ตอนที่ 72 พบกันในรอบพันปี

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

หลังจากที่ปล่อยอัลเฟรียออกมาจากผนึกเสร็จเรียบร้อยแล้ว… ตอนนี้ปัญหาหนักที่สุดเลยก็คือจะทำยังไงดีกับสารรูปของเธอในตอนนี้

จะให้ใส่ชุดเกราะที่สร้างจากเวทย์ดินก็คงพอทำได้แหละ…

แต่ของแบบนั้นนี่ถ้าใส่มันตรงๆเลยจะไม่ดีต่อผิวอ่ะนะ แต่ชั้นก็ไม่รู้จะหาผ้ามาจากไหนให้ใส่นี่สิ

เอาเป็นว่าใช้เวทย์แสงลวงตาทำให้ดูเหมือนว่าใส่เสื้อผ้าอยู่ไปก่อนแล้วกัน

ขอตั้งชื่อว่า “เสื้อผ้าที่แม้แต่คนโง่ก็เห็นได้”

ถึงจะดูเรียบร้อยอย่างนี้ แต่จริงๆคือโป๊อยู่นะเออ

อัลเฟรียว้าวกับเสื้อผ้าที่จู่ๆก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ แต่ก็สงสัยว่าทำไมถึงสัมผัสมันไม่ได้

ชั้นผสมเวทย์ไฟและลมเข้าไปด้วย เพื่อกันไม่ให้เธอหนาว

พอพาอัลเฟรียออกมาแล้ว เจ้าชุดเกราะที่เห็นอัลเฟรียเดิน(ดูเหมือน)สวมใส่เสื้อผ้าออกมาก็ล้มครืนไปเลย

ว่าแล้วเชียว นี่แกแค่อยู่เฝ้าเธอเพราะหวังดูอัลเฟรียโป๊ใช่มั้ยเนี่ย?

เลย์ล่าหลับตายืนตรงทำความเคารพเจ้าชุดเกราะทำไมไม่รู้

“หลังจากที่ทำหน้าที่สำเร็จลุล่วง แล้วจึงจากไปอย่างสงบ ตัวท่านที่คอยยืนหยัดปกป้องนายของตนไว้กระทั่งหลังความตาย…นับเป็นแบบอย่างที่แท้จริงของอัศวินจริงๆค่ะ”

ไม่หรอกเบย์บ่า เจ้านี่น่าจะเป็นแบบอย่างที่แย่ที่สุดของอัศวินเลยแหละ

ก็ไม่อยากทำลายความฝันน่ะนะ ก็จะขอเงียบไว้แล้วกัน

อับเฟรียแสยะยิ้มเมื่อเห็นทุกคนหันความสนใจมาที่เธอ

“ท่านเอลริสคะ หรือว่าท่านผู้นี้คือ–?”

“จ้ะ ท่านผู้นี้คือเซนต์คนแรก อัลเฟรีย ผู้ถูกผนึกไว้ตั้งแต่เมื่อหนึ่งพันปีก่อน”

แน่นอนว่าไม่มีใครในที่นี้ที่ไม่รู้จักเธอ

ยังไซะเธอก็คือจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์เซนต์

ถ้าไม่มีเธออยู่ ก็จะไม่มีสถาบันอัศวินเวทมนตร์ และทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็คงไม่มีโอกาสได้มาเจอกันด้วยซ้ำ

นับไดว่าเธอเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ฟิโอริแห่งนี้เลยล่ะ

อับเฟรียยิ้มอ่อน และยกมือขึ้นมาไว้ที่อก

โอ้ ดูสมเป็นเซนต์ขึ้นมาหน่อยแฮะ

“ยินดีที่ได้พบ เหล่าผู้กล้าแห่งยุคสมัยนี้ นามของเราคืออัลเฟรีย… เซนต์คนแรก เป็นผู้แบกรับหน้าที่ในการกอบกู้โลกนี้ ตัวเราถูกแม่มดผนึกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อหนึ่งพันปีก่อน จนกระทั่งได้รับความร่วมมือจากเซนต์เอลริส จึงสามารถหลุดออกมาเป็นอิสระได้อีกครั้ง”

เธอพูดเหมือนว่าไม่ใช่ชั้นที่ขยี้คริสตัลจนแตกทำให้เธอหลุดมาได้ แค่ให้ความ”ร่วมมือ”เฉยๆ ที่เหลืออัลเฟรียเป็นคนจัดการเอง…

เอาเถอะ ถือว่าหยวนๆให้ เจอกันครั้งแรกทั้งทีก็คงอยากทำเท่หน่อย

แต่พอคิดถึงความสวยใสไร้สมองของเธอ ก็ไม่รู้ว่าจะโป๊ะแตกตอนไหน

“ท่านอัลเฟรียถูกแม่มดจับผนึกไว้หรือคะ? ได้อย่างไรกัน? ทำไมท่านถึงไม่กลายเป็นแม่มดล่ะคะ?”

“เราจะเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เจ้าฟัง…โศกนาฏกรรมซึ่งเริ่มต้นขึ้นจากมารดาของเรา…และวิธีที่จะหยุดวังวนอันโหดร้ายนี้ รวมถึงเหตุผลที่ตัวเราไม่ถูกเปลี่ยนเป็นแม่มด…เราคงสามารถพูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลก…ความบังเอิญ…และความรักที่ก้าวข้ามอุปสรรคทุกอย่าง…เส้นทางทุกอย่างบรรจบกันที่จุดเดียว…”

เฮ้ย น้ำเยอะจังวะ เอาเนื้อๆดิ

เธอก็แค่โดนแม่มดหลอก โดนดักตบ แล้วก็โดนจับผนึก แค่นั้นป่ะ? อีนี่ร่ายซะยาว

“จะมาพล่ามอะไรเยอะแยะกันเล่า? เจ้าโดนอีฟหลอกให้คิดว่าตายไปแล้ว จากนั้นก็โดนลอบโจมตีตอนที่เมา จากนั้นก็โดนผนึกไว้ในคริสตัล เรื่องมันก็เท่านั้นไม่ใช่รึไง?”

“อิยะ!?”

เจ้าเต่าพูดตรงใจเลย

อัลเฟรียโดนดักทางอย่างนั้นทำเอาเสียศูนย์ไปเลย

คิดไปเองรึเปล่า ดูเจ้าเต่าจะไม่ชอบขี้หน้าอัลเฟรียไงชอบกล

แล้วก็ แม่ของอัลเฟรียนี่ชื่อ อีฟ สินะ?

ชื่อของแม่มดคนแรกไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ เลยเพิ่งจะเคยได้ยินนี่แหละ

“รู้ได้ยังไงว่าเราเมาน่ะ…! อ๊า…!”

อัลเฟรียโป๊ะแตก ทำเอาพวกเวอร์เนลพูดไม่ออกเลย

อัลเฟรียพยายามจะปั้นหน้าให้สงบ แต่คงไม่ไว้ล่ะ แก้มกระตุกใหญ่เลยเนี่ย

มือสมัครเล่นด้านปั้นหน้าก็งี้ล่ะนะ…

แต่ถึงยังไงซะ เธอก็เป็นเซนต์ตัวจริง

เธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปั้นหน้าตั้งแต่แรกแล้ว

เพราะว่าชั้นเป็นตัวปลอมนี่แหละ เลยต้องปั้นหน้าให้เนี้ยบอยู่ตลอด เคลือบทองไว้หนาๆ คนจะได้ไม่รู้ว่าเนื้อในเป็นขยะเปียก

“อะ อา เหล่าผู้กล้าเอ๋ย อย่าได้ถูกหลอกลวงไป คิดดูสิ มีหรือที่อัลเฟรีย เซนต์คนแรก และเซนต์ในหมู่เซนต์ผู้นี้ จะเมามายไปกับสุรา แล้วในตอนที่จะเอาดาบของพวกพ้องไปขายเพื่อเอามาซื้อสุราเพิ่ม ก็โดนลอบโจมตีเข้าให้อย่างไร้ทางสู้ จนทำให้โดนแม่มดจับขังไว้ในผนึกน่ะ… เรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้หรอกเนอะ?”

ไหลเป็นน้ำเลยเว้ย

พ่นมาซะละเอียดเลยนะเธอเอ๊ย

เลย์ล่ามีสีหน้าเหมือนความฝันพังทลาย เธอหันหน้ามาหาชั้น ซึ่งตูก็ช่วยอะไรไม่ได้อ่ะนะ ก็ได้แต่พยักหน้าเบาๆ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นี่แหละเซนต์คนแรกตัวจริงเสียงจริง

ยอมรับความจริงซะสต๊อกโกะ

“อะไรกันเล่า เจ้าน่ะ! ทำไมถึงพูดเหมือนรู้จักเราดีเลยล่ะ เป็นแค่เต่าแท้ๆ!”

