ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล

ฉินเทียนปฏิเสธไปแล้ว
เป็นการปฏิเสธที่ตรงไปตรงมา ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเขาจะปฏิเสธมัน นอกจากนี้มันยังเป็นคำเชิญจากประมุขโดยตรง นี่ทำให้ตัวฉินซานเทียนยังลอบตกใจ
ตอนนี้มีบางคนกล้าปฏิเสธมัน!
เช่นนี้มันจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด?
กระนั้นฉินซานเทียนก็ไม่ได้มีโทสะและบังคับแต่อย่างใด ตอนนี้ตัวตนของฉินเทียนมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับตระกูลฉิน เด็กหนุ่มผู้หนึ่งกับยืนต้านทานการโจมตีจากฉินเซี่ยงเทียนได้! เพียงเท่านี้ก็พิสูจน์คุณค่าของเขาได้แล้ว
ภายในเมืองชิงเหอ ผู้เยาว์ที่สามารถรับการโจมตีของระดับสุดยอดของชั้นจิวิญญาณและยังสามารถมีชีวิตรอดมาได้มีอยู่น้อยยิ่งกว่าน้อย กระทั่งอัจฉริยะอันดับหนึ่งเสี่ยวหยูเฟิงก็ยังยากที่จะทำได้เช่นนี้
ภายในลานฝึกฝีมือ ฉินเทียนได้เอาชนะฉินคุนเพียงหนึ่งการลงมือ ต้านทานการโจมตีจากฉินเซี่ยงเทียนได้อย่างน่าอัศจรรย์ ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปราวไฟลามทุ่ง เพียงครึ่งวันผู้คนภายในเมืองชิงเหอต่างทราบโดยทั่วกัน
แม้ว่านี่จะดูราวกับเป็นการต่อสู้ที่ไม่สลักสำคัญ หากแต่ความจริงกลับดุเดือด
อัจฉริยะที่ผุดขึ้นมานี้ได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องที่เขากล้าปฏิเสธฉินซานเทียน กระทั่งตระกูลอื่นๆเองก็เริ่มให้ความสนใจขึ้นมา ใช่มีเรื่องลับลมคมในอะไรหรือไม่? หรือเป็นเพราะฉินเทียนโกรธแค้นตระกูลและต้องการแก้แค้น? ทุกคนต่างงุนงง ขณะที่ขบคิดหาสาเหตุ
เรื่องในครั้งนี้ราวกับก้อนหินถูกโยนลงไปที่ผิวทะเลสาบอันเงียบสงบจนก่อเป็นแรงกระเพื่อมขึ้นมา ไม่มีผู้ใดกล้าไม่สนใจ อาจบางทีที่เรื่องราวนี้จะกลายเป็นคลื่นที่สั่นสะเทือนในอนาคตข้างหน้า
ในยามเช้า ฉินเทียนและเมิ่งเล่ยกลับไปยังเหลาฟุหลง
ที่ส่วนหลังของเหลาฟุหลง
จางต้าฟู่หลั่งเหงื่อเย็นขณะคุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายของมันสั่นสะท้านไม่หยุด
มันทราบแล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่ลานฝึกฝีมือเมื่อเช้านี้ ในตอนนั้นมันเกือบจะฉี่รดกางเกงจากความหวาดกลัว ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มันได้กลั่นแกล้ง ทุบตีและด่าทอทั้งสองคนนั้นเอาไว้มากมาย ตอนนี้ราวกลับสวรรค์ถูกพลิกกลับ กรรมกำลังตามมาสนองมันแล้ว
ฉินเทียนกำลังนั่งอยู่ด้านบนขณะปากคาบหญ้าแห้งเอาไว้มองดูจางต้าฟู่ที่น่าขบขันผู้นี้ จิตใจเขาสงบราบเรียบ เขาไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นสุภาพบุรุษอะไรอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เขาต้องก้มหน้างกๆต้องทำตัวต้อยต่ำ มาตอนนี้ได้เห็นจางต้าฟู่ ก้มศีรษะโค้งตัวให้กับเขาอย่างอ่อนน้อมแล้ว มันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
ความลำบากที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ทำให้ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาในใจ ฉินเทียนส่งสายตาให้กับเมิ่งเล่ย
เมิ่งเล่ยที่เข้าใจความนัยเดินไปอยู่เบื้องหน้าจางต้าฟู่ สะบัดมือของมันตบไปที่ใบหน้าของจางต้าฟู่
เพี๊ยะ!
