บทที่ 403 ดื่มจนเมามาย หรือสมองมีปัญหากัน

รู้สึกตัวอีกที-ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว-原來我是世外高人

บทที่ 403 ดื่มจนเมามาย หรือสมองมีปัญหากัน?

พวกหลิงอินพร้อมด้วยชิงหนิวทั้งสี่ตนกลับไปยังหุบเขาคงหลิงด้วยค่ายกลเคลื่อนย้าย

“หากในอนาคตมีเรื่องอะไรอีก แม่นางหลิงอินสามารถมาหาข้าได้เลย!”

จ้าวหุบเขากล่าวออกมาด้วยสีหน้ากระตือรือร้น

“ตกลง”

หลิงอินยิ้ม นางรู้ว่าจ้าวหุบเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ ทว่านางก็ไม่ได้มอบอะไรให้กับอีกฝ่าย

ความสัมพันธ์ของนางกับจ้าวหุบเขายังไม่ได้ดีถึงเพียงนั้น ที่นางให้ผักกาดขาวกับอสูรฟ้าชิงหนิวก็เพราะนางต้องการจะพาพวกมันไปให้ท่านเซียน

หลังจากนั้น หญิงสาวก็เอ่ยร่ำลาจ้าวหุบเขาแล้วกลับไปยังเมืองชิงซาน

ในอีกด้านหนึ่ง เซี่ยเหยียนกำลังพาตัวผู้อาวุโสสิบเจ็ดกลับไปยังที่ตั้งของตระกูลไป๋

สถานที่ตั้งของตระกูลไป๋งดงามเป็นอย่างยิ่ง มีสิ่งปลูกสร้างโบราณเรียงรายเป็นทิวแถว ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความพิเศษไม่ธรรมดา เปี่ยมด้วยไอปราณอุดมสมบูรณ์จนน่าตื่นตะลึง วัตถุดิบสำหรับการฝึกฝนระดับสูงที่หายสาบสูญไปจากโลกภายนอกเป็นระยะเวลานานกลับสามารถพบพานได้มากมาย ณ ที่แห่งนี้ เป็นสถานที่กล่าวได้อย่างเต็มปากว่าเป็นดินแดนแห่งขุมทรัพย์ ขอเพียงแค่มาเยือนไม่จำเป็นต้องฝึกฝน ก็สามารถได้รับผลประโยชน์มหาศาล

ถ้าหากได้ฝึกฝนที่นี่ ผลประโยชน์จะยิ่งเพิ่มทวี ใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว อย่างน้อยก็ได้ผลลัพธ์แตกต่างจากภายนอกหลายเท่า

ตระกูลไป่ตั้งอยู่ในสถานที่ที่เป็นเหมือนโลกใบเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง หากไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายตรงเข้ามา ก็เป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับเซี่ยเหยียนที่จะเสาะหาสถานที่แห่งนี้จนพบ

“ช่วยข้าด้วย!”

ทันทีที่นางและผู้อาวุโสสิบเจ็ดปรากฏตัวขึ้น ผู้อาวุโสสิบเจ็ดก็ตะโกนออกมาเสียงดังหวังให้คนในตระกูลมาช่วยตน

“ทำตัวดี ๆ หน่อย!”

เซี่ยเหยียนกล่าวขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะตบหัวผู้อาวุโสสิบเจ็ดจนหน้าทิ่มลงกับพื้น

ยอดนิกายควรค่าแก่การเคารพ แต่ผู้อาวุโสสิบเจ็ดไม่สมควรได้รับความเคารพ

ไม่แยกแยะผิดถูก หุนหันพลันแล่น ลำเอียงเข้าข้างญาติไม่สนคุณธรรม หากไม่ใช่เพราะนางแข็งแกร่งเพียงพอ เกรงว่าคงจะถูกผู้อาวุโสสิบเจ็ดสังหารไปแล้ว

“เจ้าเป็นใครกัน!”

เกิดเงาร่างวูบไหว ตามมาด้วยคนจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ผู้อาวุโสสิบเจ็ด!”

“บังอาจ!”

เมื่อเห็นผู้อาวุโสสิบเจ็ด พวกเขาทั้งตกตะลึงและโกรธเกรี้ยว

ผู้อาวุโสสิบเจ็ดเป็นถึงขั้นวิถีสูงสุด กลับตกอยู่ในสภาพปางตายทำให้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อ

ส่วนสิ่งที่ทำให้พวกเขาโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ก็คือการที่ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ของพวกเขาโดนคนที่อยู่เบื้องหน้าตบหัวจนหน้าทิ่มลงพื้นอย่างไร้ซึ่งเกรงกลัวภายในเขตแดนตระกูลไป๋!

