บทที่ 64 ฟ่อฟ่อ

ชายแก่ในโรงเตี๊ยมจ้องเงาสวี่ชิงที่ห่างออกไป ในดวงตามีจิตสังหารสว่างวาบ จนกระทั่งสวี่ชิงหายไปจากหัวถนน เขาก็ไม่เลือกลงมือ

และระหว่างที่นิ่งงัน จิตสังหารในดวงตาก็ค่อยๆ หายไป

หัวงูเหลือมขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง ห้อยลงมาจากคานด้านบนลงมาอยู่ข้างๆ ชายชรา ในปากส่งเสียงฟ่อออกมาราวกับกำลังพูด

“ทำไมข้าไม่สังหารเขาเสียรึ” ชายชรากลอกตา

“เจ้าเด็กคนนี้ดูชั่วร้ายมาก ความรู้สึกที่ให้ข้าอันตรายเสียเหลือเกิน นอกเสียจากจะใช้ไม้ตาย…”

“ฟ่อฟ่อ”

“เจ้าต่างหากที่เป็นขยะ พวกเจ้ามันขยะกันทั้งบ้าน! กินๆๆ รู้จักแต่กินอย่างเดียว เอาเถอะ กินซะสิ” ชายชราพึมพำ ทันใดนั้นงูเหลือมด้านข้างก็พุ่งตัวออกไปทันที งับร่างของนักพรตหนูแล้วกลืนลงไป จากนั้นจึงค่อยๆ เลื้อยกลับไปยังคานด้านบน

และสวี่ชิงเวลานี้ก็ตรงกลับไปยังกรมปราบพิฆาตยามราตรี หลังจากส่งมอบภารกิจอย่างราบรื่นก็หยิบหินวิญญาณสิบห้าก้อนเดินตรงไปยังร้านอาหารเช้าที่ประชาชนทั่วไปเปิด

สวี่ชิงดื่มน้ำเต้าหู้อุ่นๆ ไปหนึ่งชาม กินขนมปิ่ง[1]ไปหลายชิ้น ก็สั่งไข่มาเพิ่มอีกสามฟองอย่างสิ้นเปลืองด้วยการแนะนำอย่างอบอุ่นจากเจ้าของร้านหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อกินหมด จึงกลับไปยังที่ท่าจอดเรือเวทอย่างระมัดระวัง

สิ่งที่ได้รับรอบนี้ไม่ใช่แค่หินวิญญาณสิบห้าก้อนอย่างที่เห็นผิวเผิน ในถุงหนังของนักพรตหนูยังมีหินวิญญาณอีกก้อนรวมถึงของสัพเพเหระอีก สวี่ชิงคำนวณจากราคาสิ่งของในท่าเรือ ก็พบว่ายังขายได้ราคาอีกประมาณสามก้อน

“เหมือนวิธีนี้จะหาเงินได้ดีสุด” สวี่ชิงงึมงำ เริ่มฝึกบำเพ็ญต่อ

ผ่านไปหนึ่งวันอย่างรวดเร็ว สวี่ชิงลืมตาขึ้นยามที่ค่ำคืนมาถึง วันนี้ไม่ใช่เวรกลางคืนของเขา แต่สวี่ชิงก็ยังเดินออกจากเรือเวทท่ามกลางแสงจันทร์ ตรงไปยังถนนทองผุด

ในเมื่อการเฝ้าต้นไม้รอกระต่ายใช้หาเงินได้ สวี่ชิงก็คิดจะเล่นไม้นี้อีกสักหน่อย

เงาของสวี่ชิงจึงปรากฏบนถนนทองผุดอีกครั้งเช่นนี้ตอนช่วงเที่ยงคืน หลังจากเดินวนรอบหนึ่ง เขาก็ไม่ได้หยุดรอในจุดของเมื่อวานนี้ แต่เปลี่ยนตำแหน่งใหม่ จับจ้องไปที่โรงเตี๊ยม ไม่ขยับเขยื้อน

และผ่านไปไม่นานเท่าไร ยังไม่ทันที่คนในประกาศจับจะมา สวี่ชิงกลับได้พบกับชายชราของโรงเตี๊ยมแทนในครั้งนี้

