บทที่ 54 กระถางทองดาราสวรรค์

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 54 กระถางทองดาราสวรรค์

บทที่ 54 กระถางทองดาราสวรรค์

หลังจากกระแอมไอสักพัก บุตรแห่งโชคชะตากลับไม่โกรธ และเผยใบหน้าสงบนิ่ง “ลู่หยวน ถ้าเจ้าก้าวมาที่นี่ในวันนี้ อย่าคิดว่าจะรอดกลับไปได้”

ชายหนุ่มชำเลืองมองกุ่ยเหยียนผู้นอนอยู่บนพื้นและยังคงกระอักโลหิตออกมา ก่อนเผยรอยยิ้ม “เจ้าพึ่งคนใกล้ตายที่อยู่ครึ่งก้าวสู่ขั้นเทียมเทพเช่นนี้ หรือว่าเจ้าไม่สามารถรับหมัดของบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ได้?”

“ปากดีนักนะ!”

ไป๋อู๋อียกนิ้วขึ้น กระถางสีทองขนาดใหญ่พลันปรากฏขึ้น “ถ้าเจ้าสามารถทะลวงอาวุธวิเศษนี้ได้ค่อยมาคุยกัน!”

วิ้ง!

เสียงแผ่วเบาดังขึ้น กระถางขนาดใหญ่หมุนอย่างรวดเร็วในอากาศธาตุ รอบข้างเต็มไปด้วยตัวอักษรสันสกฤตของวิชาฝ่ายพุทธะ หมู่เมฆรวมตัวในท้องนภา และโอบล้อมโลกทั้งใบเอาไว้

ร่างมายาพระพุทธรูปสีทองปรากฏขึ้นบนกระถางขนาดใหญ่นั่น แสงสว่างสีทองรอบข้างสาดส่องเจิดจ้า ตกกระทบปฐพี ร่างสีทองนั่งขัดสมาธิบนกระถางบูชาสีทองขนาดใหญ่ สวมจีวรครึ่งตัว มือพนมเข้าด้วยกัน ดวงตาเหลือบต่ำ ราวกับแสดงความสงสารต่อโลกก็ไม่ปาน

ลู่หยวนยืนเอามือไพล่หลัง “ไป๋อู๋อี เจ้ากำลังจะใช้ของชิ้นนี้เพื่อจัดการกับข้าผู้นี้อย่างนั้นหรือ? ข้าสามารถทะลวงเจ้าได้ในครั้งเดียว!”

“จริงหรือ? เช่นนั้นก็ลองดูสิ!”

ไป๋อู๋อีขยับนิ้ว ดวงตาของร่างพุทธคุณสีทองบนกระถางบูชาขนาดใหญ่ลืมขึ้น มือที่พนมกันแยกออกอย่างรวดเร็วก่อนจะประทับลงมา เกิดแรงกดดันรุนแรงยิ่งเคลื่อนลงมาจากท้องนภา!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

พื้นที่รอบข้างถูกบดขยี้ด้วยแรงกดดันนี้ โลกทั้งใบคล้ายกับแยกออกจากกัน

หินบนพื้นภายในรัศมีสิบลี้ถูกหัตถ์ร่างพุทธคุณสีทองกดทับจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ นอกจากลู่หยวนและกุ่ยซู่แล้ว สิ่งมีชีวิตอื่นต่างถูกแรงกระแทกทรงพลังนี้บดขยี้

ประมุขเผ่าภูติผีหรี่ตาเรียวเล็ก ถึงแม้นางจะอยู่ขั้นเทียมเทพ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอาวุธวิเศษดังกล่าวก็ยังคงมีท่าทีระแวดระวัง ไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม

อาวุธวิเศษนี้ไม่ธรรมดา!

นางถอยออกมาทันที ก่อนมายืนอยู่หน้าลู่หยวน เมื่อนางสะบัดมือ ค้อนสีดำที่ใหญ่กว่าร่างของกุ่ยซู่ก็ปรากฏขึ้นในมือ

มือสีทองเคลื่อนลงมาหมายจะบดขยี้จนพื้นที่แตกสลาย ด้วยศักยภาพที่ทำลายสวรรค์และปฐพีได้ พลังอันน่าหวาดกลัวทำให้ผู้คนต่างพรั่นพรึง

กุ่ยซู่ถ่ายรากฐานการบ่มเพาะทั้งหมดเข้าไปในค้อนขนาดใหญ่ในมือ จนอาวุธนั้นถูกย้อมด้วยพลังมืดทันที

วิ้ง!

หลังจากค้อนกลืนกินกลิ่นอายของกุ่ยซู่ไปแล้ว มันก็เริ่มส่งเสียงอย่างต่อเนื่อง ราวกับรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

ฝ่ามือของพุทธคุณสีทองเข้ามาใกล้ ใบหน้าขนาดเล็กของกุ่ยซู่บิดเบี้ยว คลื่นพลังพุ่งทะยาน แรงกดดันที่เกิดจากการบ่มเพาะรอบข้างไม่ได้ด้อยไปกว่าร่างพุทธคุณสีทองนั่นแม้แต่น้อย นางยกค้อนก่อนจะเหวี่ยงขึ้นไป…

ตู้ม!