“นี่เจ้าลืมสัตว์เลี้ยงของตัวเองที่โดนจับทิ้งขยะในตอนที่เมาไปแล้วรึไง”

เจ้าเต่าพูดอย่างเย็นชาใส่อัลเฟรียที่โกรธจนแก้มป่อง

ดูเหมือนจะรู้จักกันจริงๆสินะ

ถึงกับเอาไปทิ้งขยะเลยเรอะ เธอเนี่ยน้าา…

“ยะ-อย่าบอกนะว่าเจ้าคือโปรเฟตะน่ะ…!? ตะ แต่เจ้าตัวโตขึ้นจนไม่มีที่จะเลี้ยงแล้วนี่นา! เพื่อนบ้านก็ชอบมาดุเราว่าสัตว์เลี้ยงแบบนี้มันน่ากลัว ให้ทำอะไรสักอย่างที!”

“หุบปาก! ถึงจะเป็นอย่างนั้น มันก็ต้องมีทางอื่นที่ดีกว่าจับข้าโยนทิ้งกองขยะอยู่แล้วสิ! รู้มั้ยว่าชีวิตข้าหลังจากนั้นมันลำบากแค่ไหน!”

สัตว์เลี้ยงตัวใหญ่เกินจนไม่มีที่เลี้ยงนี่ก็เข้าใจได้อยู่ แต่โยนทิ้งขยะไปนี่ก็เกินไปนา

แต่ยังไงนี่ก็เป็นต่างโลก

ไม่แน่ใจว่ามันยอมรับได้สำหรับทางนี้รึเปล่าด้วยสิ

พวกเวอร์เนลก็เหวอแดกไปแล้ว

“อะไรเล่า! ก็เจ้าดันตัวโตเกินไปเองนี่นา! แถมตั้งแต่ที่เราถูกจับผนึกไปนี่ก็ไม่เคยมาเยี่ยมซักครั้งเลยด้วย ลืมเจ้าของตัวเองไปแล้วรึไง เจ้าเต่าเนรคุณ!”

“อย่างตอนที่เจ้าใช้ข้าแทนโล่กำบังไรงี้น่ะเหรอที่นับเป็นบุญคุณสำหรับเจ้าน่ะ? เจ้าเคยทำอะไรที่ควรให้ข้าต้องตอบแทนรึไง!?”

พอเห็นเซนต์คนแรกเถียงกับเจ้าเต่าเหมือนเป็นเด็กๆ พวกเวอร์เนลเลยทำหน้าเหมือนโลกจะแตก

ยังไงซะสถาบันอัศวินเวทย์ก็ถูกตั้งชื่อตามอัลเฟรีย แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่าเธอเป็นที่เคารพมากแค่ไหน

ทำให้พวกเวอร์เนลคิดว่าเธอจะต้องสมกับเป็นเซนต์ที่สุด

คงไม่นึกว่าจะออกมาแนวสวยใสไร้สมองอย่างนี้

ก็พอเข้าใจได้ล่ะนะ

“เอ่อ…ท่านเอลริสคะ… ท่านผู้นั้นนี่คงไม่ใช่…ท่านอัลเฟรียตัวจริงใช่ไหมคะ? เป็นแค่คนชื่อเหมือนสินะคะ? ไม่สิ ท่านเอลริสไม่มีทางเข้าใจผิดพลาดแน่นอน…แต่ว่านี่มัน…”

“ก็เข้าใจความรู้สึกอยู่บ้างหรอก แต่ยอมแพ้เถอะ เจ้านี่คือเซนต์คนแรก อัลเฟรียตัวจริง ข้าขอรับรอง”

เจ้าเต่าตัดความหวังออกแบบไม่เหลือเยื่อใยเลยวุ้ย

พวกไอน่าดูจะหน้าซีดไปเลย

โดนเจ้าเต่าอายุพันปีรับรองไปแบบนี้ ใครจะเถียงอะไรได้ล่ะ

ไม่มีทางอื่นนอกจากต้องยอมรับ

“นี่อาจจะทำบายความฝันพวกเจ้าไปบ้างนะ แต่เซนต์โดยส่วนมากแล้วก็จะเป็นตัวตนคล้ายๆแบบนี้นั่นล่ะ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตพิเศษอะไร ก็แค่มนุษย์ธรรมดานี่ล่ะ ไม่ใช่ทั้งผู้นำมาซึ่งปาฏิหาริย์หรือการคงอยู่ในอุดมคติ เป็นเพียงคนที่ได้รับพลังในการต่อกรกับแม่มดมาจากโลกก็เท่านั้น นอกจากจุดนั้นแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากสามัญชนคนธรรมดา”

เจ้าเต่าถอนหายใจพร้อมเหลือบตาไปมองเอเทอร์น่า

“ข้าน่ะผ่านเซนต์มาแล้วไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น แต่พวกที่ทำตัวสมเป็นเซนต์อย่างที่พวกเจ้าคิดน่ะมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้น บ้างก็หลบหนีจากหน้าที่เพราะความกลัว บ้างก็หลบซ่อนจากการต่อสู้ทั้งชีวิต บ้างก็ถือขวานศึกเข้าตะลุยใส่ทัพศัตรูอย่างบ้าคลั่ง มีเซนต์คนนึงที่ถูกพวกสัตว์ป่าเลี้ยงมาจนโต พูดภาษามนุษย์ไม่ได้ด้วยซ้ำ”

แล้วก็มีเซนต์ที่โตมาในฐานะส่วชาวบ้านธรรมดาๆ ในขณะที่ตัวปลอมขึ้นมารับหน้าที่แทน

ชั้นรู้ดี ว่าเปลือกนอกของตัวชั้นถูกสร้างขึ้นมาตามอุดมคติของความเป็นเซนต์

ถ้าไม่ทำถึงขนาดนี้ ชั้นที่เป็นตัวปลอมก็จะไม่สมจริงพอ

เพราะว่าเป็นของเก๊…ถ้าไม่สมจริงซะยิ่งกว่าตัวจริง ก็จะโดนจับได้ง่ายๆไงล่ะ

“แต่ว่าท่านเอลริส…”

“เอลริสถือเป็นข้อยกเว้นในหมู่ข้อยกเว้น อย่าเอาเธอไปเทียบกับเซนต์รุ่นก่อนๆเลย..จะทำให้พวกเซนต์คนอื่นดูแย่เสียเปล่า”

เจ้าเต่ายิ้มให้กับคำถามของตัวประกอบเออย่างขมขื่น

ก็เป็นข้อยกเว้นในหมู่ข้อยกเว้นจริงๆนั่นแหละ ก็เป็นของเก๊นี่นา

จะบอกว่าอย่าเอาไปเทียบก็ถูกอีก

ตัวชั้นน่ะมันไร้ค่าจนเอาไปเทียบกับพวกนั้นไม่ได้เลยอ่ะนะ

“เอลรีสสสส…! โปรเฟตะแกล้งเราอ่าาา…!”

อัลเฟรียพุ่งตรงมากอดชั้น ชั้นเลยใช้มือลูบหัวโอ๋ให้

ซักพักนึงเธอก็สงบลง

ปกติถ้าคนที่เด็กกว่ามาทำอย่างนี้ก็คงจะเสียมารยาท แต่คงเพราะโดนขังมาเป็นพันปี เลยคิดถึงการใกล้ชิดกับผู้คนล่ะมั้ง

อีกอย่างเลย อัลเฟรียคงลืมไปแล้วหรือไม่รู้ แต่ว่าเธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอยู่จริงๆ แค่ดูเหมือนว่าใส่อยู่เฉยๆ แต่จริงๆแล้วยังโป๊อยู่

หน้าอกมหึมานั่นเลยกดลงมาหาชั้นแบบตรงๆเน้นๆเลย

ลัคกี้ ลัคกี้

ไม่ว่าเนื้อในจะเป็นยังไง เธอก็เป็นสาวสวย เพราะงั้นก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะเออ

“อย่าเอาใจเธอมากไปเอลริส ยัยนี่น่ะเป็นพวกที่ยิ่งโดนโอ๋ก็จะยิ่งเอาแต่ใจ”

เจ้าเต่าดูจะเหม็นขี้หน้าอัลเฟรียจริงๆแฮะ

แต่ชั้นชอบนะเออ

พวกสาวติงต๊องนี่ก็เป็นที่นิยมในโลกเก่าน่าดูเลยนะ

“ท่านเอลริสคะ ดิฉันภูมิใจจริงๆที่ได้รับใช้ท่านค่ะ”

ได้ยินเลย์ล่าพูดแบบนั้น…ก็ทำเอาตูรู้สึกผิดเลยแฮะ

ขอโทษนะเลย์ล่า ขอโทษจริงๆ

ขอโทษที่เป็นแค่ตัวปลอมนะ

ชั้นจะพยายามเล่นบทนี้ไปจนถึงวาระสุดท้ายแล้วกันนะ เธอจะได้ไม่อับอายมากที่ต้องมารับใช้ตัวปลอม

หลังจากนั้นชั้นก็อธิบายวิธีที่จะหยุดยั้งวังวนการถ่ายทอดพลังแม่มดให้ทุกคนฟัง

แล้วก็เรื่องที่อัลเฟรียจะเป็นผู้ใช้มันด้วย