ชายชราเดินออกมาจากโรงเตี๊ยม ตรงมาหยุดในจุดที่ห่างจากสวี่ชิงหนึ่งจั้ง สีหน้าเคร่งขรึม จ้องสวี่ชิงเขม็ง

“เจ้าหนู เจ้าเอาแต่ก่อปัญหาเช่นนี้ คิดว่าข้าไม่จะไม่ลงมือจริงหรือ”

“เปล่า” สวี่ชิงตอบกลับเสียงเรียบ

“เจ้า…” พอเห็นท่าทีเช่นนี้ของสวี่ชิง ชายชราก็ไม่รู้ควรจะพูดอะไรต่อ ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็กัดฟันเอ่ยขึ้น

“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ วันๆ มานั่งเฝ้าอยู่ที่นี่”

สวี่ชิงนิ่งงัน หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ เขาก็เหลือบมองชายชราผาดหนึ่ง เอ่ยขึ้นเสียงเข้ม

“ข้าจะหาเงิน”

“ข้าเองก็ต้องหาเงิน!” หนวดในดวงตาชายชราเริ่มผุดออกมา หน้าผากก็เริ่มมีรอยปริแตกอีกครั้ง กลิ่นอายเย็นเยียบแผ่ซ่านออกมาในพริบตา

“ถ้าเจ้ายังทำเช่นนี้ ก็ไม่มีใครกล้ามาโรงเตี๊ยมของข้าแล้ว เจ้าส่งผลกระทบกับกิจการข้า” ชายชราเอ่ยออกมาทีละคำๆ จ้องสวี่ชิงเขม็งระหว่างที่กลิ่นอายแผ่ซ่าน

“ออกไปจากที่นี่เสียเดี๋ยวนี้!”

สวี่ชิงครุ่นคิด เขารู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมีเหตุผล ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป คงไม่มีใครกล้าเข้ามาจริงๆ จึงพยักหน้า แล้วออกจากตำแหน่งตอนนี้ เดินไปอีกด้านหนึ่งของถนน

ที่นั่น เร้นลับยิ่งกว่า

เดิมคิดว่าสวี่ชิงจะไปแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแค่เปลี่ยนตำแหน่งซุ่มตัวให้เร้นลับกว่าเดิม ภาพนี้ทำเอาเส้นเอ็นในหัวชายชราปูดโปน หัวเราะออกมาด้วยโทสะไม่พูดอะไรต่อ ระหว่างโบกมือหน้าผากก็ปริแยกออก ศีรษะแบ่งเป็นสองซีก เอียงแบะเป็นสองข้าง

และที่ศีรษะเดิมของเขา ก็ปรากฏแสงสีแดงเส้นหนึ่งแผ่ความกระหายเลือดออกมา และด้านในยังห่อหุ้มหนวดเลือดเนื้ออีกกลุ่มก้อนหนึ่งเอาไว้

ในภาพขนพองสยองเกล้านี้ หนวดเหล่านั้นเลื้อยยื่นออกมาต่อเนื่อง ชายชราเดินตรงไปหาสวี่ชิงอย่างดุร้าย

ขณะที่คลื่นพลังอันตรายแผ่ซ่าน งูเหลือมยักษ์ในโรงเตี๊ยมก็โผล่หัวออกมา เส้นเชือกหลายเส้นปรากฏเป็นภาพมายา ห้อยลงมายังตำแหน่งหัวถนน ปิดล้อมสวี่ชิงไว้

สวี่ชิงหรี่ตาลง มองไปยังชายชราที่เดินเข้ามา เอ่ยขึ้นแช่มช้า

“จุดนี้คือหัวถนน ไม่ใช่โรงเตี๊ยมของเจ้า ข้าเคารพกฎของเจ้า ไม่ทำอะไรด้านในโรงเตี๊ยม แต่ถ้าเจ้ายังร้องขอว่าห้ามทำอะไรหลังจากที่พวกเขาออกมาอีก นั่นก็ดูจะไร้เหตุผลเกินไป

“หรือว่าพักกับเจ้าที่นี่ ค่าที่พักเองก็รวมไปถึงการป้องกันเวลาออกข้างนอกด้วยหรือ” สวี่ชิงพูดจบ จ้องมองชายชรา เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่พูดด้วยเหตุผลอยู่เหมือนกัน

ชายชราหยุดฝีเท้า

“ถ้ารวมด้วยแล้วจะทำไม!”