การกระทำเช่นนี้นับเป็นการยั่วยุตระกูลไป๋โดยไม่ต้องสงสัย!

ประเดี๋ยวก่อน…

หรือว่าคนที่อยู่ด้านหน้าพวกเขาจะเป็นคนทำร้ายผู้อาวุโสจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้?

ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมาในใจของพวกเขา

แต่พวกเขาก็ปฏิเสธความคิดดังกล่าวอย่างรวดเร็ว

จะเป็นไปได้อย่างไร?

เซี่ยเหยียนดูแล้วอายุเพียงประมาณยี่สิบปี จะสามารถทำร้ายผู้อาวุโสสิบเจ็ดที่อยู่ในขั้นวิถีสูงสุดได้อย่างไร?

อีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสสิบเจ็ดทรุดตัวอยู่บนพื้น หวาดกลัวเสียจนไม่กล้าจะหายใจ ไม่กล้าจะตะโกนอะไรออกมาอีก

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป หลงเหลือเพียงเศษเสี้ยววิญญาณ หากเซี่ยเหยียนต้องการก็สามารถสังหารเขาได้ทุกเมื่อ

“ผู้นำตระกูลพวกเจ้าเล่า?”

สีหน้าของเซี่ยเหยียนสงบนิ่ง นางต้องการจะพบและพูดคุยกับผู้นำตระกูลไป๋โดนตรง จะได้ไม่ต้องเผชิญกับความยุ่งยากไม่รู้จบ

“ท่านผู้นำออกไปทำธุระไม่ได้อยู่ที่นี่ เจ้าเป็นใครกัน!?”

คนจากตระกูลไป๋ที่ดูแข็งแกร่งผู้หนึ่งตะโกนออกมาเสียดัง

“ไม่อยู่อย่างนั้นหรือ?”

เซี่ยเหยียนกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ถ้าเช่นนั้นข้าจะรออยู่ตรงนี้จนกว่าผู้นำตระกูลพวกเจ้าจะกลับมา”

ช่าง…ขวัญกล้ายิ่งนัก!

ท่าทางราวกับไม่ได้เห็นพวกเขาชาวตระกูลไป๋อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย!

หนึ่งความคิดแล่นเข้ามาในใจคนตระกูลไป๋ทุกคน ณ ที่แห่งนี้ หรือว่าผู้อาวุโสสิบเจ็ดจะถูกเซี่ยเหยียนทำร้ายจริง ๆ?

“เหตุใดผู้อาวุโสสิบเจ็ดจึงอยู่ในสภาพบาดเจ็บเช่นนี้? เป็นเจ้าที่ลงมือกับผู้อาวุโสสิบเจ็ดใช่หรือไม่?”

มีผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่งถามออกมาเสียงดัง

“ใช่”

หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างไม่ปิดบัง “เหตุที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ก็ล้วนมาจากตนเองทั้งสิ้น ข้ามาที่นี่เพื่อพบกับผู้นำตระกูลพวกเจ้าเพื่อพูดคุยเรื่องราวที่เกิดขึ้น”

เป็นนางจริง ๆ หรือ!?

หลังจากได้ยินเซี่ยเหยียนตอบกลับมา คนตระกูลไป๋ทั้งหมดต่างอ้าปากค้าง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้

ทำได้อย่างไร!?

พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าชนรุ่นเยาว์อย่างเซี่ยเหยียนจะสามารถจัดการผู้ที่อยู่ขั้นวิถีสูงสุดจนบาดเจ็บสาหัสได้!?

ทว่าเหตุผลกลับบอกพวกเขาว่านี้อาจจะเป็นเรื่องจริง หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาอาจสามารถจัดการผู้อาวุโสสิบเจ็ดได้!

ไม่เช่นนั้นนางจะกล้ายอมรับได้อย่างไร? ซ้ำยังกล้าตบหัวผู้อาวุโสสิบเจ็ดในเขตแดนของพวกเขา!

หากไม่แข็งแกร่งเพียงพอ นี่นับว่าเป็นการรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

“ศัตรูบุก!”

พวกเขามีหน้าที่ลาดตระเวนปกป้องเขตแดนตระกูลไป๋จึงไม่กล้าจะประมาท รีบตีกลองรบขึ้นจนดังก้องไปทั่วเขตแดนตระกูลไป๋

จะสามารถจัดการเซี่ยเหยียนได้หรือไม่!?

