ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล

การผงาดขึ้นมาของฉินเทียนทำให้เกิดความตกตะลึงไปทั่ว
คืนนั้น ภายในตึกที่พักของตระกูลฉินมีเทียนเล่มหนึ่งถูกจุดขึ้น
“นี่คือเม็ดยาผลาญตะวัน หลังจากกลืนลงไปแล้วจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงเวลาหนึ่ง เจ้าจะต้องพกสิ่งนี้ติดตัวเอาไว้ตลอด”
“ท่านพ่อไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะทำให้มั่นใจว่าฉินเทียนจะไม่อาจออกจากเทศกาลล่าสัตว์ทั้งมีชีวิต!”
“คุนเอ๋อร์ เจ้าควรกลืนมันเมื่อไม่มีทางเลือกจริงๆเท่านั้น”
“ผู้บุตรทราบแล้ว”
แววตาของฉินเซี่ยงเทียนสว่างวาบ มันไม่แน่ใจว่าการมอบเม็ดยาผลาญตะวันนี้ให้กับฉินคุนจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องหรือไม่ แม้ว่าเม็ดยาผลาญตะวันจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นเป็นสองเท่า หากแต่มันก็มีผลข้างเคียงอยู่ มันจะทำให้อายุขัยถูกลดทอนลง เมื่อยาสิ้นฤทธิ์ก็จะทำให้ผู้ใช้ร่างกายอ่อนแอจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ดังนั้นหากว่าศัตรูไม่ตกตาย ตัวผู้ใช้ก็จะเป็นฝ่ายดับดิ้นไปซะเอง
มันมีเหตุผลที่จำต้องสังหารฉินเทียนให้ได้
กระนั้นตอนนี้ฉินเทียนได้อยู่ภายใต้การปกป้องคุ้มครองจากตระกูลฉิน โอกาสที่มันจะสามารถสังหารฉินเทียนมีเพียงช่วงเทศกาลล่าสัตว์
ปัจจุบันระดับการบ่มเพาะของฉินเทียนคือผู้ฝึกตนขั้นที่หก ส่วนฉินคุนนั้นอยู่ในขั้นที่เจ็ด และด้วยการช่วยเหลือจากเม็ดยาผลาญตะวัน มันย่อมไม่ยากที่จะสังหารฉินเทียนไป
……………………..
สามวันต่อมา
ที่ลานฝึกยอดฝีมือของตระกูลฉิน ที่แห่งนี้ย่อมไม่อนุญาติให้บุคคลทั่วไปเหยียบย่างเข้ามา
ฉินซานเทียนกำลังยืนอยู่ด้านบนลานประลองขณะกวาดสายตามองดูสมาชิกรุ่นเยาว์ของตระกูล ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นผู้ฝึกตนขั้นที่ห้าขึ้นไป รู้สึกสะท้านใจเล็กน้อย ผู้เยาว์เหล่านี้เป็นคนรุ่นใหม่ของตระกูลฉิน ในภายภาคหน้า พวกมันอาจจะกลายเป็นเสาหลักของตระกูลหรือสร้างชื่อให้กับตระกูล
“จะมีสักเท่าใดที่รอดชีวิตออกมา?” ฉินซานเทียนได้แต่ไต่ถามตัวเอง
ฉินเทียนยืนอยู่ที่มุมหนึ่งเงียบๆ เขากำลังพยายามควบคุมโลหิตที่เดือดพล่านลงไม่ให้เข้าไปสู้กับบอสฉินเซี่ยงเทียน ตอลดสามวันที่ผ่านมาเขาเอาแต่ครุ่นคิดหาวิธีกำจัดฉินเซี่ยงเทียน
แม้จะดูเหมือนว่ากำลังเล่นเกม หากแต่ที่เขาต้องเผชิญนั้นเป็นคนจริงๆที่มีสติปัญญา เมื่อต้องจัดการกับบอสประเภทนี้ เขาจำต้องวางแผนและเตรียมตัวให้พร้อมเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยลงมือเมื่อถึงเวลา
ฉินซานเทียนกล่าวปลุกปลอบกำลังขวัญไม่กี่ประโยค ก่อนจะประกาศรางวัลของที่หนึ่งในเทศกาลล่าสัตว์
แววตาของทุกคนต่างเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เลือดลมสูบฉีด
โดยผิวเผินแล้วเทศกาลล่าสัตว์นี้ก็คล้ายกับเกม หากแต่มันอาจมีการตายเกิดขึ้นได้เนื่องเพราะมันไม่มีกฏใดๆไว้คอยควบคุม
เทศกาลจะจบลงภายในสามวัน
นี่เป็นการทดสอบของเหล่าชนรุ่นเยาว์ของตระกูล เป็นการทดสอบจิตใจ หากว่ามีบางคนที่โชคดีรอดชีวิตออกมาได้ คนผู้นั้นก็จะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหรือกระทั่งมีโอกาสที่จะได้เป็นประมุขคนต่อไปของตระกูล