พลังอันแก่กล้าทั้งสองปะทะกัน ทำให้เกิดเสียงดังกึกก้อง

โลกทั้งใบคล้ายกับสั่นสะเทือน!

ทันทีที่ทั้งสองผละจากกัน ร่างของพุทธคุณสีทองพลันแตกสลาย กลายเป็นแสงสว่างสีทองทั่วท้องนภา และร่วงหล่นอย่างเปล่าเปลี่ยว ประมุขเผ่าภูตผีบินกลับมาเช่นกัน นางหันหลังให้สิ่งที่เพิ่งทำลายไป และกระแทกค้อนลงผืนดิน ยืนตระหง่านอย่างมั่นคง

พลังจากการปะทะกลายเป็นคลื่นพลังในอากาศสั่นสะเทือนรอบข้าง

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

คลื่นพลังโหมกระหน่ำกระจายออกไป ทั่วทั้งปฐพีพังทลาย

กุ่ยเหยียนผู้ล้มลงกับพื้นตกตะลึงจากแรงกดดันของพุทธคุณสีทอง ส่วนเทียนเม่ยเอ๋อร์ผู้อยู่ด้านข้างโดนแรงกระแทกจนกระเด็นและร่วงลงกับพื้นอย่างแรงด้วยใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ พร้อมกระอักโลหิตออกมาไม่น้อย

ไป๋อู๋อีผู้ยืนอยู่หน้าถ้ำรู้สึกอึดอัดจากแรงกระแทกของคลื่นลมในอากาศ ทำเอาโลหิตพลุ่งพล่าน ราวกับจะกระอักออกมาในเสี้ยวลมหายใจต่อมา

เขารีบขยับมือใช้กระบวนท่าบางอย่าง หลังเส้นลวดลายสีขาวแปลกประหลาดส่องแสงออกมาที่หน้าผากของเขา ใบหน้าซีดเซียวก็ผ่อนคลายขึ้นมาก

บุตรแห่งโชคชะตามองกุ่ยซู่ผู้ขับไล่ร่างพุทธคุณสีทองด้วยดวงตาเผยแววซับซ้อนออกมา

นี่คือร่างมายาพุทธคุณที่อยู่ในกระถางทองดาราสวรรค์เชียวนะ!

ถึงแม้จะห่างไกลจากพุทธะตัวจริง แต่พละกำลังของมันแก่กล้ามากจนผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเทียมเทพไม่อาจขัดขืนได้

ทว่าประมุขเผ่าภูตผีถึงกับสามารถบดขยี้มันได้ ช่างมีฝีมืออะไรอย่างนี้!

ไป๋อู๋อีรู้สึกเสียดายเล็กน้อย ตอนนี้เขายังต้องการสหายทรงพลังอย่างกุ่ยซู่อยู่

หลังจากครุ่นคิด หัวใจของเขาพลันดิ่งวูบ ต่อให้ต้องการเพียงไหน ทว่าผู้ที่ทรยศเขาล้วนแต่ต้องตาย!

ไป๋อู๋อีขยับมือทั้งสองข้างอีกครั้ง ก่อนเซียนสาวบนกระเรียนจะปรากฏขึ้นข้างกระถางทองดาราสวรรค์

นางสวมชุดสีขาวยาว ลอยล่องราวกับจ้าวแห่งสวรรค์และปฐพี มือหยกทั้งสองข้างไพล่หลัง ดวงตาดั่งน้ำอำมฤตหลุบต่ำ ไม่เผยร่องรอยความยินดีหรือเศร้าโศก ประหนึ่งสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในสวรรค์และโลกล้วนเป็นแค่มดปลวก กระบี่ยาวยอดครามลอยอยู่ตรงหน้า ราวกับเทพธิดาจากสวรรค์ชั้นเก้าจุติลงมา ทำให้ผู้คนรู้สึกยำเกรง

ตัวอักขระพุทธะรอบข้างหายไปเช่นกันเมื่อร่างสีขาวปรากฏขึ้น โลกทั้งใบเงียบสงัด

กุ่ยซู่ถือค้อนขนาดใหญ่ บังคับมือที่สั่นเทาในตอนนี้เอาไว้ เงยหน้าขึ้นมองอย่างยากลำบาก มีเหงื่อผุดพรายบางส่วนอยู่บนใบหน้า นางมองร่างสีขาวเหนือท้องนภา ในใจรู้สึกยำเกรงเล็กน้อย

พลังที่อยู่ในร่างนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าร่างพุทธคุณสีทองเมื่อครู่ เพราะเหตุนั้น นางจึงรู้สึกเหนื่อยล้า หากปะทะอีกหลายรอบ เกรงว่านางจะไม่สามารถต้านไหว

