กับพระมารดาของเจ้าและครอบครัวฝั่งมารดาของเจ้า เจ้าก็จงหาทางปกป้องชีวิตของตัวเองให้ดีและรักษาตำแหน่งองค์รัชทายาทของเจ้าไว้ให้มั่น” จวินอู๋เสียค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่สว่างไสวของนางทำให้หัวใจของมั่วเฉี่ยนยวนสั่นไหวเล็กน้อย
“เจ้าไปรู้เรื่องอะไรมา” สีหน้าของมั่วเฉี่ยนยวนเริ่มฉายแววตื่นตระหนก
“ข้ารู้ว่าเจ้ามันทั้งขี้ขลาดและไร้ประโยชน์” จวินอู๋เสียยักคิ้ว
“เจ้า” มั่วเฉี่ยนยวนเดือดพล่าน เขาโกรธแม่เด็กสาวคนนี้ยิ่งนัก ไม่น่าออกตัวปกป้องนางตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงเลยจริงๆ
“หากเจ้าไม่เต็มใจก็จงหาทางวิธีมีชีวิตอยู่ต่อไป หากไม่อยากยอมรับชะตากรรมของเจ้า เช่นนั้นก็จงรวบรวมอำนาจทั้งหมดมาไว้ในมือเจ้าเสีย” จวินอู๋เสียกล่าว
มั่วเฉี่ยนยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ คำพูดของจวินอู๋เสียแทงทะลุใจเขาทุกประโยค บวกกับสุรามากมายที่เขาได้ดื่มลงไป หัวของเขาจึงเริ่มร้อน เขาอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้นและทุ่มไหสุราลงบนพื้น
เพล้ง!
เสียงไหสุราตกลงพื้นจนแหลกละเอียด กลิ่นหอมของสุราลอยกระจายไปทั่ว
“เจ้าคิดว่าข้าอยากหรือ เจ้าคิดว่าข้าต้องการให้เป็นเช่นนี้จริงๆ หรือ องค์รัชทายาทอะไรกัน ข้าไม่นับว่าเป็นตัวอะไรทั้งสิ้น ชีวิตและตำแหน่งของข้าล้วนแต่ไม่ใช่ของข้า เสด็จพ่อของข้าต้องการฆ่าข้า และแม้แต่น้องชายของข้าก็ยังต้องการทำลายข้า ทุกคนล้วนคิดว่าข้าเป็นองค์รัชทายาทที่ไร้ความสามารถ ในโลกใบนี้ยังจะมีผู้ใดที่สามารถช่วยข้าได้อีก หากข้าไม่ยอมรับชะตากรรมของตัวเองแล้วอย่างไร ข้าจะสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขสิ่งใดได้หรือ”
ดวงตาของมั่วเฉี่ยนยวนแดงก่ำ อารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ในใจของเขาได้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมดแล้วในเวลานี้
“เจ้าพูดถูก ข้ากำลังจะตายในเร็วๆ นี้ และใช่ ข้าใกล้ตายแล้ว และคนใกล้ตายคนหนึ่งยังจะทำอะไรได้”
จวินอู๋เสียมองมั่วเฉี่ยนยวนที่ระบายความรู้สึกออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยสายตาที่เย็นชา
“แล้วถ้าเจ้าไม่ตายล่ะ”
“อะไรนะ” มั่วเฉียนยวนหยุดชะงักไป มองไปที่จวินอู๋เสีย
“พูดให้ถูกก็คือ ไม่ใช่ว่าจะมีชีวิตเป็นอมตะหรือไม่ตาย แต่ในอีกไม่กี่ปีหรือกี่สิบปีข้างหน้า เจ้าจะไม่ตาย” จวินอู๋เสียแก้คำพูดของตัวเอง
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” มั่วเฉี่ยนยวนมองไปที่จวินอู๋เสียอย่างสับสน
จวินอู๋เสียไม่ได้รีบอธิบายหรือตอบคำถามเขา แต่นางถามกลับไปว่า “เจ้าถูกวางยาพิษใช่หรือไม่”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน” มั่วเฉี่ยนยวนชะงักไปเล็กน้อย
จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว นางรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนที่อธิบายเก่งเลย แทนที่จะขยับปาก นางพอใจที่จะพิสูจน์ทุกอย่างด้วยการกระทำของนางมากกว่า
“เสี่ยวเฮย จับเขาไว้” จวินอู๋เสียพูดขึ้น จากนั้นไม่นานแมวดำตัวน้อยก็กระโจนออกไปจากอ้อมแขนของนาง
ทันใดนั้น เจ้าแมวดำตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามือก็ขยายใหญ่ขึ้นภายใต้แสงจันทร์ จากร่างเล็กๆ ที่ดูคล้ายแมว ฉับพลันก็ขยายใหญ่ขึ้นแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปเป็นเสือดำทันที มันพุ่งตัวเข้าหามั่วเฉี่ยนยวนตามคำสั่งโดยไม่รีรอชักช้า
มั่วเฉี่ยนยวนที่ไม่ทันตั้งตัวถูกเสือดำกดลงกับพื้นแน่น ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจแกมเหลือเชื่อ เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งเห็นเลย
…………….