สวี่ชิงนิ่งงัน ล้วงเหรียญวิญญาณถุงหนึ่งออกจากถุงหนังแล้วโยนออกไป น่าจะประมาณสองร้อยเหรียญ

ชายชรามึนงง

“ในเมื่อรวมกับการคุ้มครองเวลาออกข้างนอกแล้ว เช่นนั้นข้าจ่ายค่าเช่าสองวัน ตอนนี้เจ้าก็ปกป้องข้าได้แล้ว” สวี่ชิงเอ่ยขึ้นอย่างตั้งใจ

ชายชราถือเหรียญวิญญาณ นิ่งงันมองดูเหรียญวิญญาณอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้ามองสวี่ชิง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัด ศีรษะทั้งสองด้านผสานปิดกันอีกครั้ง เผยสีหน้ายอมจำนน

“ฟ่อฟ่อ…” หัวงูเหลือมที่โผล่ออกก็ส่งเสียงมาจากในโรงเตี๊ยมไม่ไกล

“หุบปาก ข้ารู้ว่าที่เขาพูดก็มีเหตุผล!” ชายชราจ้องมองงูเหลือมอย่างเดือดดาล

เขาเป็นคนที่คุยกันด้วยเหตุผลจริงๆ แล้วก็…สิ่งที่สวี่ชิงพูดเองก็มีเหตุผลมากเช่นกัน หาข้อโต้แย้งไม่ได้เลย

อีกฝ่ายไม่ได้ทำลายกฎของตนเองจริงๆ หนำซ้ำยังให้เหรียญวิญญาณมาอีกด้วย แล้วถ้ายังยึดมั่นกับคำพูดก่อนหน้า เช่นนั้นตอนนี้ ตามหลักแล้วเขาก็ต้องปกป้องอีกฝ่าย…

ทั้งหมดนี้ทำให้ความรู้สึกลำบากใจของชายชราโรงเตี๊ยมยิ่งแรงกล้าขึ้น ยืนอยู่ตรงนั้นจ้องมองสวี่ชิง สวี่ชิงก็มองเขาด้วยเช่นกัน

ทั้งสองคนจ้องมองกัน ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายชราก็ถอนหายใจ

“ข้าบอกเบาะแสประกาศจับให้เจ้าสองคนแล้วกัน เจ้าไปจับคนตามเบาะแสนี้เถอะ อย่ามาหาที่โรงเตี๊ยมข้าเลย”

ชายชราพูดจบก็หยิบแผ่นหยกชิ้นหนึ่งออกมา หลังจากบันทึกข้อมูลบางอย่างก็โยนให้สวี่ชิง ไม่คืนเหรียญวิญญาณ และเดินกลับไปยังโรงเตี๊ยมโดยไม่เหลียวหลัง

เชือกรอบด้านก็สลายไปตามการจากไปของเขา งูเหลือมในโรงเตี๊ยมยกหัวขึ้น พยักหน้าหงึกหงักให้กับสวี่ชิงที่ห่างออกไปราวกับทักทาย จากนั้นก็หายตัวตามไปเช่นกัน

สวี่ชิงมองแผ่นหยกในมือ ด้านในมีสถานที่รวมไปถึงชื่อของคนตามประกาศจับอยู่สองคน เมื่อเก็บลงไปแล้วเขาก็ก้มหน้า รวบรวมเศษผงซึ่งตรวจจับได้ยากบางส่วนที่สาดไว้บนกำแพงรอบๆ กลับมา จากนั้นก็สาดตัวกลางที่ไม่ทำให้เกิดพิษบางส่วนลงไปบนพื้น