เพื่อที่จะเอาชีวิตรอดแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องโหดเหี้ยม กฏการแข่งขันมีเพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือ เอาชีวิตรอดกลับออกมาให้ได้
อาณาเขตการแข่งขันจะจัดขึ้นใกล้กับเขตเทือกเขาคุนหลุน พื้นที่แถบนั้นมักมีหมอกหนา เต็มไปด้วยป่า กระทั่งมีเสียงของสัตว์อสุรดังขึ้นเป็นครั้งคราว ราวกับกำลังเตือนว่าที่นี่อันตราย อย่าได้เข้าใกล้เป็นอันขาด
หลังจากที่เข้าไปยังพื้นที่ล่าแล้ว สมาชิกของตระกูลทั้งห้าสิบเจ็ดคนต่างก็แยกย้ายกันไปในแต่ละทิศ ส่วนใหญ่มักแยกออกไปตามลำพัง กระนั้นก็ยังมีผู้ที่จับกลุ่มกันอยู่
มองดูป่าไม้หนาทึบที่เบื้องหน้าแล้ว ฉินเทียนก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “การล่าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว…”
“นี่ ไปด้วยกันเถอะ ขะ…ขะ..ข้าค่อนข้างกลัวเล็กน้อย” มีเสียงที่อ่อนแอดังขึ้นใกล้ๆกับเขา
ฉินเทียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นเด็กหญิงตัวสั่นเทาอยู่ไม่ไกลจากเขา ขณะที่เขากำลังจะกล่าวปฏิเสธนั้นเอง เสียงของระบบก็ดังขึ้นภายในศีรษะ
“ยอมรับคำเชิญร่วมปาร์ตี้ของอวิ๋นม่าน รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 100 หน่วย ค่าพลังปราณ 50 จุด ค่าการรอดชีวิต 20 จุด”
“บัดซบ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? ทำไมถึงมีการชวนเข้าปาร์ตี้ได้? นางไม่ใช่กระทั่งผู้เล่นด้วยซ้ำ!” ฉินเทียนไม่เข้าใจระบบ เด็กหญิงนางนี้จะทำให้เขามีภาระเพิ่มขึ้นหากนำนางไปด้วย นางไม่เพียงต่อส่งผลความเร็วในการสังหารของเขา หากแต่ยังเสี่ยงที่ความลับในการบ่มเพาะของเขาก็อาจจะถูกเปิดเผยอีกด้วย
ทว่าหากว่าไม่ยอมรับเขาก็ต้องถูกลงโทษ โดยไม่มีทางเลือกอื่นอีก เขาก็กล่าว ‘ยอมรับ’ ในใจ ขณะที่ปากของเขาตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ “อืม”
อวิ๋นม่านกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจและถามอย่างใสซื่อ “จริงหรือ? เยี่ยมไปเลย! ฮี่ๆ…”
ฉินส่ายศีรษะและถอนหายใจออกมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปยังใบหน้ารูปไข่และขาที่เรียวงามคู่นั้นแล้ว ฉินเทียนก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา ระหว่างเดินทางการมีสาวงามร่วมทางไปด้วยย่อมต้องดีกว่าอยู่แล้ว
ในระหว่างทางทั้งสองก็ได้ยินเสียงอันแปลกประหลาดของแมลง มันทำให้อวิ๋นม่านรู้สึกแตกตื่นอย่างมาก นางรีบถลันไปหลังอยู่หลังฉินเทียนด้วยความกลัว แต่เพียงหลังจากที่นางได้สติกลับมาแล้ว นางก็เผยด้านที่โหดร้ายออกมา อวิ๋นม่านใช้เท้าเหยียบย่ำแมลงพวกนั้นจนจมดินไป นั่นทำให้ฉินเทียนไม่แน่ใจแล้วว่านางหวาดกลัวหรือเกลียดชังพวกแมลงกันแน่
เมื่อทั้งสองล่วงเข้าสู่อาณาเขตของเทือกเขาคุนหลุนก็ไม่ได้พบกับการจู่โจมจากสัตว์ปีศาจแ่อย่างใด การเดินทางเป็นไปโดยราบรื่น อย่างไรก็ตาม การระเบิดพลังปราณออกมาเป็นระยะของอวิ๋นม่านก็สร้างความปวกเศียรเวียนเกล้าให้กับฉินเทียน