ผู้อาวุโสสิบเจ็ดคิดขึ้นมาในใจอย่างหวาดหวั่น

ยอดนิกายสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ความแข็งแกร่งได้รับการเคารพจากโลกทั้งใบ ลึกล้ำเกินกว่าจะจินตนาการออก ทว่าในยามนี้เขากลับเกิดความไม่มั่นใจ

แม้ว่าพวกเขาจะมีข้อได้เปรียบในชัยภูมิเนื่องจากอยู่ในเขตแดนของตระกูลไป๋ก็ตาม!

เซี่ยเหยียนถึงกับกล้าที่จะมาเยือนยังเขตแดนของตระกูลไป๋ด้วยความคิดของตนเอง หากนางไม่มั่นใจ แล้วนางยังจะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร!?

คงไม่มีผู้ใดคิดรนหาความตาย เขารู้สึกว่าแม้จะเป็นตระกูลไป๋ ก็ยังยากที่จะเอาชนะหญิงสาว

หลังจากความคิดเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาในใจ เขาก็เอ่ยตำหนิตัวเองทันที เหตุใดเขาที่โตขึ้นมาพร้อมกับความภาคภูมิใจ จึงสูญสิ้นศักดิ์ศรีของตนเอง?

ยอดนิกายที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน จะไม่สามารถจัดการกับสตรีตัวน้อยขั้นราชันเทวาได้อย่างไร?

ไม่มีทางเป็นไปได้!

เขาไม่เชื่อ!

ตึง! ตึง! ตึง!

เสียงกลองรบหนักแน่นดังก้องไปทั่วตระกูลไป๋

หลังจากนั้นก็ปรากฏเส้นแสงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานออกมาจากทั่วทุกแห่งของตระกูลไป๋ ปราณที่แผ่ออกมาจากแสงแต่ละเส้นน่าสะพรึงกลัวปนน่าหวาดหวั่นชวนให้ใจสั่นสะท้านหวาดเกรง

หลังจากนั้นก็ปรากฏร่างของผู้แข็งแกร่งบนสถานที่แห่งนี้ทีละร่างทีละร่าง มีขอบเขตนักบุญหลายร้อย ขั้นสูงสุดอีกหลายสิบ มีกระทั่งขอบเขตจักรพรรดิและมหาจักรพรรดิจำนวนอีกไม่น้อย

นี่เป็นกลองรบขั้นสูงสุด หมายความว่ามีศัตรูอันแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งบุกรุกตระกูลไป๋!

ดังนั้นเหล่าผู้แข็งแกร่งทุกคนที่ได้ยินเสียงกลองจึงไม่กล้าละเลยรีบมุ่งตรงมายังสถานที่แห่งนี้ทันที!

“แข็งแกร่งยิ่ง…”

เซี่ยเหยียนอดรำพึงออกมาไม่ได้

ระดับนักบุญที่พบพานได้ยากยิ่งบนโลกใบนี้ กลับมีอยู่มากมายภายในตระกูลไป๋ มีกระทั่งขอบเขตสูงสุดจนถึงมหาจักรพรรดิอยู่ไม่น้อย ช่างน่าตื่นตะลึงเสียจริง!

นางสัมผัสถึงความโรยราจากปราณของผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ไม่ได้ หมายความว่าคนเหล่านี้รวมทั้งจักรพรรดิและมหาจักรพรรดิยังคงห่างไกลจากขีดจำกัด

นี่คือขุมกำลังของยอดนิกายอย่างนั้นหรือ?

ช่างน่าหวั่นเกรงจริง ๆ!

“สถานการณ์…เป็นเช่นไร!?”

“พวกเจ้าดื่มมากไปหรือเปล่า?”

เหล่าผู้แข็งแกร่งของตระกูลไป๋ที่ปรากฏตัวขึ้นมาต่างพากันแสดงสีหน้าแปลกประหลาดหลังจากเห็นเซี่ยเหยียน

ผู้ที่ลั่นกลองรบดื่มจนเมามายหรือเปล่า?

ตีกลองรบขึ้นมาเพราะหญิงสาวผู้หนึ่ง!?

พวกเขาต่างบื้อใบ้ เห็นได้ชัดว่าเซี่ยเหยียนเป็นเพียงราชันเทวาผู้นั้น ขอบเขตของพวกเขาล้วนสูงกว่านางเป็นอย่างมาก

เพียงแค่ราชันเทวาผู้หนึ่ง…

เพียงแค่ราชันเทวาผู้หนึ่งกลับตีกลองรบขั้นสูงสุดขึ้น ทำให้ขอบเขตนักบุญจนกระทั่งถึงขอบเขตมหาจักรพรรดิจำต้องรีบร้อนออกมา

ผู้ที่ตีกลองกำลังคิดสิ่งใดอยู่!?

หรือว่าสมองมีปัญหาแล้ว?