พร้อมเสียงตบที่ดังสนั่น จางต้าฟู่รู้สึกหัวหมุนงุนงง มันย่อมไม่กล้าใช้พลังปราณเข้าต้านทาน หากว่ามันใช้ สิ่งที่มันจะต้องเผชิญอาจจะไม่ใช่แค่เพียงการตบหน้า
หลังจากนั้นเมิ่งเล่ยก็หัวเราะอย่างโง่งม ความปรารถนาประการแรกของมัน….ตอนนี้ได้กลายเป็นจริงแล้ว
จากนั้นฉินเทียนก็เดินมาประคองจางต้าฟู่ขึ้น เขากล่าวว่า “เรื่องที่แล้วมาข้าจะลืมมันไป เรื่องหลังจากนี้เจ้าควรทราบว่าต้องทำอย่างไร”
“ข้าทราบแล้วขอรับ ข้าทราบขอรับ….”
จางต้าฟู่ก้มศีรษะและโค้งตัวลง มันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองฉินเทียน
“เจ้าไม่มีอะไรทำหรือไง? ไป รีบไปซะ”
“ขอรับ นายน้อยฉิน ข้าจะรีบไปแล้ว”
จางต้าฟู่รีบหลบหนีจากไปโดยเร็วขณะที่จิตใจเต็มไปด้วยความหวาดวิตก
มันเป็นเพียงบ่าวรับใช้ของตระกูลฉินที่ได้รับมอบหมายให้คอยดูแลกิจการ ตอนนี้ฉินเทียนได้ฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับมาแล้ว ฐานะของเขาแน่นอนว่าย่อมต้องสูงส่งกว่ามัน เพียงสั่งออกมาคำเดียวตระกูลฉินก็จะโยนมันออกจากเมืองชิงเหอในทันที กระทั่งสั่งให้มันฆ่าตัวตายก็ยังถือเป็นความชอบธรรม
“นายน้อย เพียงปล่อยมันไปเช่นนี้หรือ? สิ่งที่มันกระทำต่อพวกเราก่อนหน้านี้…”
“ช่างมันเถอะ บ่าวไพร่ผู้หนึ่งไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ ต่อล้อต่อเถียงไปก็เท่านั้น”
“นายน้อย เช่นนั้นพวกเราจะทำอะไรต่อดี? ฉินเซี่ยงเทียนแน่นอนว่าย่อมไม่ปล่อยพวกเราไปง่ายๆ หรือว่าพวกเราควรจะเดินทางออกจากเมืองชิงเหอ?”
ฉินเทียนหรี่ตาลง คิดไปถึงแววตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นของฉินเซี่ยงเทียน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าอ้วน พวกเราจะเดินทางออกจากเมืองชิงเหอ หากแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ควรจากไป โดยที่ยังไม่ได้จัดการกับบอสฉินเซี่ยงเทียน แล้วเขาจะจากไปได้อย่างไร?
หากเป็นภายในเกม หากว่าพบเห็นบอสแล้วยังไม่ล่าได้หรือ?
เล่มเกมแต่ไม่ล่าบอสเนี่ยนะ? ไร้สาระ
ฉินเทียนในตอนนี้ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินเซี่ยงเทียน การที่จะสังหารบอสตัวแรกนี้ได้ มีความเป็นไปได้น้อยมาก ทว่าไม่ช้าก็เร็ว บอสตัวนี้จะต้องตกตายด้วยน้ำมือของเขา หากว่าไม่ฆ่าแล้ว จิตใจเขาจะสงบได้อย่างไร?