ทุกๆการกระทำของอวิ๋นม่านแทบจะไม่ได้แตกต่างไปจากเด็กเล็ก หากแต่ก็น่ารักยิ่ง
หากว่าเป็นที่โลกก่อน ฉินเทียนคงจะนำนางไปเที่ยวชมยังสถานที่ที่มีธรรมชาติอันงดงามเพื่อสร้างความรู้สึกดีๆให้กับนางไปแล้ว พวกเขาสามารถหัวร่อต่อกระซิกและเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกที่ราวกับตกอยู่โลกแห่งความสุขด้วยกัน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้นั้นแตกต่างออกไป ผู้ใดจะทราบได้ว่าจะมีอันตรายใดเกิดขึ้นในวินาทีข้างหน้า
ยิ่งทั้งสองล่วงลึกเข้าไปในป่า ต้นไม้ก็ยิ่งมายิ่งแน่นขนัดและบรรยากาศก็ยิ่งอึมครึม
“นี่ พวกเราช้าลงหน่อยได้หรือไม่? ข้ากลัว อืม..” อวิ๋นม่านถามเสียงแผ่วเบา
“ไม่” คำตอบที่รวบรัดหมดจรดโดยไม่มีร่องรอยความสงสารของฉินเทียนทำให้อวิ๋นม่านรู้สึกผิดคาด ปากของนางพลันยื่นน้อยๆอย่างไม่พอใจขณะถลึงตาใส่ฉินเทียน
“โฮกกกกก….”
เสียงอันดุร้ายของสิ่งมีชีวิตพลันดังขึ้น ไล่หลังเสียงแรกมายังคงมีเสียงกรีดร้องอีกหลายเสียง
ฉินเทียนหน้าเปลี่ยนสี เขาหยุดเท้าและเงี่ยหูฟังครู่หนึ่งก่อนจะหันไปกล่าวกับอวิ๋นม่าน
“อยู่ใกล้ข้าเอาไว้ อย่าได้ห่างออกไป”
“เจ้าจะทำอะไร?” ยังไม่ทันที่อวิ๋นม่านจะกล่าวจบ ฉินเทียนก็พุ่งตัวออกไปราวกับเสือชีตาร์
อวิ๋นม่านตะลึงงัน นางเบิกตากลมกว้างขณะที่กระทืบเท้าอย่างด้วยความโกรธ เมื่อนางสังเกตเห็นว่ารอบกายเต็มไปด้วยความมืดมิด นางก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจึงรีบติดตามฉินเทียนไป
ฉินเทียนไม่ได้เร่งความเร็วมากนัก ผู้ที่สามารถเข้าร่วมเทศกาลล่าสัตว์ได้อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้ฝึกตนขั้นที่ห้าขึ้นไป เขาเชื่อว่าอวิ๋นมากย่อมต้องติดตามได้ทันไม่ยาก
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องยาก หากแต่ก็ต้องใช้เวลาอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม เพียงชั่วไม่กี่ลมหายใจ อวิ๋นม่านก็ติดตามฉินเทียนทันอย่างเหนือความคาดหมาย ทุกย่างก้าวของนางเต็มไปด้วยความสง่างามคล้ายกับว่านางกำลังลอยตัวอยู่ ราวกับภูติทะยานเหนือเมฆ
“นี่ เจ้ากำลังหาอะไรอยู่….”
ฉินเทียนประหลาดใจเล็กน้อยขณะลอบคิดขึ้นในใจ “ความแข็งแกร่งของสาวน้อยนี่ไม่เรียบง่ายอย่างที่เห็นเสียแล้ว”
——————————–
พยัคฆ์ดุร้ายซึ่งเป็นสัตว์ปีศาจขั้นที่สอง มีลำตัวยาวสิบฟุตทั่วร่างปกคลุมไปเส้นขนสีแดงเพลิง มันทรงพลังขณะที่ร่างกายของมันแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า การจะสังหารมันได้มีเพียงทางเดียวคือเล็งไปที่หัวของมัน แต่ด้วยความเร็วของมันแล้ว การจะโจมตีกระทบถูกนับเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
ฉินซาน ฉินหนิว ฉินหู่ล้อมกรอบพยัคฆ์ดุร้ายเอาไว้ ดวงตาข้างหนึ่งของมันบอดไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจุดจบของมันคงอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก
ใบหน้าของบุรุษทั้งสามเต็มไปด้วยความยินดี ฉินหนิวหัวเราะคิกคัก “ช่างโชคดีนัก นี่เป็นสัตว์ปีศาจขั้นที่สอง”
“ฮ่าฮ่า..ถูกแล้ว”
“พี่ซาน สัตว์ปีศาจขั้นที่สองมีค่าห้าแต้ม พวกเราสมควรแบ่งมันอย่างไร?”