จากนั้นก็เดินผ่านถนนไปยังจุดที่ซ่อนตัวอยู่ก่อนหน้า มือขวาก็คอยพัดโบกเบาๆ ทำให้ผงพิษทั้งหมดที่อยู่บนพื้นรวมถึงกลางอากาศให้กลายเป็นตัวกลางที่ไม่มีพิษตลอดทาง จากนั้นก็ไปจัดการเช่นนี้ต่อในจุดที่เขาซ่อนอยู่ก่อนหน้า

สุดท้าย เขาก็ขุดเอาพืชสีเขียวเจ็ดแปดต้นข้างๆ ออก

พืชเขียวเหล่านั้นมีพิษห้าชนิดแฝงอยู่จึงไม่รอดแล้ว

เดิมทีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของเขาเมื่อครู่ก็มีการจัดเตรียมไว้แล้ว ไม่ว่าจะจุดเดิมของเขา หรือว่ามุมที่เร้นลับยิ่งกว่าอีกด้านของถนน ก็ล้วนถูกเขาวางผงพิษไว้ทั้งหมด

“โดนพิษสามสิบเจ็ดชนิดของข้าไป กลับไม่แสดงอาการทันที…” เมื่อจัดการพิษเสร็จ สวี่ชิงหันหน้ากลับมามองทางโรงเตี๊ยม ดวงตาหรี่ลง หันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว

และหลังจากที่เขาออกไป สีหน้าเรียบสงบของชายชราในโรงเตี๊ยมก็หายไปในพริบตา ระหว่างที่หายใจหอบถี่ก็รีบควานหายาลูกกลอน หลังจากกินลูกกลอนแก้พิษกว่าสิบชนิดลงไป ก็รีบทำปางมือ จัดการเผาถุงหนังของสวี่ชิงทิ้ง

เหรียญวิญญาณด้านใน ก็ถูกเผาหายไปด้วย

“เจ้าเด็กคนนี้โหดเหี้ยมเสียจริง ตลอดทางมีแต่พิษ ขนาดเหรียญวิญญาณที่ให้ข้าก็ยังฉาบพิษไว้!”ชายชราเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อันที่จริงที่เขายอมประนีประนอมด้วยเมื่อครู่ หนึ่งคือคำพูดของสวี่ชิงมีเหตุผล สองก็คือ…เขาในตอนนั้น เกือบจะควบคุมการปะทุของความเป็นพิษในร่างกายไม่ไหวแล้ว”

เรื่องหลัง เป็นปัจจัยที่ใหญ่กว่า

“อายุเพิ่งไม่เท่าไร ก็ยังทำเรื่องเสียขนาดนี้…อีกหน่อยพอโตขึ้น เจ้านี่คงจะกลายเป็นดาวมฤตยูของเผ่ามนุษย์เป็นแน่” ชายชราหอบหายใจ ระหว่างที่บ่นอุบก็มีเสียงฟ่อฟ่อจากบนคานแว่วลงมา

“เจ้าชอบเขาหรือ

เขาเองก็ชอบเจ้าเหมือนกัน เจ้าไม่ได้สังเกตหรือ ตอนที่เจ้าปรากฏตัวครั้งแรก ตำแหน่งที่เขามองเจ้าก็คือตรงดีของเจ้า” ชายชรายิ้มเย็นชา

เสียงฟ่อหยุดลงทันควัน

เวลานี้สีท้องฟ้าราตรีด้านนอกกำลังเข้มข้น สวี่ชิงวิ่งทะยานบนถนนด้วยความเร็วสูง แน่นอนว่าเขาไม่ได้เชื่อตำแหน่งที่ชายชราบอกเขาไปเสียหมด ดังนั้นหลังจากคิด เขาก็หยิบป้ายฐานะสื่อเสียงไป จากนั้นก็เก็บป้ายลง ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่จากนั้นจึงเดินหน้าต่อ

ตำแหน่งแรก ห่างไกลผู้คนไปหน่อย หลังจากสวี่ชิงไปถึงก็ย่อตัวลงนั่งอยู่นาน สังเกตอย่างละเอียด สุดท้ายจึงยืนยันว่าแม้ที่นี่จะเคยมีคนอยู่ แต่เหมือนไม่ได้กลับมานานแล้ว