เมิ่งเล่ยเมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่กล่าวอะไรอีก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับฉินเทียน เขาเพียงรอปฏิบัติตามเท่านั้น
“นายน้อยฉิน ท่านเจ้าเมืองต้องการจะพบท่าน” จางต้าฟู่รีบวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบก่อนจะกล่าวด้วยความเคารพ ความเคารพนี้ยังมากยิ่งกว่าพบบรรพชนของตัวมันเสียอีก
บ่างรับใช้ก็ควรกระทำเช่นนี้ มองผู้คนด้วยการแสดงออกที่ยิ้มแย้มแจ่มใส นับว่ามันมีทักษะในด้านนี้ไม่น้อย
“เจ้าเมือง?” ฉินเทียนคิดขึ้นอย่างสงสัย “ไฉนเจ้าเมืองจึงอยากพบข้า?”
“ขอรับ ตอนนี้มันอยู่ที่ห้องส่วนตัว หากว่าท่านไม่ต้องการจะพบกับมัน ข้าก็จะกลับไปปฏิเสธมัน ตระกูลฉินมักไม่เต็มใจที่จะติดต่อกับขุนนางของทางการอยู่แล้ว” จางต้าฟู่กล่าวเสียงเบา
“ข้าจะไปพบมัน นำทางข้าไป” แววตาของฉินเทียนฉายวาบขึ้น ขณะที่ภายในใจกำลังขบคิดหาสาเหตุที่อีกฝ่ายต้องการจะพบเขา
วันนี้การค้าของเหลาฟุหลงนับว่าดียิ่ง เหล่าผู่ที่มีชื่อเสียงภายในเมืองชิงเหอต่างก็แวะเวียนมา เป็นผู้คนจากสี่ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดของเมือง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนที่คล้ายกับเป็นชนชั้นสูงมา ทั้งหมดต่างมาหาฉินเทียนโดยเฉพาะ
ภายในห้องส่วนตัว
“ฮ่าฮ่า วีรบุรุษมักเกิดจากคนหนุ่ม”
ฉินเทียนก้าวเข้าไปในห้อง บุรุษวัยกลางคนที่อายุราวสี่สิบปีที่เบื้องหน้ายิ้มให้ฉินเทียน
“คารวะท่านเจ้าเมือง การมาเยือนของท่านนับว่าเป็นเกียรติแก่ร้านอาหารเล็กๆของพวกเราจริงๆ” ฉินเทียนประสานขณะกล่าวออกมา
“ฮ่าฮ่า น้องฉินช่างสุภาพนัก”
จ้าวหนานตู้พลันวางมือลงบนบ่าของฉินเทียนอย่างสนิทสนม
ฉินเทียนยิ้มแย้มและเผยสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา สีหน้าท่าทางเช่นนี้มักทำให้ผู้อาวุโสรู้สึกรักชัง เมื่อเห็นเช่นนี้จ้าวหนานตู้ก็รู้สึกดีอย่างยิ่ง
เมืองชิงเหอเป็นเมืองของราชวงศ์หลี่ เป็นเมืองสำคัญในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ
อย่างไรก็ตาม อำนาจของทางการภายในเมืองชิงเหอก็ค่อยๆตกต่ำลงจากสี่ตระกูลใหญ่ ในหลายๆเรื่องราว การตัดสินใจสำคัญมักต้องขึ้นอยู่กับสี่ตระกูลใหญ่ ซึ่งในฐานะเจ้าเมืองแล้ว จ้าวหนานตู้รู้สึกอัปยศอย่างมาก