“แบ่งอย่างไรน่ะหรือ? สังหารมันก่อนค่อยว่ากัน”
“ตกลง”
ทั้งสามได้ร่วมกันโจมตีใส่พยัคฆ์ดุร้าย หากแต่หลังจากโจมตีอยู่พักใหญ่ความรุนแรงก็ไม่อาจเทียบเท่ากับในตอนแรก ฉินเทียนที่ลอบสังเกตการณ์อยู่ในเงามืดเข้าใจสถานการณ์ได้ทันที พวกมันทั้งสามล้วนแต่เก็บออมกำลังเอาไว้ พวกมันไม่ได้ไว้เนื้อเชื่อใจกันดังที่แสดงออกมา
คงอีกไม่นานที่ทั้งสามจะหันไปฆ่าฟันกันเอง
“พี่หนิว ไฉนท่านไม่ลงแรงมากกว่านี้? ท่านเพียงใช้กระบวนโคถึกโจมตี ท่านต้องการจะทำอะไรกันแน่ เอ๊ะ…”
“มารดามันเถอะ อา หยุดบ่นข้าเสียที พี่ซานเองก็กระทำเช่นเดียวกันไม่ใช่หรือ”
“โฮกกกก”
ในเวลานั้นเอง พยัคห์ดุร้ายก็ร้องคำรามออกมาตะกายพื้นดิน ก่อนที่จะกระโจนเข้าหาฉินหู่ เมื่อเห็นพยัคฆ์ดุร้ายพุ่งเข้าหา ใบหน้าของฉินหู่ก็ซีดเผือด มันรีบตะโกนออกมา “ช่วยข้าด้วย!”
อย่างไรก็ตาม ทั้งฉินซานและฉินหนิวต่างแค่นเสียงอย่างเย็นชา ให้ช่วยเจ้าหรือ? ฝันไปเถอะ!
หมับ!
ลำคอของฉินหู่ถูกพยัคฆ์ดุร้ายขย้ำจนหักไป โลหิตมากมายฉีดพุ่งออกไปทุกทิศทาง
“พี่หนิว ข้าจะรับไปสองแต้ม ท่านรับไปสามแต้ม มาจัดการมันกันเถอะ!”
“ฮ่าฮ่า ตกลง!”
ฉินหนิวรวบรวมพลังปราณและที่ระเบิดปราณออกมา หมัดที่ห่อหุ้มพลังปราณเอาไว้ทั้งสองข้างราวกับจะสามารถฉีกกระชากภูเขาได้พุ่งเข้าหาส่วนศีรษะของพยัคฆ์ดุร้ายทำให้มันทรุดลงไปกับพื้นในสภาพร่อแร่
“ฮ่าฮ่า พี่หนิว กระบวนท่าของท่านช่างทรงพลังนัก” ฉินซานไพล่มือทั้งสองเอาไว้ด้านหลังขณะที่ค่อยๆก้าวเข้าหาฉินหนิวอย่างเชื่องช้า
ในมุมมืด ฉินเทียนหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชาขณะคิดขึ้นในใจ “ช่างโลภมากจริงๆ”
เมื่อฉินซานเข้าไปใกล้ สองมือของมันพลันขยับเคลื่อนไหวระเบิดพลังปราณออกมา ฉินหนิวที่เห็นดงันั้นเพียงหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้ายังห่างไกลจากข้ามากนัก”
ขณะที่ฉินซานกำลังจะลงมือ ฉินหนิวก็รวบรวมพลังปราณเพื่อเตรียมจัดการกับฉินซานอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อฝ่ามือของทั้งสองเข้าปะทะกันก็กระแทกพวกมันทั้งสองให้ต้องลอยถอยหลังไปและกระอักโลหิตออกมา
“ฮ่าฮ่า…”
“ช่างวิเศษนัก….”