บทที่ 55 ต่อสู้กับไป๋เจ๋อ (ต้น)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 55 ต่อสู้กับไป๋เจ๋อ (ต้น)

บทที่ 55 ต่อสู้กับไป๋เจ๋อ (ต้น)

ไป๋อู๋อีเงยหน้าขึ้นทันที ภาพที่เห็นคือลู่หยวนยืนตระหง่านอยู่พร้อมกับกระบี่ ชุดคลุมปลิวไสวไปตามสายลม ดูสง่างามราวกับทวยเทพ

เซียนสาวค้นพบตัวตนของบุตรศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน จึงหันหลังทันที นางดึงกระบี่ยาวแหลมคมที่เดินทางผ่านโลกจากพื้นดิน ก่อนจะฟาดฟันไปหาอีกฝ่าย

ปราณกระบี่อันไร้พรมแดนเพิ่มจำนวนขึ้นในทันที เงากระบี่ทั่วท้องนภาเข้าโจมตี จิตสังหารเย็นเยือกเคลื่อนเข้าหาศัตรู

ในพริบตา ปราณกระบี่พุ่งมาตรงหน้าลู่หยวน กำลังจะแทงทะลุในบัดดล!

ครั้งนี้กุ่ยซู่ตอบสนอง แม้เห็นได้ชัดว่ามันสายเกินกว่าจะช่วยชีวิตผู้คนได้ แต่มือขนาดเล็กยังกำค้อนเอาไว้ กลิ่นอายทั้งหมดในร่างกายระเบิดออก อากาศรอบข้างถูกบดขยี้

“ไป!”

กุ่ยซู่ทุ่มสุดตัว เหวี่ยงค้อนขนาดใหญ่สีดำพุ่งขึ้นไป!

ฟู่! ฟู่! ฟู่!

ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนแตกสลายเพราะค้อนขนาดใหญ่นี้ ก่อนค้อนจะพุ่งตรงเข้าหากระบี่ยาวแหลมคมที่อยู่ตรงกลาง

“มันสายเกินไปแล้ว!”

ไป๋อู๋อียืนเอามือไพล่หลัง เผยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ

ปราณกระบี่ที่ทะยานออกมาไม่ได้ด้อยลงแม้จะถูกค้อนยักษ์เข้าปะทะ ต่อให้กุ่ยซู่มาขวางอยู่ตรงหน้า ก็ไม่สามารถจัดการกระบี่ดังกล่าวได้อย่างง่ายดาย

ตอนนี้… ปราณกระบี่มาถึงเป้าหมายแล้ว ลู่หยวนไร้สิ้นการปกป้อง!

อีกเพียงพริบตาหนึ่งเท่านั้น ปราณกระบี่นั่นจะปะทะใส่ชายหนุ่มจนเป็นผุยผง!

ปราณกระบี่พุ่งผ่านท้องนภาไปด้วยน้ำหนักหนึ่งหมื่นจิน เพียงพริบตามันอยู่ห่างจากใบหน้าของบุตรศักดิ์สิทธิ์เพียงหนึ่งฉื่อ

ชายหนุ่มยกมือขึ้น สองนิ้วแยกจากกันช้า ๆ ราวกับพยายามจะรับปราณกระบี่ที่กำลังจะเข้ามา

เมื่อเห็นดังนี้ กุ่ยซู่จึงตกตะลึง

นายท่านกำลังจะฝืนรับกระบี่ด้วยร่างกายตัวเองงั้นหรือ?!

ไป๋อู๋อีผู้อยู่บนพื้นเห็นดังนี้ จึงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

“พรืด!”

“ฮ่า ๆๆๆๆ ลู่หยวน เจ้ามันก็แค่จักรพรรดิยุทธ์ตัวน้อย แต่ยังคิดว่าจะสามารถใช้นิ้วเพื่อฝืนรับปราณกระบี่นี้ได้ เจ้ารนหาที่ตายแท้ ๆ!”

“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร นี่คือกระบี่ที่แม้แต่ขั้นเทียมเทพยังไม่กล้ารับด้วยซ้ำ! แต่เจ้ากลับ…!?”