เขาได้ยื่นคำร้องถึงราชสำนักให้เพิ่มกำลังพลของเมืองชิงเหออยู่หลายครั้ง ทว่ากลับไม่ประสบความสำเร็จแม้เพียงครั้งเดียว หลังจากเวลาผ่านไปหลายปี ทหารของเมืองชิงเหอยิ่งมายิ่งลดน้อยถอยลง
ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพึ่งอำนาจของตนเองด้วยการใช้อำนาจของขุนนางที่มีอยู่ค่อยๆริดรอนอิทธิพลของสี่ตระกูลใหญ่
มันมีความทะเยอทะยานอันสูงส่ง เพียงแต่ขาดซึ่งกำลังที่จะผลักดันให้ประสบผล มันได้รับรู้เรื่องที่ฉินเทียนปฏิเสธประมุขตระกูลฉินท่ามกลางสายตาผู้คนมา สติปัญญาที่เฉียบแหลมของมันบอกกับมันว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะชักจูงอัจฉริยะผู้นี้
ฉินเทียนมักไม่ชอบร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของทางการ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงต้องการพบกับจ้าวหนานตู้ก็เป็นเพราะทุกคนต่างต้องการที่จะประจบเอาใจเขา เขาเองก็ต้องไขว่คว้าโอกาสนี้เอาไว้
ฉินเทียนเป็นคนโลภ โลภมากจนหน้าเลือด เขาย่อมต้องไม่พลาดโอกาสทองเช่นนี้
โดยไม่ทำให้ฉินเทียนต้องผิดหวัง ขณะที่ทั้งสองกล่าวทักทายกัน จ้าวหนานตู้ก็หยิบขวดเม็ดยาออกมาจากอกเสื้อ มันลดเสียงขณะกล่าววาจา “นี่เป็นเม็ดยาหู่เซิงห้าเม็ด ใช้ในการปกป้องจิตใจและบรรเทาอาการปวด แม้ว่าจะไม่ได้มากมายอะไรนัก ถือเสียว่าเป็นความปรารถนาดีจากข้า”
“ท่านเจ้าเมืองทำอะไร? ผู้คนย่อมไม่รับสิ่งของหากไม่คู่ควรกับมัน”
ฉินเทียนแสร้งแสดงท่าทีปฏิเสธอย่างขันแข็ง ทว่ามือของเขารีบยื่นออกไปคว้ามันเอาไว้
จ้าวหนานตู้ย่อมมีประสบการณ์ด้านการเมือง แล้วมันจะไม่เข้าใจได้อย่างไร มันพลันหัวเราะขึ้นมา “ถือเสียว่าเป็นของขวัญแรกพบหน้าจากพี่ใหญ่ก็แล้วกัน นี่เป็นเพียงของเล็กๆน้อยๆ”
“นี่…นี่…เช่นนั้นข้าก็จะไม่ทำให้ท่านต้องลำบากใจแล้ว” ขณะที่กล่าวเช่นนั้น ขวดยาหู่เซิงก็อยู่ภายในอกเสื้อเรียบร้อยแล้ว ไม่มีท่าทางหลบเลี่ยงอีก ในเวลาเดียวกันเขาก็ตรวจสอบคุณสมบัติของเม็ดยาหู่เซิง
เม็ดยาหู่เซิง
ระดับ: ระดับสอง
ผล: ปกป้องจิตใจ ขับไล่สิ่งชั่วร้าย บรรเทาอาการปวด
ค่าพลังชีวิต: 400
ค่าพลังปราณ: 80
ค่าการรอดชีวิต: 20
“เป็นเพียงเม็ดยาระดับสอง น้องสาวมันเถอะ ช่างตระหนี่นัก!” ฉินเทียนคิดขึ้นอย่างดูถูก ทว่าใบหน้าของเขากลับแสดงออกถึงความปลาบปลื้มทั้งยังเกรงใจอย่างมาก
จ้าวหนานตู้เองก็ยิ้มอย่างมีความสุข มันคิดขึ้นในใจ “ฉินเทียนผู้นี้ไม่เลวเลย”
“น้องฉินวางแผนจะทำอะไรต่อไปในอนาคตหรือ?”