ดังนั้นจึงล้มเลิก ไปต่อยังตำแหน่งที่สอง

สถานที่ที่สองคือบ่อนพนันแห่งหนึ่ง คนพลุกพล่าน เสียงต่างๆ นานาดังไปทุกทิศ สวี่ชิงย่อตัวนั่งอยู่บนหลังคาที่ไม่ห่างออกไปนักแห่งหนึ่ง คอยสังเกตอย่างเย็นชา

คนร้ายประกาศจับคนหนึ่งตามแผ่นหยกของชายชราที่ชื่อว่าซุนเต๋อวั่ง ช่วงนี้ขึ้นมาอยู่บนชายฝั่ง ทุกวันอยู่แต่ในบ่อนพนันแห่งนี้

คนผู้นี้ไม่ใช่เผ่ามนุษย์แต่เป็นชาวต่างเผ่า พลังบำเพ็ญไม่ธรรมดา รวมปราณขั้นเก้า ปกติใช้ชีวิตอยู่ในทะเลต้องห้าม เป็นโจรสลัดคอยทำแต่เรื่องชั่วช้า ชื่อเสียงค่อนข้างโด่งดัง บนแผ่นหยกประกาศจับเน้นไว้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายมาจากกลุ่มโจรสลัดที่ชื่อว่าภูตสมุทร

กลุ่มโจรสลัดกลุ่มนี้เป็นหนึ่งในขั้วอำนาจโจรสลัดที่โลดแล่นอยู่ในทะเลต้องห้าม

ส่วนรางวัลนำจับของซุนเต๋อวั่งก็สูงลิบ ค่าหัวเป็นหินวิญญาณถึงสี่สิบก้อน และที่มาของเงินรางวัลก็มากมาย รวบรวมมาจากเรือการค้าถึงสิบกว่าลำเลยทีเดียว

เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้โหดเหี้ยมมากในท้องทะเล

ดังนั้นสวี่ชิงจึงไม่บุ่มบ่าม คอยสังเกตกว่าครึ่งชั่วยาม เห็นนักพนันหลายรูปแบบเข้าๆ ออกๆ ได้ยินเสียงพูดคุยเรื่องพนันของพวกเขา ในนั้นมีทั้งเสียงอึดอัด เสียงเบิกบาน เสียงฮึกเหิมและเสียงหมดอาลัยตายอยาก

หลังจากยืนยันว่าแถวนี้ไม่มีคลื่นพลังวิญญาณที่สูงนักแล้ว สวี่ชิงจึงคุร่นคิดและไม่เลือกเข้าไปตรวจสอบ แต่ยังรออยู่ด้านนอก

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปเช่นนี้ สองชั่วยามต่อมา ช่วงฟ้าใกล้จะสาง ในที่สุดสวี่ชิงก็เห็นเป้าหมาย

นั่นเป็นชายร่างอ้วนในชุดผ้าแพรปักดิ้นทั้งตัว ดูแล้วเหมือนเจ้าขุนมูลนายที่ร่ำรวยคนหนึ่ง เดินออกมาจากบ่อน แต่เดินได้ไม่กี่ก้าว เขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างระแวดระวัง สายตาตกไปยังตำแหน่งซ่อนตัวของสวี่ชิง ดวงตาหรี่ลงทันที เผยแสงอันตรายวูบหนึ่งออกมา

“วันนี้มันซวยจริงๆ เสียเงินที่ข้าหามาได้ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ไปจนหมด พอออกมาก็ยังมาเจอพวกนักล่าอีก รวมปราณขั้นเจ็ดตัวจ้อยคนนึงก็คิดจะออกล่าเสียอย่างนั้น เบื่อใช้ชีวิตแล้วหรือไร รีบไสหัวไปเสียจะดีกว่า!” ชายอ้วนคนนี้พูดพลางออกเดิน พุ่งตัวมายังจุดที่สวี่ชิงอยู่ฉับพลัน

เวลานี้ฟ้าใกล้จะสาง ประกายเย็นในตาสวี่ชิงสว่างวาบ และพุ่งตัวออกมาด้วยเช่นกัน

[1] ปิ่ง (饼) เป็นขนมอบหรือย่างของชาวจีน มีรูปร่างคล้ายกับขนมเปี้ยะ