เสียงหัวเราะเงียบลงทันที…

ดวงตาของไป๋อู๋อีเบิกกว้าง จับจ้องกระบี่ยาวแหลมคมที่พลันหยุดนิ่งกลางท้องนภา

ปราณกระบี่ยาวขนาดใหญ่พุ่งทะยานมาหา เดิมทีมันเป็นพลังที่แม้แต่สวรรค์ก็ไม่อาจหยุดยั้ง แต่ปรานกระบี่ทรงพลังนั่นกลับถูกสองนิ้วหยุดอย่างง่ายดาย จนไม่อาจขยับไปข้างหน้าได้อีก

สีหน้าของลู่หยวนเรียบเฉย ออกแรงที่สองนิ้วเล็กน้อย เสียง ‘เปรี้ยง’ ก็ดังขึ้น กระบี่นั้นถูกบดขยี้ไปพร้อมกับปราณของมันจนไม่เหลือซาก! กลายเป็นฝนกระบี่ทั่วท้องนภา ร่วงหล่นไปเล่มแล้วเล่มเล่า

ทั่วทั้งความว่างเปล่า ซึ่งนอกจากเสียงฝนกระบี่ที่ตกลงมาแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นอีก

ลู่หยวนชักกระบี่ออกมาก่อนยืนขึ้น กระบี่มหันตภัยสั่นไหวเล็กน้อย ในองศาที่ไม่มีใครมองเห็นมีกลิ่นอายสีดำบนกระบี่มหันตภัย มันกระจายไปจนถึงปลายกระบี่ ทำให้รูปลวดลายเหมือนหอคอยขนาดเล็กที่มียอดสามชั้นซ้อนบนฐานปรากฏ

หลังจากนั้นกระบี่มหันตภัยถูกยกขึ้น กลิ่นอายแก่กล้ารวมตัวบนกระบี่มหันตภัย

บุตรศักดิ์สิทธิ์ยกกระบี่ขึ้น ก่อนฟาดลงไป!

วิ้ง!

หลังจากสิ้นเสียงกระบี่ ปราณลึกล้ำพลันพุ่งออกมา

ปราณกระบี่พุ่งลงมาจากท้องนภา ภาพมายาของเซียนสาวหายไปทันที

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ปราณกระบี่จำนวนมากเคลื่อนตาม ตรงเข้าฟาดฟันกระถางทองดาราสวรรค์

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ปราณกระบี่หลายสิบสายฟันเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า เสียง ‘แคร๊ก’ ดังขึ้นหลายครั้ง ก่อนที่รอยแตกจะกระจายทั่วกระถางสีทอง!

หลังจากนั้นไป๋อู๋อีจึงกลับมามีสติ เขารีบเรียกสมบัติลับกลับคืนมา แต่ชั่วลมหายใจนั้นเอง ลู่หยวนก็ฟันกระบี่ซ้ำอีกครั้ง

ตู้ม!

ปราณกระบี่มหันตภัยพุ่งตรงเข้าปะทะกระถางสีทอง ปราณกระบี่แรงกล้าที่เคลื่อนผ่านทำให้กระถางสีทองถูกผ่าครึ่งในทันที

ไป๋อู๋อีตกตะลึง นี่คือสมบัติลับที่ไป๋เจ๋อใช้เวลารวบรวมมาหลายปี เป็นอาวุธวิเศษที่ล้ำค่ามหาศาล!

มันถูกลู่หยวนสับเป็นชิ้น ๆ จริงหรือ?!

เหนือความว่างเปล่า บุตรศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ในอากาศพร้อมสีหน้าสงบนิ่ง

“ไป๋อู๋อี ไม่ว่าอาวุธวิเศษจะดีแค่ไหน แต่ถ้าอยู่ในมือสวะอย่างเจ้า มันก็เป็นได้แค่ขยะ”

ไป๋อู๋อีตัวแข็งทื่อ เขาจ้องมองท้องนภาอย่างเหม่อลอย ไม่อาจทำใจเชื่อได้

ระบบแจ้งเตือนว่า [จิตใจของไป๋อู๋อีหวั่นไหว ค่าชะตาของเขาลดลง 1,000 แต้ม ค่าชะตาในตอนนี้อยู่ที่ 5,000 แต้ม!]

[ค่าชะตาของท่านเพิ่มขึ้น 2,000 แต้ม ปัจจุบันนี้มีอยู่ 7,000 แต้ม!]

ลู่หยวนกระชับกระบี่ยาว ก่อนฟันไปทางไป๋อู๋อีในพริบตา!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ปราณกระบี่พุึ่งทะยานด้วยพลังมหาศาล ตรงเข้าโจมตีบุตรแห่งโชคชะตา

วิ้ง!

สิ้นเสียง… ปราณกระบี่จำนวนมากพลันช้าลง ก่อนจะค่อย ๆ หายไปในอากาศ

ไกลออกไป มีสัตว์เทพสีขาวราวหิมะ รูปทรงคล้ายกับสิงโตสีขาว มีเขาสองข้างบนศีรษะ กำลังเหยียบย่างอยู่กลางอากาศ ก่อนมันจะเข้ามาใกล้ ลู่หยวนก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังของมัน ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังเดินอยู่บนสายลมราวกับเซียนก็ไม่ปาน

มันก้าวมาข้างหน้า เปิดปากกล่าวว่า “เจ้าหนู เด็กคนนั้นอยู่ภายใต้การคุ้มครองของข้าผู้นี้ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเสีย”

เมื่อลู่หยวนมองดู จึงทราบว่ามันคือสัตว์เทพไป๋เจ๋อ

“เจ้าปกป้องเขางั้นหรือ?”