ร่างเหนือท้องนภายกมือขึ้น กระบี่ยาวยอดครามด้านข้างขยับตาม มันลอยอยู่กลางอากาศ

พายุหมุนลูกแล้วลูกเล่าก่อตัวที่ปลายกระบี่ อากาศเย็นเยือกรวมตัวในทันที ราวกับอยากบดขยี้โลกทั้งใบให้กลายเป็นชิ้น ๆ

มือขนาดเล็กของกุ่ยซู่จับค้อนยักษ์เอาไว้มั่น นางสูดหายใจเข้า สายตาจับจ้องร่างในท้องนภา ราวกับพร้อมโจมตีเข้าใส่ทุกเมื่อ

แน่นอนว่าไป๋อู๋อีเห็นว่าในตอนนี้กุ่ยซู่กำลังฝืนอยู่เล็กน้อย ในใจของเขาจึงกระหยิ่มยิ้มย่องมากขึ้น ก่อนจะหันไปมองคู่กรณี “ลู่หยวน ลองเดาดูสิว่ากุ่ยซู่จะสามารถปัดป้องได้กี่ครั้ง?”

ตั้งแต่ที่กระถางทองดาราสวรรค์ปรากฏขึ้น ลู่หยวนยืนอยู่กับที่ ไม่ขยับแม้แต่น้อย เขาดูสงบอยู่ตลอด ราวกับทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุม

เมื่อได้ยินเสียงของบุตรแห่งโชคชะตา สีหน้าเรียบเฉยของลู่หยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนเผยรอยยิ้มจางออกมา “ข้าขอตอบว่า แค่หนึ่งกระบี่ ก็สามารถสะบั้นมันลงได้”

ไป๋อู๋อีเห็นดังนี้ก็อดรู้สึกยินดีไม่ได้ ลู่หยวนผู้นี้อาจจะกลัวจนเสียสติไปแล้ว กุ่ยซู่ผู้อยู่ขั้นเทียมเทพยังไม่อาจหยุดยั้งได้เมื่อต่อกรกับอำนาจกระถางสีทองนี้หลายครั้ง คนตัวน้อยอย่างลู่หยวนผู้อยู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์จะไปมีน้ำยาทำอะไรได้?

คิดว่าตัวเองเป็นเทพสวรรค์หรืออย่างไร?!

ความอวดดีเช่นนั้น มันจะต้องจบลงในวันนี้!

“ฟาดฟัน!”

ไป๋อู๋อีตะโกนเสียงดัง ร่างเหนือท้องนภาสะบัดนิ้วหยกเรียว กระบี่ยาวยอดครามมีขนาดใหญ่ขึ้นทันที ตัดผ่านโลกในพริบตา ปราณกระบี่เย็นเยือกรวมตัวอยู่ที่ปลายกระบี่

นิ้วหยกกดแน่น กระบี่ยาวฟาดลงมา เพียงพริบตา …ท้องนภาพลันถูกผ่าแยก กระบี่ยาวเคลื่อนผ่านความว่างเปล่าเข้าหาใบหน้าลู่หยวนมากขึ้นอีกหนึ่งฉื่อ

รูม่านตาของกุ่ยซู่หดลง กระบี่เคลื่อนลงมาไวนักจนนางมองตามไม่ทัน ครั้นรู้ตัวจึงจึงยกค้อนขนาดใหญ่ขึ้น และเหวี่ยงออกไปปัดป้องการโจมตีดังกล่าวให้เจ้านาย ทว่าพริบตานั้นเอง …ร่างของลู่หยวนพลันหายไปจากตรงนั้น

ตู้มมม!

กระบี่เคลื่อนลงสู่พื้น ปฐพีกว้างใหญ่แตกเป็นเสี่ยง ๆ พื้นดินทั้งหมดจมลงไปสิบจั้ง

ยามการโจมตีพุ่งตรงลงมากระแทกกับพื้น กุ่ยซู่ต้องเค้นความเร็วทั้งหมดจากร่างกายเพื่อหลบปราณกระบี่ที่พุ่งลงมาจากท้องนภา ผืนดินที่แตกร้าวถูกทำลายอีกครั้ง หุบเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปหนึ่งพันลี้กลายเป็นหุบเหวลึกจนมองไม่เห็นก้น

แน่นอนว่าไป๋อู๋อีเห็นร่างของลู่หยวนหายไปภายใต้กระบี่ขนาดใหญ่เช่นกัน เขาจึงรีบมองรอบข้าง ในใจรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย

ทันใดนั้น เสียงเกียจคร้านก็ดังมาจากท้องนภา “เป็นแค่ยอดฝีมือจอมปลอมแท้ ๆ กล้าทำตัวอวดดีต่อหน้าข้าผู้นี้งั้นหรือ?”