ฉินเทียนหัวเราะขึ้นในใจ “ได้เวลาบิดาทำการค้าแล้ว”
“ข้าวางแผนที่จะทำงานให้ดี ไม่ต้องการกลับไปยังตระกูลฉินอีก”
จ้าวหนานตู้ยินดียิ่ง คิดขึ้นในใจ “ดูเหมือนว่าเม็ดยาหู่เซิงทั้งห้าเม็ดจะไม่สูญเปล่าแล้ว ช่างคุ้มค่าเสียจริง”
“เจ้าเคยคิดจะรับราชการหรือไม่?”
“เอ๊ะ ข้าราชการหรือ? ข้าไม่บังอาจ ข้าเป็นเพียงคนต่ำต้อยผู้หนึ่ง แล้วข้าจะกล้าคิดฝันถึงการเป็นข้าราชการได้อย่างไร? ข้าไม่กล้า ข้าไม่กล้าคิดเช่นนั้น….” ฉินเทียนแสดงท่าทางไร้เดียงสา ทำให้จ้าวหนานตู้หัวเราะอย่างขบขันขึ้นมา
“ภายในกองกำลังของเมืองชิงเหอนั้นมีตำแหน่งที่ว่างอยู่ ข้ากำลังต้องการผู้ที่มีพรสวรรค์ ไม่ทราบว่าเจ้าสนใจหรือไม่? หากว่าเจ้าสนใจ ตำแหน่งหัวหน้าทีมก็ยกให้เจ้าแล้ว”
“เป็นความจริง?”
“ย่อมแน่นอน”
“แต่ข้าคงไม่อาจรับมันได้ ท่านประมุขคงไม่ปล่อยให้ข้าทำเช่นนั้น” ฉินเทียนแสดงท่าทีที่ดูลำบากใจออกมา
“ฉินซานเทียน ต้องมีสักวันที่ข้าจะกำจัดมันด้วยตนเอง…อ๊ะ..ข้าหมายถึงว่าจะพูดคุยกับมันเอง ให้มันปล่อยคนออกมา” จ้าวหนานตู้เผลอแสดงความเกลียดชังออกมา หากว่าถ้อยคำเหล่านี้ไปเข้าหูฉินซานเทียนเข้าล่ะก็ มันคงต้องเดือดร้อนแล้ว
จ้าวหนานตู้ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง เพียงควบคุมข้าราชการ หากไม่ใช่เพราะสี่ตระกูลใหญ่ไว้หน้าเขา การจัดเก็บภาษีก็คงลำบากมากแล้ว
หลังจากหลอกลวงเอาเม็ดยาหู่เซิงมาได้ห้าเม็ดแล้ว เขาก็คว้าโอกาสที่จะถอนตัวออกมาเงียบๆ จ้าวหนานตู้ที่รู้สึกว่าการพูดคุยเสียเปล่าแล้ว ราวกับคนที่หมดแรง มันยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะขอตัวจากไป
การพูดคุยเป็นการส่วนตัวระหว่างเจ้าเมืองและฉินเทียนถูกโหมกระพืออย่างหนัก เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ทราบไปถึงหูของตระกูลอื่นๆแล้ว
หลังจากนั้นฉินเทียนก็แลกเปลี่ยนคำทักทายกับคนแล้วคนเล่า ผลลัพธ์ก็คือ ในหนึ่งวันเขาได้รับเม็ดยาหยางเฉิงมาสิบสามเม็ด เม็ดยาหู่เซิงยี่สิบห้าเม็ด ได้เงินมาสี่พันตำลึงและคำสัญญาจากตระกูลนับไม่ถ้วน
ในตอนกลางคืน ฉินเทียนกล่าวพร้อมทอดถอนใจ “การแสดงเป็นทักษะในการดำรงชีวิตจริงๆ”