บุตรศักดิ์สิทธิ์แสยะยิ้ม “ไป๋เจ๋อ วันนี้เจ้ายังปกป้องตัวเองไม่ได้แท้ ๆ จะไปปกป้องเขาได้อย่างไร?”

สัตว์เทพยืนขวางทางอยู่หน้าไป๋อู๋อี น้ำเสียงกดต่ำเล็กน้อย “หึ เจ้าฝึกฝนมาถึงจุดนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย คงจะยากลำบากไม่เบา ดังนั้นข้าจะปล่อยเจ้าไป หวังว่าเจ้าจะไม่ตัดสินใจผิดพลาด!”

รอยยิ้มหยันปรากฏที่มุมปากของคนฟัง “ปล่อยข้าผู้นี้ไปงั้นหรือ? ไป๋เจ๋อนะไป๋เจ๋อ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เชียว การคลอดบุตรของเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว ปราณวิญญาณจำนวนมากรวมอยู่ในท้องของเจ้า เพื่อคอยปกป้องลูกน้อย เจ้าในตอนนี้ จะไปมีพลังมาต่อสู้กับข้าได้อย่างไร?”

ดวงตาของไป๋เจ๋อหลุบต่ำ สิ่งที่ลู่หยวนพูดมาเป็นความจริง หากไม่ใช่เพราะปกป้องทารกในครรภ์ ทำไมต้องมาเสียเวลาเจรจาด้วย?

ด้วยพลังของมันในยามปกติ หากออกแรงเสียหน่อย ย่อมสามารถฆ่าชายตรงหน้าได้ในคราวเดียว!

ถึงแม้มันจะรออยู่ในถ้ำเพื่อให้กำเนิดบุตร แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอก

ไป๋อู๋อีก็เหลือเกิน! รอให้ทุกอย่างมันเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยเริ่มหาเรื่องกับคนผู้นี้ไม่ได้หรือ?!

ตอนนี้กระถางทองดาราสวรรค์หายไปแล้ว มันจึงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อปกป้องบุตรแห่งโชคชะตาเอาไว้!

ลู่หยวนไม่มีอารมณ์จะมาเสียเวลากับไป๋เจ๋อที่นี่ เขาหันกระบี่ไปข้างหน้า “ไป๋เจ๋อ ข้าขอบอกตามตรง ไป๋อู๋อีผู้นี้จะต้องตายอย่างแน่นอน เจ้าติดตามข้าเสียยังดีกว่า”

เมื่อไป๋เจ๋อทราบว่าเรื่องในวันนี้คงไม่อาจคลี่คลายได้ มันจึงไม่คาดหวังให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เป็นฝ่ายถอย ก่อนจะเตรียมทุ่มทุกอย่างที่มี!

มันเย้ยหยันออกมา “ข้าคือสัตว์เทพ ต่อให้ต้องตายก็ไม่ร่วมมือกับมารเช่นเจ้าเด็ดขาด!”

“ตั้งแต่เจ้าย่างเท้ามาที่นี่ ข้าก็สามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจของมารในร่างกายเจ้า ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าใช้วิธีใดในการปกปิด แต่ทุกลมหายใจในร่างกายของเจ้าไม่อาจเล็ดลอดจมูกของข้าไปได้!”

คู่กรณียกมุมปาก “ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ต้องเตรียมตัวตายแล้วละ!”

กระบี่ยาวในมือของชายหนุ่มแผ่ปราณออกมา สายลมแรงกล้าโหมกระหน่ำอยู่รอบตัวเขา พายุดังกล่าวแปรเปลี่ยนพื้นที่โดยรอบเป็นอาณาเขตสีโลหิต

เพียงชั่วพริบตา ทั่วทั้งความว่างเปล่าพลันถูกห้อมล้อมโดยอาณาเขตแดนฉาน แรงกดดันเข้มข้นปกคลุมจากทุกทิศทาง …มหาศาลราวกับความตายเคลื่อนเข้ามาช้า ๆ

ต่อให้เป็นไป๋เจ๋อก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันแห่งความตายที่ส่งผลถึงวิญญาณโดยตรง ทำให้มันต้องจริงจังมากยิ่งขึ้น

คนตรงหน้าคล้ายอยู่เพียงขั้นจักรพรรดิยุทธ์เท่านั้น แต่กลับได้รับพรจากมาร หากทุ่มสุดตัวคงไม่อาจรู้ได้ว่าอีกฝ่ายจะสามารถสำแดงพลังอันแก่กล้าได้เท่าไร